TRUE TALK : 5 สิ่งที่เรารู้หลังผ่าน พรีเมียร์ลีก สัปดาห์ที่ 36 ... by "Mr.BOSTON"

ผ่านไปแล้ว 36 นัด ในศึกพรีเมียร์ลีก นั่นหมายความว่าเรากำลังนับถอยหลังแค่ 2 นัดเท่านั้น เพื่อที่จะปิดฉาลีกสูงสุดของฟุตบอลอังกฤษในฤดูกาลนี้ลง

เกมสัปดาห์ที่ 35 สำหรับบางทีมเมื่อกลางสัปดาห์ก่อน และ เกมนัดที่ 36 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่ได้ทำให้สถานการณ์โดยรวมเปลี่ยนแปลงมากมายนัก เพราะทีมล่าแชมป์ก็เหมือนจะกอดคอกันชนะ ส่วนทีมล่าตั๋วแชมเปี้ยนส์ ลีก ก็เหมือนตั้งใจจะกอดคอกันสะดุดเสียอย่างนั้น

แต่แน่นอน ก่อนที่เกมสัปดาห์ที่ 37 จะเริ่มขึ้นสุดสัปดาห์นี้ เราไปย้อยร้อยกับ 5 สิ่งที่เราเรียนรู้ในเกมสัปดาห์ทีผ่านมากันสักนิด ถือเป็นการสรุปสิ่งที่เกิดขึ้นก็ได้ครับ

20 คูณ 5 เลขบ้า ๆ ของ อเกวโร่

20 ประตูอย่างต่ำ คือจำนวนที่ประตูที่ เซร์คิโอ ‘กุน’ อเกวโร่ ยิงได้ติด ๆ กันมาเป็นเวลา 5 ฤดูกาล กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลังเขาช่วยทำประตูให้ “เรือใบสีฟ้า” เชือดเบิร์นลี่ย์ หวุดหวิด 1-0 ซึ่งทำให้เขาเป็นนักเตะคนแรกนับตั้งแต่ เธียร์รี่ อองรี ที่ทำสถิตินี้ได้

และประตูของ อเกวโร่ ยังทำให้ทีมของเขา อยู่ห่างจากแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกสมัย แค่เพียงชัยชนะ 2 นัดเท่านั้น ซึ่งมันไม่ได้ไกลเกินไป และที่โชคดีกว่านั้น คือ ชะตากรรมที่เหลือ อยู่ในมือพวกเขาด้วย ต่างจาก คู่แข่งลุ้นแชมป์ที่ต้องมานั่งแช่งพวกเขาอยู่ในตอนนี้

เป็ป กวาร์ดิโอล่า เอง ก็ได้ออกมายกย่อง อเกวโร่ หลังเกมล่าสุดด้วยว่า

“เขาเป็นตำนาน เขาทำแบบนั้นตลอดมา ยิงประตูสำคัญให้กับพวกเรา, เขาเป็นผู้เล่นที่เหลือเชื่อมาก”

ตำนานของ อเกวโร่ เริ่มนับ 20 ฤดูกาลแรก เป็นฤดูกาลที่ทุกคนน่าจะจำได้ดี เมื่อเขายิงประตูแอนตี้ ไคล์แม็กซ์ สำหรับบรรดาแฟน “ปีศาจแดง” ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เอาชนะ ควีนส์ ปาร์ค เรนเจอร์ส ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 3-2 และปาดหน้า ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ไปในที่สุดจากประตูได้เสียที่ดีกว่า

นับจากวันนั้นมา เขาก็ยิง 20 ประตูขึ้นไปมาได้ตลอด

และไม่แน่ เกมสุดท้ายของฤดูกาล เขาอาจจะเป็นคนที่ยิงประตูสำคัญ หรือประตูสุดดราม่า อีกครั้งก็ได้นะ…

เด เกอา กับความน่าผิดหวังต่อเนื่อง 

ถ้าให้จัดอันดับผู้เล่นฟอร์มย่ำแย่งที่สุดของเดือนเมษายน ชื่อของ ดาบิด เด เกอา อาจจะมีส่วนร่วมเข้าชิงรางวัลนี้ในฐานะไฟนอลิสต์ 5 รายชื่อสุดท้าย

ดีไม่ดี ได้รางวัลนี้ไปด้วย!

ผลงานเสียประตู 14 ลูกจาก 7 นัดในเดือนเดียวรวมทุกรายการ หรือถ้านับแค่พรีเมียร์ลีกอย่างเดียว ก็จัดไปเบาะ ๆ ที่ 10 ประตู จาก 5 นัด ไม่ว่าจะหน้าไหน ก็คือเสียเฉลี่ยนัดละ 2 ประตู ซึ่งมากเกินไปสำหรับนายทวารผู้เคยได้ขึ้นชื่อว่า “ดีที่สุดในโลก” อย่าง เด เกอา

ที่หนักคือ ใน 3 นัดหลัง มีประตูที่ไม่น่าเสียทุกเกม ทั้งเกมกับ เอฟเวอร์ตัน, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ เชลซี โดยทั้ง 3 นัดที่ว่ามา ล้วนแต่มีประตูที่ยิงตรงตัวของนายทวารทีมชาติสเปน แต่กลายเป็นประตูด้วยทางใดสักทางหนึ่ง ทั้ง 3 นัด

สถานการณ์เช่นนี้ ยังทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ดูเป็นรองอยู่แล้วในการไล่ล่าพื้นที่ แชมเปี้ยนส์ลีก ลุ้นตำแหน่งดังกล่าวยากเข้าไปใหญ่ เพราะปกติต่อให้ฟอร์ม เด เกอาดี ๆ กองหลังก็สร้างงานได้อยู่แล้ว พอฟอร์มเข้าป่า เลยบ้าบอไปกันใหญ่

ฟอร์มของเขาแปรผันตรงกับทีมอย่างเห็นได้ชัด เพราะ ในเดือนเมษายน ยูไนเต็ดชนะเพียง 1 จาก 7 นัดในทุกรายการเท่านั้น

และถ้าเด เกอา ยังเล่นแบบนี้ในสองนัดสุดท้าย แมนยู ก็ปิดตายประตูไปถ้วยใหญ่ของสโมสรยุโรปในฤกาลหน้าได้เลย

ปืนใหญ่ไร้พลัง

ช่วงนี้ ต้องยอมรับว่า ทีมลุ้นท็อปโฟร์ เล่นเหมือนไม่อยากไป แชมเปี้ยนส์ ลีก กันจริง ๆ ถ้าไม่นับว่า ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ที่เพิ่งชนะมาในเกมตกค้าง เมื่อ 24 เมษายน ทำให้สถานะของพวกเขาดูดีที่สุดในบรรดาทีม ท็อป 4 แล้ว ที่เหลือแทบไม่มีใครเก็บ 3 คะแนนได้อย่างจริงจังเลย

ที่หนักสุด ก็ดูเหมือนจะเป็นแมนฯ ยูไนเต็ด กับ อาร์เซน่อล เพราะทั้งคู่เล่นไม่เหมือนทีมลุ้นอันดับ ท็อป 4 เลย

โดยเฉพาะทีมปืนใหญ่ ที่ 3 นัดหลังสุด แพ้รวด แถมโดนยิงนัดละ 3 ลูก ทั้งที่ แบรนด์ เลโน่ เชฟแล้ว เชฟอีก แต่ก็ยังเละอยู่ดี

มันเหมือนกับว่า สมาธิของพวกเขา อยู่ที่เกม ยูโรป้า ลีก รอบรองชนะเลิศไปแล้ว และไม่เหลือพอสำหรับการลุ้นพื้นที่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกต่อไป

แน่นอน แฟน “ปืนใหญ่” อาจจะคิดได้ว่า ถ้าได้แชมป์ ยูโรป้า ลีก ก็ได้ไป แชมเปี้ยนลีก เหมือนกัน แต่นี่มันเหมือนไม่มี แพลนบี สำหรับความผิดพลาด เพราะถ้าหากพวกเขาพลาดท่ากับบาเลนเซีย แบบนี้ก็ตัวใครตัวมันเลยทีเดียว

ยังดีที่ เชลซี เอง ก็ยนังรออยู่ และ โปรแกรมในเกมที่เหลือ ก็ยังพอเป็นไปได้ ที่อาร์เซน่อล จะแซงขึ้นมารั้งที่ 4

แต่คราวนี้ ก็ต้องวัดใจ อูไน เอเมรี่ กันหน่อย ว่าจะเดินหมากยังไงดี?

คาร์ดิฟฟ์ กับ มิสชั่น (อัน)อิมพอสซิเบิ้ล

 หาก คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ จะรอดตกชั้น พวกเขาต้องชนะใน 2 เกมที่เหลือ และลุ้นให้ ไบรจ์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยนส์ ทีมอันดับ 17 ที่นำพวกเขาอยู่ 4 คะแนน แถมมีประตูได้เสียดีกว่าพวกเขาถึง 14 ประตูพ่ายทั้งหมด ซึ่งฟังดูแล้ว เหมือน มิสชั่นอิมพอสซิเบิ้ล ยังไงอย่างงั้น

แต่ ในความเป็นจริง เมื่อดูทุกองค์ประกอบแล้ว ชีวิตของพวกเขาไม่ได้ไร้ซึ่งความหวังขนาดนั้น

พวกเขามีเกมอีก 2 นัด ที่จะพบกับ คริสตัล พาเลช ในบ้านตัวเอง และ ไปเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงที่ ดาบิด เด เกอา ฟอร์มเสียศูนย์ที่สุดครั้งหนึ่งตลอดการเล่นอาชีพ ในทางตรงกันข้าม ไบรจ์ตัน ที่พวกเขาต้องแช่งให้พบกับความพ่ายแพ้ในอีก 2 นัดที่เหลือ ต้องเจอกับ อาร์เซน่อล ที่กำลังลุ้นท็อปโฟร์ ในเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม และเฝ้าบ้านรับการมาเยือนของทีมที่อาจจะต้องชนะเพื่อคว้าแชมป์อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ดังนั้น นีล วอร์น็อค อาจจะต้องสั่งให้ทีมบวกได้เป็นบวกไว้ก่อน เพราะตามทฤษฏี ดูเหมือนยากก็จริง แต่ในทางปฏิบัติ ยังเป็นไปได้ และดูเหมือนโอกาสสูงเสียด้วย

ตำแหน่ง “ดาวซัลโว” จะอยู่ที่ใคร

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ 21 ประตู, ซาดิโอ มาเน่ และ เซร์คิโอ้ ‘กุน’ อเกวโร่ เท่ากันที่ 20 ประตู นี่น่าจะเป็นไฟนอลลิสต์ 3 คนสุดท้าย ที่มีลุ้นรางวัล ดาวซัลโวของพรีเมียร์ลีก ประจำฤดูกาลนี้

ลิเวอร์พูล จะมีเกมสัปดาห์ที่จะถึงนี้ กับ นิวคาสเซิ่ล และ ปิดท้ายฤดูกาลกับ วูลฟ์แฮมป์ตัน ในแอนฟิลด์ ซึ่งแน่นอน เป็นเกมที่ต้องชนะทั้ง 2 เกม นั้นหมายความว่า เป็นเกมที่จำเป็นต้องทำประตูด้วย

ฝั่งแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ไม่ต่างกัน พวกเขาต้องชนะทั้ง 2 เกม ในการเจอกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ที่ดูเป็นงานหนักในสัปดาห์นี้ ในบ้านของพวกเขา ก่อนที่จะไปเยือนทีมหนีตกชั้นอย่าง ไบรจ์ตัน ในเกมสุดท้าย

ถ้าจะดูกันที่ การเล่มเกมรับของทีมที่พวกเขาทั้ง 2 ทีมต้องเจอ ลิเวอร์พูล ดูเหมือนจะเจองานยากกว่ากน่อย เพราะ ทั้ง 2 ทีมอย่าง นิวคาสเซิ่ล และ วูล์ฟส์ มีสถิติเกมรับที่ดีกว่าทั้งเลสเตอร์ และ ไบรจ์ตัน ที่ ซิตี้ ต้องเจอ แต่นั่นก็ไม่ได้การันตีว่า ซาลาห์ และ มาเน่ จะยิงน้อยกว่า อเกวโร่

อย่างไรก็ตาม อีก 180 นาทีที่เหลือ จะเป็นตัวตัดสินว่า รางวัลนี้ จะตกไปอยู่ที่ ปีกอียิปต์ กองหน้าเซเนกัล หรือ ศูนย์หน้าเรือใบ

“Mr.BOSTON”

ดูบอลสดผ่านเว็บไซต์ กดเลย

ช่องทางการรับชมการถ่ายทอดสดทาง TrueID

ดูบอลสดผ่านแอปพลิเคชั่น ทรูไอดี คลิก!
ดูบอลสดผ่านเว็บไซต์ ทรูไอดี ฟรี คลิก!

ติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports