TRUE TALK : ถึงเวลายอมรับว่า เวียดนาม ดีกว่า ไทย ? ... by "บก.เก้น"
26,853 ชีวิตใน ช้าง อารีน่า
บวกกับสายตาแฟนบอลนับล้านที่จับจ้องเกมคู่นี้ทั่วทุกภูมิภาคอาเซียน
ทัวร์นาเม้นต์อันทรงเกียรติ และเก่าแก่ที่สุดในเอเชียอย่าง คิงส์ คัพ ครั้งที่ 47
ไทย ลงสนามพบกับคู่ปรับตลอดกาลอย่าง เวียดนาม
ท่ามกลางสายฝน บวกกับอากาศที่ค่อนข้างอบอ้าวเล็กน้อย ณ บุรีรัมย์ จังหวัดที่กำลังสถาปนาตัวเองให้กลายเป็น “จุดหมายปลายทางของคนรักฟุตบอล” อย่างแท้จริง เรากำลังได้ชมเกมที่เปรียบเสมือนการตัดสินความเป็นมหาอำนาจลูกหนังแถบอาเซียนระหว่าง ไทย กับ เวียดนาม อย่างแท้จริง
ก่อนเกม บรรยากาศนอกสนามเรียกได้ว่าคึกคัก และสุมไฟความระอุให้เร่าร้อนขึ้นอย่างชัดเจน แฟนบอลไทย แฟนบอลเวียดนาม และชาวบุรีรัมย์มากมายต่างตบเท้าเข้ามายัง ช้าง อารีน่า ก่อนเกมนี้จะถือฤกษ์เปิดฉากฟาดแข้งร่วมสี่ชั่วโมง แม้จะมีฝนโปรยลงมาอย่างหนัก แต่นั่นหาได้ทำให้ศรัทธาของพวกเขาเลือนลางหายไปตามสายฝนแต่อย่างใด
ในเมื่อโลกฟุตบอลนั้นแสนจะโหดร้ายเกินว่าที่ใครจะคาดคิด และเกมๆ นี้ต้องมีผู้แพ้หนึ่งทีม ฉะนั้นฝั่งไหนกันที่จะต้องเป็นฝ่ายแบกรับความผิดหวังในเกมสำคัญเช่นนี้…
ไทย vs เวียดนาม
ครึ่งแรกที่เต็มไปด้วยความ “อึดอัด”
วันนี้ “โค้ชโต่ย” จัดทัพได้ค่อนข้าง “เซอร์ไพรส์” ผมอยู่พอสมควร โดยเฉพาะในแดนกลาง หลังตัดสินใจ “ไม่มีเพลย์เมคเกอร์” อยู่ในสนามแทนที่ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บจนต้องถอนตัวไปในทัวร์นาเม้นต์นี้ นั่นเท่ากับว่า มิดฟิลด์สามคนในสนามนั้นมีสไตล์ที่ไม่แตกต่างกันมากสักเท่าไหร่
ส่วนกรณี สุภโชค สารชาติ ที่ได้ออกสตาร์ทแทนที่กัปตันตัวจริงอย่าง ธีรศิลป์ แดงดา นั้นยังพอเข้าใจได้ว่า “เอล แดงดา” อาจจะยังไม่ฟิตสมบูรณ์ ตรงนี้ก็คงไม่ว่ากัน
เมื่อ ไทย ไม่มีตัวรุกธรรมชาติในแดนกลาง เราจะเซตเกมรุกอย่างไร จะอาศัยบอลยาวจาก ธีราทร หรือจังหวะทะลุทะลวงของ ฐิติพันธ์ อันนี้ก็คงต้องรอดูหลังเสียงนกหวีดแรกของ จุมเป อิอิดะ ผู้ตัดสินระดับแถวหน้าจากแดนปลาดิบ
แม้สิ่งที่เกิดขึ้นในสนาม ดูเหมือนเฮดโค้ชรายนี้จะวางดาวเตะจาก โออิตะ ทรินิตะ ให้ยืนสูงกว่า สารัช กับ ธนบูรณ์ มากเป็นพิเศษ แต่ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วง 45 นาทีแรกก็คือ กลายเป็น “เจ้านิว” ที่วิ่งพล่านไปทั่วแดนกลางอยู่คนเดียว หลายๆ ครั้งที่เจ้าตัวต้องลงมาถอยต่ำล้วงบอล ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างแดนกลางกับแดนหน้าของไทย ในขณะที่โค้ชโต่ยเองก็ยังวางใจ ไม่ปรับแทคติกแต่อย่างใด
นั่นจึงเป็นที่มาของความ “อึดอัด” ของแฟนบอลบ้านเราทุกคน ครั้งจะรุก ก็รุกไม่ถึง จะรับ ก็ดูจะมีความสับสนในการสื่อสารกัน และกัน เราจึงเห็นความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ของนักเตะไทยอยู่บ่อยครั้ง เช่นการสกัดบอล การให้บอล ลูกทุ่ม ครั้นจะโทษว่าพื้นสนามลื่นก็ไม่ได้ เพราะนักเตะเวียดนามเองก็ลงเล่นบนผืนหญ้าเดียวกับเรา
สารัช อยู่เย็น ไม่สามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีเท่าที่แฟนบอลคาดหวังไว้นั่นคือ “การตัดเกม”รวมถึงการปล่อยให้ เหงียน วาน ต๊วน ได้ลากเลี้อยเป็นว่าเล่น และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาถูกเปลี่ยนตัวออกทันทีหลังครบ 45 นาทีแรก โดยมีจอมทัพตัวจริงอย่าง สุมัญญา ปุริสาย ลงมาแทน พร้อมขยับแทคติกพอสมควร
ไม่รู้ว่าเป็นการเรียกตัวที่ “เสียของ” รึเปล่า เพราะจริงๆ แล้ว ตัวเลือกที่หลุดไปอย่าง พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล (สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด) หรือแม้แต่ ศศลักษณ์ ไหประโคน ที่หุบเข้ามาเล่นตรงกลางได้ ล้วนแต่กำลังโชว์ฟอร์มได้ดีกับต้นสังกัด แต่กลับถูกหมางเมินอย่างไร้เยื่อใย
แต่ใช่ว่าเราจะมีแต่ข้อเสีย เพราะข้อดีที่เห็นได้ชัดจาก ฐิติพันธ์ และธีราทร ในการรับใช้ชาติครั้งนี้ก็คือ พวกเขาแบกความมั่นใจกลับมาจากญี่ปุ่น ทั้งคู่แสดงให้เห็นถึงสเต็ป & คลาสบอลที่สูงขึ้นจนดูเหมือนว่าเพื่อนร่วมทีมตามไม่ทันแล้ว บวกกับความแข็งแกร่งของสภาพร่างกาย และจิตใจ ทำให้ทั้งสองเอาตัวรอดในสถานการณ์คับขันช่วงครึ่งแรกได้เสมอ นี่คือตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นว่า ทำไม่เราถึงต้องพยายามผลักดัน และส่งออกนักเตะไทยไปค้าแข้งในลีกที่มีมาตรฐานสูงกว่าเรา เพื่อเมื่อนักเตะเราแข็งแกร่ง ทีมชาติเราก็จะแข็งแกร่งตามกันไปนั่นเอง
แต่ฟุตบอลเล่นกันเป็นทีม ทีมชาติไทยไม่มีวันเอาชนะ เวียดนาม ได้ด้วยนักเตะเพียงแค่สองคน และนั่นคือการบ้านที่ ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย ต้องรีบแก้ไข หากไม่อยากตกอยู่ในที่นั่งลำบากในครึ่งหลัง
ในวันที่ผู้ตัดสิน “คุมเกมไม่อยู่”
อะไรจะเกิดขึ้นถ้าผู้ควบคุมกฎในสนาม มิอาจทำหน้าที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ?
ด้วยชื่อชั้น และดีกรีของ จุมเป อิอิดะ ที่เป็นผู้ตัดสินระดับฟีฟ่า 1 ใน 7 คนของ ญี่ปุ่น บวกกับประสบการณ์ในเวทีเจลีก และระดับเอเชียมาอย่างโชกโชน ทำให้หลายๆ คนเชื่อว่า การได้เชิ๊ตดำที่มากไปด้วยประสบการณ์ และมาตรฐานเยี่ยงนี้ จะทำให้การพบกันระหว่าง ไทย กับ เวียดนาม นั้นเต็มไปด้วยการตัดสินที่เที่ยงตรง
แต่ในเมื่อตราชั่ง เมด อิน เจแปน รายนี้ ไม่สามารถคุมสถานการณ์ในสนามได้ ด้วยการปล่อยให้นักเตะเวียดนามเล่นหนักใส่แข้ง “ช้างศึก” ตลอดทั้งเกม ความวุ่นวายจึงเกิดขึ้น และนั่นคงจะโทษใครไปไม่ได้นอกจากชายที่ชื่อว่า จุมเป อิอิดะ
ปาร์ค ฮัง โซ น็อคไทยด้วยลูกหนัก หัวใจ และความอดทน
สิ่งที่ เวียดนาม ภายใต้การนำของ ปาร์ค ฮัง โซ ได้แสดงให้เราทุกคนเห็นก็คือ “พวกเขาไม่กลัวไทย” เลยแม้แต่น้อย วัดจากรายละเอียดเล็กเล็กๆ น้อยๆ ในเกมเช่น การเข้าบอลที่ “ถึงเนื้อถึงตัว” ตลอดทั้งเกม การกล้าเปิดเกมรุกเข้าแลกกับ ไทย รวมถึงการเล่นเกมรับแบบอดทนในช่วงที่พวกเขารู้ตัวว่า เริ่มเป็นรองแข้ง “ช้างศึก”
ปาร์ค ฮัง โซ รู้ดีถึงพิษสงความอันตรายของ ศุภชัย ใจเด็ด ดังนั้นภาพที่เห็นในเกมนี้คือ ทันทีที่ ศุภชัย ได้บอล จะมีนักเตะเวียดนามอย่างน้อยสองคนที่วิ่งเข้ามาบีบ และเล่นหนักใส่ทันที เพื่อไม่ให้ดาวเตะของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด รายนี้ได้พลิกบอลหันหน้าเข้าหาประตู
หรือแม้แต่ เหงียน วาน ต๊วน กับ เหงียน ควง ไฮ ที่เพรสซิ่งไล่บีบจนทำให้แนวรับของเราต้องออกบอลยากๆ โดยตลอด พร้อมกับอาศัยช่องว่างระหว่าง สารัช กับกองหลังคอยทำเกมรุกกดดันเราอยู่หลายครั้ง ที่สำคัญยังเป็นการเซตเกมที่จบด้วยการยิงประตูได้อีกด้วย
เช่นเดียวกับกัปตันทีมอย่าง เก งอค ไฮ ที่เข้าบอลทุกจังหวะด้วยความหนักหน่วง เด็ดขาด และไว้ใจได้ทุกครั้ง พร้อมออกโรงกระตุ้นเพื่อนร่วมทีมให้ตื่นตัวอยู่เสมอ แสดงให้เห็นถึงบารมี และภาวะความเป็นผู้นำในสนามอย่างแท้จริง
ยิ่งไปกว่านั้น หากมองโดยรวม เกมนี้นักเตะเวียดนามวิ่งพล่านไปทั่วสนาม คนนี้หลุด จะมีอีกคนมารองบอลจังหวะสองแทนเสมอ จังหวะปะทะที่ใส่เต็มที่ไม่มียั้ง การสื่อสาร ตะโกนเรียกกันอยู่เสมอ สิ่งเหล่านี้คือข้อดีที่ ปาร์ค เข้ามายกระดับ และทำให้ เวียดนาม พุ่งไปข้างหน้าเร็วกว่าที่ใครคาดกันไว้
นับตั้งแต่การก้าวมากุมบังเหียนทัพ “ดาวทอง” ในปี 2017 สิ่งที่อดีตแข้งทีมชาติเกาหลีใต้ในยุค 80’s รายนี้ได้เนรมิตให้กับวงการลูกหนังเวียดนามนั่นช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นการผ่านทะลุไปถึงรองชิงชนะเลิศ ศึก U23 ชิงแชมป์เอเชีย ด้วยการคว่ำทีมระดับแถวหน้าของทวีปทั้ง ออสเตรเลีย, อิรัก และกาตาร์ ก่อนจะพ่ายต่อ อุซเบกิสถาน ท่ามกลางหิมะที่ขาวโพลนในวินาทีสุดท้ายของการต่อเวลาพิเศษ ก่อนจะไปคว้าอันดับสี่ในมหกรรมกีฬาที่ใหญ่ที่สุดของเอเชียอย่าง เอเชี่ยนเกมส์ ได้เป็นหนแรกในรอบ 56 ปี ด้วยผลงานของนักเตะพลังหนุ่ม
มากไปกว่านั้น สิ่งที่แฟนบอลชาวเวียดนามรอคอยมาตลอดอย่างโทรฟี่ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ปาร์ค ฮัง โซ ก็นำถ้วยนี้กลับมาตั้งตระหง่านกลางกรุงฮานอยได้เป็นหนแรกในรอบทศวรรษ ก่อนจะสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการตะลุยไปถึงรอบควอเตอร์ไฟน่อล ศึกเอเชียนคัพ ด้วยการพ่ายต่อ ญี่ปุ่น เพียงแค่ประตูเดียวเท่านั้น
สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า เวียดนาม ไม่ได้เพิ่งมาเก่งในวันที่เอาชนะ ไทย แต่พวกเขามีพัฒนาการที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องมาร่วมสองสามปีแล้ว เพียงแต่ว่าพวกเขายังมิอาจประกาศให้โลกรู้ได้ว่า เวียดนาม คือทีมที่ดีที่สุดในอาเซียน เพราะพวกเขายังไม่สามารถเอาชนะ ไทย ได้…
จนกระทั่ง วินาทีที่ กวินทร์ ปัดบอลพลาดในวินาทีสุดท้าย ก่อนที่เสียงนกหวีดสุดท้ายใน ช้าง อารีน่า จะดังขึ้น…
นอกจากนี้ อารมณ์ร่วมของฝั่งเวียดนามนั้นก็ผิดไปจากทีมเราอย่างสิ้นเชิง ในปัญหวะที่เต็มไปด้วยปัญหาจากการตัดสิน แม้จะเป็นเรื่องน้อยนิด แต่ ปาร์ค ฮัง โซ ก็พร้อมที่จะออกแอคชั่นกดดันทั้งนักเตะไทย และผู้ตัดสินทันที โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น ภาพของการสั่งการข้างสนามที่เปี่ยมไปด้วยความดุดัน ผิดกับของเราที่ค่อนข้างนิ่งเฉย
ความแตกต่างจุดนี้ เราเรียกมันว่า “แพสชั่น”
การตัดสินใจที่ผิดพลาดของ “โค้ชโต่ย”
การเรียกตัวผู้เล่นทีมชาติไทยในครั้งนี้ คือการตัดสินใจที่ “ผิดพลาด” ในยกแรกของ ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย
ผิดพลาดเพราะอะไร… เพราะ “โค้ชโต่ย” หาได้มองจากผลงาน หรือฟอร์มการเล่นในลีกเลยแม้แต่น้อย
ศศลักษณ์ ไหประโคน กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่มั่นใจที่สุดในชีวิต ในฐานะเลือดเนื้อเชื้อไขคนบุรีรัมย์ การได้สวมเสื้อทีมชาติไทยต่อหน้าคนบ้านเดียวกัน น่าจะทำให้ “เจ้าพี” มีพลังเพิ่มขึ้นราว 150 เปอร์เซ็นต์
นิติพงษ์ เสลานนท์ วิงแบ็กที่ทำผลงานได้ดีที่สุดใน ไทยลีก 2019 ตกม้าตาย และถูกหมางเมินจากทีมชาติชุดนี้อย่างไร้เยื่อใย
สุมัญญา ปุริสาย เพลย์เมคเกอร์ทีมจ่าฝูงในลีก เซ้นส์บอล ความมั่นใจ ประสบการณ์ ทีเด็ดลูกนิ่งทั้งหลาย กลับเป็นได้แค่ตัวสำรองในทีมชาติ ทั้งๆ ที่วันนี้ทุกคนก็รู้อยู่ว่า เราไม่มี ชนาธิป แล้วจะมีเหตุผลอะไรที่ไม่ยอมส่งจอมทัพมืออาชีพลงเล่นในตำแหน่งดังกล่าว เราเจอ เวียดนาม นะครับ ไม่ได้เจอ เกาหลีใต้ หรือ ญี่ปุ่น ที่ต้องแพคกลางให้แน่นเป็นพิเศษ
แต่สิ่งที่เราเห็นก็คือ การใช้ผู้เล่นหน้าเดิมๆ ที่มาตรฐานการเล่นในลีกตกลงไป มาติดทีมชุดนี้เหมือนเดิม ถ้าเป็นแบบนี้ แล้วเราจะมีระบบฟุตบอลลีกไว้ทำไมกัน ?
เช่นเดียวกับการให้โอกาส กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการรักษาอาการบาดเจ็บ กับม้านั่งข้างสนามที่ เบลเยี่ยม แทนที่จะเป็นนักเตะที่ทำผลงานได้ดี มีประสบการณ์ และลงสนามอย่างต่อเนื่องให้กับต้นสังกัดอย่าง ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน เฝ้าเสา ด้วยเหตุผลว่า นายด่าน “ปราสาทสายฟ้า” มีอาการล้าจากการลงสนามในไทยลีก…
………. (เชิญเติมคำลงในช่องว่าง)
ไม่มีข้ออ้าง และข้อแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้นสำหรับกุนซือช้างศึก ที่ไม่สามารถกระตุ้นลูกทีมให้กลับมาสู่เกมได้ น่าผิดหวังจริงๆ กับบุรุษที่ครั้งหนึ่งเคยพา ไทย บุกไปชนะจีนถึงถิ่น แต่กลับต้องมาตกม้าตายด้วยการแพ้ เวียดนาม แบบไม่น่าให้อภัยใน ช้าง อารีน่า
อาจจะเป็นชัยชนะที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบซะดีเดียวสำหรับทัพ “ดาวทอง” แต่อย่างน้อยผลการแข่งขันในวันนี้ก็ยังดีพอที่จะบอกว่า ณ วินาทีนี้ เวียดนาม คือทีมที่เหนือกว่า ไทย และเชื่อว่าพวกเขาจะไปไกลกว่านี้ได้ด้วยหัวใจของพวกเขาเอง
เวียดนาม ลงสนามเพื่อชัยชนะเท่านั้น
เวียดนาม หวังจะเผด็จศึก ไทย ให้ได้ใน 90 นาที
และเวียดนาม ต้องการใช้ทุกวินาทีในสนามแสดงให้ทุกคนเห็นว่า พวกเขาคือทีมที่ดีที่สุดใน อาเซียน ซึ่งเราต้องยอมรับว่าเขาทำได้แล้ว…
นี่คือความจริงที่เจ็บปวด แต่เราต้องยอมรับมันให้ได้ และถ้าเราไม่รีบลุกขึ้นมาสู้ใหม่ เห็นทีฟุตบอลอาเซียนยุคใหม่คงจะมีแต่ชื่อ เวียดนาม ในฐานะทีมเบอร์หนึ่งในภูมิภาคนี้เป็นแน่…
“บก.เก้น”
ติดตาม โปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์ คัพ ครั้งที่ 47 ได้ที่นี่ คลิกเลย
ไปดูคิงส์ คัพ 2019 ครั้งนี้ ที่ บุรีรัมย์ ยังไม่มีที่กินที่เที่ยว เข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ช่องทางการรับชมการถ่ายทอดสดทาง TrueID
ดูบอลสดผ่านแอปพลิเคชั่น ทรูไอดี คลิก!
ดูบอลสดผ่านเว็บไซต์ ทรูไอดี ฟรี คลิก!
ติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports