โหดไปไหน!! ย้อนดู "แมตช์ยิงขาดลอยสุด" พรีเมียร์ลีก
ไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะเกิด สำหรับสกอร์เมื่อคืน ที่ “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ จะบุกไปปูพรมถล่ม “นักบุญแดนใต้” เซาธ์แฮมป์ตัน ตายคารังถึง 9-0 ในศึกพรีเมียร์ลีก เมื่อคืนที่ผ่านมา
จาการยิงแบบถล่มทลายในนัดนี้ ทำให้แมตช์นี้ถูกจัดอยู่ในทำเนียบเกมที่มีการชนะกันขาดลอยมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ร่วม ของลีกสูงสุดเมืองผู้ดี ไปแล้ว
วันนี้เราเลยจะพาทุกคนย้อนไปดูแมตช์อื่นๆ ที่มีการถูกจัดอันดับว่ามีสกอร์ห่างกันแบบขาดลอยมากที่สุด ของศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ในอดีตที่ผ่านมากัน
>> ปี 2019 : แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะ วัตฟอร์ด 8-0
แมตช์นี้เพิ่งผ่านได้ไม่นานนี้เอง โดยก่อนหน้านี้เพียงหนึ่งนัด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพิ่งบุกไปแพ้ นอริช แบบสุดพลิกล็อคมา 2-3 ทำให้นัดนี้ ทีมเจ้าถิ่น จึงพร้อมที่จะระบายความอัดอั้น และต้องการเอาชนะ ผู้มาเยือนอย่าง วัตฟอร์ด ให้ได้
และมันก็เป็นดั่งที่ทุกคนคาดไว้ เพราะแค่เปิดเกมส์มา 52 วินาที แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ขึ้นนำ 1-0 แล้ว จากนั้น สกอร์ก็ไหลมาเทมาแบบไม่ขาดสาย และแค่เพียง 20 นาที แรก “เรือใบสีฟ้า” ก็ขึ้นนำไปแล้ว 5-0 จากนั้นเจ้าถิ่นก็ยังครองเกมบุกแบบไม่มีผ่อน บวกได้อีก 3 ประตู กลายเป็นแมตช์ที่ วัตฟอร์ด แทบจะหาทางกลับถิ่นไม่ถูกเลยทีเดียว เมื่อครบ 90 นาที
>> ปี 2012 : เชลซี ชนะ แอสตัน วิลล่า 8-0
ราฟาเอล เบนิเตซ นำลูกทีมเปิดบ้านเจอกับ วิลล่า โดยเจ้าถิ่นขนดาวดังมากันแบบฟูลทีม นำโดย เฟร์นานโด ตอร์เรส, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, เอแด็น อาซาร์ แต่ก็ไม่มีใครคาดคิดว่า พลพรรคนักเตะเชลซี จะไล่ต้อนกระจายขนาดนี้
เปิดเกมมาแค่ นาทีที่ 3 ตอร์เรส ก็จัดการเบิกสกอร์แรกได้แล้ว จากนั้น ขุนพล “สิงห์บลูส์” ก็พาเหรดเรียงหน้ามายิงกันเลย ทั้ง แลมพาร์ด, ออสการ์, อาซาร์, ดาวิด ลุยซ์ และ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ที่แบ่งกันยิงคนละ 1 เม็ด จะมีแค่ รามิเรส เท่านั้น ที่เหมาซัดคนเดียว 2 ประตู และจริงๆ แล้วแมตช์นี้น่าจะขาดลอยกว่านั้นด้วยซ้ำ ถ้า ลูกัส ปิอาซอน ยิงจุดโทษเข้าไป แต่กลับว่าเจ้าตัวยิงพลาด เลยไม่มีชื่อบนสกอร์เหมือนคนอื่นๆ
>> ปี 2010 : เชลซี ชนะ วีแกน 8-0
เกมนี้ เป็นเกมนัดสุดท้ายของซีซั่น เชลซี ของ คาร์โล อันเชลอตติ มีลุ้นแชมป์กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และถ้าพวกเขาชนะ จะได้เป็นแชมป์ทันที โดยไม่ต้องสนใจสกอร์อีกคู่ เหล่ากูรูลูกหนัง ก็คาดกันแล้วว่ายังไงเสีย นัดนี้เจ้าถิ่นชนะอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่บรรดากูรูไม่รู้คือ สกอร์ที่กำลังจะเกิดขึ้นแบบมโหฬาร
อันเชลอตติ สั่งลูกทีมบุกแหลก ตั้งแต่เสียงนกหวีดดังขึ้น และก็เป็น เชลซี ที่คุมเกมส์ไว้ได้ทั้งหมด ไล่ยิงประตูทีมเยือนกันแบบสนุกสนาน โดยเกมนั้นเป็น ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา ที่รับบทพระเอก จัดการซัดแฮตทริก บวกด้วย นิโกล่าส์ อเนลก้า เหมาไปอีก 2 เม็ด ส่วน ซาโลมง กาลู, แฟร้งค์ แลมพาร์ด และ แอชลี่ย์ โคล ก็ขอใส่สกอร์ให้ตัวเอง แบ่งกันไปคนละ 1 ประตู พาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ในนัดสุดท้ายแบบยิ่งใหญ่
>> ปี 1999 : นิวคาสเซิ่ล ชนะ เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ 8-0
ไม่มีอะไรเพอร์เฟ็คไปมากกว่านี้อีกแล้วสำหรับ เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน ที่ลงคุมทีม นิวคาสเซิ่ล ในรังเซนต์ เจมส์ พาร์ค เป็นแมตช์แรก ซึ่ง เซอร์ บ็อบบี้ เข้ามารับหน้าที่กุนซือแทนที่ รุด กุลลิท ที่ลาออกไป หลังทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ จนทีมต้องเปลี่ยนตัวผู้จัดการทีมโดยด่วน
และ เซอร์ บ็อบบี้ กับลูกทีมของเขา ก็ไม่ทำให้แฟนบอล “สาลิกาดง” ผิดหวัง เมื่อเปิดรัง ไล่ต้อนผู้มาเยือนเละเทะ โดยวันนั้น อลัน เชียเรอร์ ดาวยิงทีมชาติอังกฤษ ก็กลับคืนฟอร์มร้อนแรงของตัวเอง เหมาซัดคนเดียว 5 ประตู ส่วนอีก 3 ประตู เป็นโควต้าของ แกรี่ สปีด, คีรอย ดายเออร์ รวมทั้ง อาร่อน ฮิวจ์ส ด้วย
>> ปี 2009 : สเปอร์ส ชนะ วีแกน 9-1
ถ้ามองจากสกอร์ที่เกิดขึ้นในครึ่งเวลาแรกแล้ว ไม่น่าเป็นไปได้เลยที่ผลการแข่งขันจะขาดลอยกันขนาดนี้ เพราะเมื่อจบ 45 นาทีแรก สเปอร์ส ขึ้นนำแค่ 1-0 เท่านั้น จากการยิงประตูของ ปีเตอร์ เคร้าช์ หัวหอกร่างโย่งทีมชาติอังกฤษ แถมรูปเกมก็ค่อนข้างสูสี สู้กันอย่างสนุก
ทว่า ครึ่งหลัง กลับกลายเป็นหนังคนละม้วนไปเลย เพราะ สเปอร์ส ระเบิดฟอร์มโหด ไล่ยิงเพิ่มอีก 8 ประตู โดยพระเอกของครึ่งเวลาหลัง คือ เจอร์เมน เดโฟ หัวหอกร่างเล็ก ที่เหมาซัดคนเดียว 5 ประตู บวกกับ อารอน เลนน่อน, เดวิด เบนท์ลี่ย์ และ นิโก้ ครันชาร์ ที่แบ่งกันยิงคนละลูก ส่วนทีมเยือนก็มาได้ประตูปลอบใจเล็กๆ เพียงลูกเดียวเท่านั้น
>> ปี 1995 : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ อิปสวิช 9-0
แมตช์นี้จะเรียกว่าการเอาคืนแบบทบต้นทบดอกของ แมนเชสตอร์ ยูไนเต็ด ก็ว่าได้ เพราะเมื่อตอนต้นซีซั่น “ผีแดง” บุกไปแพ้ อิปสวิช มา 2-3 ดังนั้นเมื่อได้กลับมาเล่นในรังของตัวเอง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็สั่งลูกทีมของเขาเดินหน้าฆ่ามันแบบเต็มสูบ เพื่อหวังถอนแค้นให้ได้
และก็เป็นอย่างที่ เซอร์เฟอร์กี้ หวังเอาไว้ เมื่อ พลพรรค “ผีแดง” ระเบิดฟอร์มโหดไล่ยิง ทีมเยือน แบบไม่มีทางสู้กันเลย แอนดี้ โคล รับสัมปทานเหมาคนเดียว 5 ประตู, มาร์ค ฮิวจ์ส บวกเพิ่มอีก 2 ประตู ส่วน รอย คีน กับ พอล อินซ์ สองกองกลางของทีม ก็ยิงคนละ 1 เม็ด
ซึ่งจากสกอร์ 9-0 ในนัดนี้ ก็กลายเป็นสกอร์ที่ยิงขาดลอยกันมากที่สุด ครองสถิติมาอย่างยาวนาน ไม่มีทีมไหนที่จะล้มสถิติได้ จนกระทั่ง เลสเตอร์ ซิตี้ มาทำสถิติเท่ากันได้สำเร็จ จากแมตช์เมื่อคืนที่ผ่านมา นั่นเอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
>> เละกว่านี้ก็โจ๊กแล้ว! เลสเตอร์ ซิตี้ บุกถล่ม เซาธ์แฮมป์ตัน 10 คน 9-0 ศึกพรีเมียร์ลีก
>> พรีวิว พรีเมียร์ลีก : “บิ๊กแมตซ์” ลิเวอร์พูล VS ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ พร้อมลิ้งก์ดูบอลสด
– ดูฟรี! พรีเมียร์ลีก มากกว่า 100 คู่ คลิก ID Station
– ดู พรีเมียร์ลีก online คลิกที่นี่
– สมัครชม พรีเมียร์ลีกทั้งฤดูกาล คลิกที่นี่