ความปราชัยต้องไม่สูญเปล่า...ถอดบทเรียนช้างศึก หลังโดน"เสือเหลือง"ตะปบเลือดอาบ
ความปราชัย 1-2 ของทีมชาติไทย ซึ่งโดน มาเลเซีย ยัดเยียดให้อย่างไม่เต็มใจ ถือเป็นเรื่องที่ทำให้แฟนบอลไทยกุมขมับพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
ก่อนลงสนาม มาเลเซียฟอร์มกระท่อนกระแท่นจาก 3 นัดที่ผ่านมา ขณะที่แข้งไทยยึดจ่าฝูงของกลุ่มด้วยฟอร์มไฉไลเป็นบ้า นับตั้งแต่ได้ อากิระ นิชิโนะ แม่ทัพเลือดซามูไร เข้ามารับบทควาญของ “ช้างศึก” เชือกนี้
แน่นอนว่าการบุกไปเยือนสังเวียนแข้งบูกิต จาลิลไม่ใช่เรื่องง่าย และสถิติที่ผ่านมาแข้งไทยก็ยังไม่เคยบุกไปกระชากชัยชนะกลับออกมาได้เลย แต่ผลงานก่อนหน้านี้ก็ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า สถิติดังกล่าวมีโอกาสไม่น้อยที่จะโดนทำลายลงในแมทช์นี้
ทันทีที่ผู้ตัดสินเป่านกหวีดเริ่มเกมไปได้แค่ 7 นาที เกมก็เป็นไปตามคาดเมื่อทีมชาติไทยได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็วจากสตั๊ดยี่ห้อมิซูโน่ของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ แต่หลังจากนั้น “เสือเหลือง” มีฮึดกระโจนกลับมาขย้ำช้างศึก ยิงคืนสองลูกรวดพลิกสถานการณ์กลับมาชนะ 2-1
หลังจบเกมเกิดคำถามตามมามากมายว่าทำไมนักเตะทีมชาติถึงได้มาฟอร์มหลุดเอาดื้อๆในนัดนี้
การจัดทัพ
ประเด็นแรกที่ถูกแฟนบอลตั้งข้อสงสัยกันมากคือเรื่องการจัดตัวผู้เล่น โดยเฉพาะในแนวรับ ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงจากเกมล่าสุดที่ชนะยูเออี 2-1 ถึง 3 ตำแหน่ง
แน่นอนว่า “แบ็กซ้าย” คือจุดที่จำเป็นต้องเปลี่ยนจริงๆ เนื่องจาก ธีราทร บุญมาทัน ติดโทษแบน และคนที่ลงมาเล่นแทนก็คือ กรกช วิริยะอุดมศิริ ซึ่งตำแหน่งนี้แฟนบอลเข้าใจได้
แต่เซนเตอร์แบ็กและแบ็กขวา ซึ่ง เอเลียส ดอเลาะ กับ ทริสตอง โด ได้โอกาสลงสนามแทน ธนบูรณ์ เกษารัตน์ กับ นิติพงษ์ เสลานนท์ ทั้งที่ไม่ได้มีปัญหาเรื่องสภาพร่างกายแต่อย่างใด และผลลัพธ์ที่ออกมาคือ สองแข้งลูกครึ่งของไทยทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง ซึ่งภายหลังเกมกุนซือชาวญี่ปุ่นก็ยอมรับว่าเกมรับของไทยทำได้ไม่ดีจริงๆ
“เหตุผลที่เปลี่ยนแบ็คโฟร์จากเกมที่แล้วถึง 3 คน ซึ่งจากความรู้สึกของผม ทั้ง 3 คนก็ทำงานอย่างหนัก และทำอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่เนื่องจากยังไม่คุ้นเคยกันมาก ทำให้การประสานงานยังไม่ลงตัว บวกกับปัจจัยเรื่องสนามด้วย จึงอาจจะกดดัน และทำได้ไม่ดีเท่าที่คาดหวัง”
นี่คือหนึ่งบทเรียนที่นิชิโนะได้เรียนรู้ว่าการปรับทัพจากของเดิมที่ดีอยู่แล้ว มากจนเกินไป มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดข้อผิดพลาดตามมาได้ง่ายกว่าปกติ
แท็คติกและการแก้เกม
นอกจากการจัด 11 ผู้เล่นตัวจริงแล้ว การแก้เกมของนิชิโนะในเกมนี้ ก็ดูจะไม่ได้ผลและชวนให้มีคำถามเหลือเกิน
เกมผ่านไปถึงนาทีที่ 55 นิชิโนะเปลี่ยนตัวคนแรกด้วยการเอามิดฟิลด์เชิงรับอย่าง สารัช อยู่เย็น ออกจาก แล้วส่งตัวรุก ศิวกรณ์ เตียตระกูล ถ้าให้เดาใจนิชิโนะ เขาอาจมองไปถึงการเพิ่มเกมบุกเพื่อหวังเก็บ 3 แต้ม เพราะสกอร์ในขณะนั้นเสมอกันอยู่ 1-1
แต่ผลที่ออกมากลับผิดคาด เพราะเหมือนทำให้ทีมขาดความสมดุล ซึ่งหลังจากเปลี่ยนตัวไปเพียงแค่สองนาทีต่อมา ทัพเสือเหลืองก็ได้ประตูขึ้นนำ 2-1
หลังจากนั้น ยังมีเวลาเหลืออีกพอสมควรที่ทีมชาติไทยจะพลิกสถานการณ์กลับมาได้ อย่างน้อยเก็บ 1 แต้มกลับบ้านก็ยังดี แต่นิชิโนะยังคงนิ่ง และกว่าจะเปลี่ยนตัวผู้เล่นอีก 2 โควต้าที่เหลือ ก็ปาเข้าไปท้ายเกมแล้ว โดยส่ง บดินทร์ ผาลา ลงมานาที 83 และนฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม ในนาทีสุดท้าย ซึ่งแทบจะไม่มีผลใดๆต่อเกมเลย
ขณะเดียวกัน จากความพ่ายแพ้นัดนี้ เริ่มมีแฟนบอลบางส่วนเกิดข้อสงสัยว่าการที่ทีมชาติไทยมี “เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ หรือไม่มี อันไหนจะดีกว่ากัน
ไม่มีใครสงสัยในมาตรฐานและฝีเท้าอันฉกาจฉกรรจ์ของชนาธิป แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า ผลงานก่อนหน้านี้ ซึ่งไร้เงามิดฟิลด์จากคอนซาโดเล ซัปโปโร ทัพช้างศึกเดินเกมรุกได้อย่างวูบวาบ ในเกมที่ชนะยูเออี 2-1
แต่ทำไม การได้ชนาธิปคัมแบ็กกลับมารับใช้ชาติ ช้างศึกถึงไม่ “ดุดัน” อย่างที่ควรจะเป็น โดยนอกจากลูกยิงขึ้นนำ 1-0 ในช่วงต้นเกม ชนาธิปก็ไม่ได้ทำผลงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมากนัก นี่จึงเป็นการบ้านอีกข้อของนิชิโนะว่าจะต้องทำอย่างไรจึงจะสามารถดึงศักยภาพของสุดยอดแข้งไทยรายนี้ออกมาให้ได้มากที่สุด
การเตรียมทีม
ก่อนหน้านี้ นิชิโนะได้รับเสียงชื่นชมพอสมควร สำหรับการจัด “มินิแคมป์” ให้นักเตะช้างศึกที่ไม่ติดภารกิจใดๆ เข้ามารวมตัวฝึกซ้อมกันก่อน เพื่อรักษาสภาพความฟิตเอาไว้หลังจากศึกไทยลีกเพิ่งจบฤดูกาลไปหมาดๆ
แน่นอนว่านี่คือแผนการที่ดี แต่เราก็มีช่องทางที่จะเตรียมทีมให้พร้อมมากกว่านี้ นั่นคือ “แมทช์อุ่นเครื่อง”
ก่อนจะลงสนามเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา มาเลเซียวางเกมอุ่นเครื่องไว้ถึงสองแมทช์ นั่นคือบุกไปเยือนฮ่องกง และเปิดบ้านเจอทาจิกิสถาน แต่สุดท้ายพวกเขาได้ลงลับแข้งเกมเดียว โดยชนะทาจิกิสถาน 1-0 ส่วนอีกหนึ่งเกมถูกยกเลิกไป ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย เนื่องจากที่ฮ่องกงยังมีการชุมนุมประท้วงรัฐบาลกันอยู่
ส่วนหนึ่งที่ทำให้มาเลเซียวางโปรแกรมอุ่นเครื่องได้เช่นนี้เป็นเพราะว่า ลีกลูกหนังแดนเสือเหลืองนั้นปิดฤดูกาลไปตั้งแต่เดือนก.ค. ทำให้พวกเขามีเวลามากพอที่จะจัดเกมลับแข้งให้กับกุนซือตันเฉิงโฮและลูกทีม
ตัดภาพกลับมาที่ทีมชาติไทย เราไม่มีเกมอุ่นเครื่องเลยก่อนจะเจอมาเลเซีย โดยทำได้เพียงการเก็บตัวฝึกซ้อมภายในแคมป์เท่านั้น ไม่แน่ใจว่าจะเป็นเพราะเกมไทยลีกเพิ่งปิดฤดูกาลไปเมื่อวันที่ 26 ต.ค. หรืออย่างไรก็มิทราบได้ จึงไม่สะดวกต่อการจัดเกมอุ่นเครื่องให้กับทีมชาติ หรือคิดในแง่ดีก็อาจจะกลัวนักเตะบาดเจ็บ หลังจากเพิ่งกรำศึกหนักในช่วงท้ายฤดูกาลมาหมาดๆ
ประเด็นนี้เป็นสิ่งที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยต้องนำกลับไปทบทวน ซึ่งมันจะโยงต่อไปถึงการจัดคิวเตะของฟุตบอลรายการต่างๆในประเทศ ให้สอดคล้องกับโปรแกรมทีมชาติ
ตัวอย่างที่เห็นชัดๆคือ ก่อนเกมที่ไทยจะชนะยูเออี 2-1 เรามีแมทช์อุ่นเครื่อง 1 นัด ซึ่งเสมอกับคองโก 1-1 โดยเกมนั้น นิชิโนะได้ทดลองใช้ผู้เล่นตัวสำรองอย่าง ธนบูรณ์ เกษารัตน์, ศศลักษณ์ ไหประโคน และนิติพงษ์ เสลานนท์ ลองลงพิสูจน์ฝีเท้า ปรากฏว่าทำผลงานได้ดีและนิชิโนะให้โอกาสลงตัวจริงในเกมเจอยูเออี สุดท้ายพวกเขาก็มีส่วนช่วยให้ทัพช้างศึกเก็บ 3 แต้มได้สำเร็จ
ด้วยเหตุนี้จึงอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าสมาคมฟุตบอลฯจัดโปรแกรมอุ่นเครื่องให้กับนิชิโนะและลูกทีมสักหนึ่งนัดก่อนเจอมาเลเซีย เราอาจจะไม่ได้เห็น ทริสตอง โด และเอเลียส ดอเลาะ ลงเป็นตัวจริงที่สนามบูกิต จาลิล และผลการแข่งขันก็อาจจะไม่ได้จบลงด้วยความปราชัยของทัพช้างศึกก็เป็นได้
สำหรับโปรแกรมนัดต่อไป ทีมชาติไทยจะบกทัพไปลุยกับจ่าฝูงของกลุ่มอย่าง ทีมชาติเวียดนาม ในวันอังคารที่ 19 พ.ย. เวลา 20.00 น. ถ่ายทดสดทาง ID Station ซึ่งเชื่อว่า อากิระ นิชิโนะ พร้อมด้วยสตาฟฟ์โค้ช และนักเตะทุกคนจะต้องทำงานกันอย่างหนัก เพื่อเรียกฟอร์มเก่งกลับมาให้ได้เร็วที่สุด
เพราะถ้าขืนเล่นได้ในฟอร์มเดียวกับเกมเจอมาเลเซีย บอกได้เลยว่าโดนแข้งเหงียนไล่ขย่มแบบสนุกเท้าแน่นอน!!
ดูบอลสดฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก เวียดนาม พบ ไทย ได้ฟรีทางช่อง ไอดี สเตชั่น ง่ายๆเพียงแค่ล็อคอิน หรือ ดูวิธีสมัครสมาชิกทรูไอดีได้ที่นี่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
>> ต้องเร่งแก้ไข! “นิชิโนะ” ยอมรับแผงหลังรั่ว เกมช้างศึกพ่ายเสือเหลือง
>> ตกบัลลังก์จ่าฝูง! “ช้างศึก”ฟอร์มหลุด โดนเสือเหลืองขย้ำ 2-1
– ดูฟรี! พรีเมียร์ลีก มากกว่า 100 คู่ คลิก ID Station
– ดู พรีเมียร์ลีก online คลิกที่นี่
– สมัครชม พรีเมียร์ลีกทั้งฤดูกาล คลิกที่นี่