รีเซต
สุดยอดดีล!! 5 การเซ็นสัญญาในเดือนมกราคม ที่เจ๋งที่สุดของศึกพรีเมียร์ลีก

สุดยอดดีล!! 5 การเซ็นสัญญาในเดือนมกราคม ที่เจ๋งที่สุดของศึกพรีเมียร์ลีก

สุดยอดดีล!! 5 การเซ็นสัญญาในเดือนมกราคม ที่เจ๋งที่สุดของศึกพรีเมียร์ลีก
Waramid
11 ธันวาคม 2562 ( 15:45 )
4.1K
23
(Photo by AMA/Corbis via Getty Images)

นี่คือ การเซ็นสัญญานักเตะ ในช่วงตลาดซื้อขายเดือนมกราคม ที่ว่ากันว่าเป็นการดึงตัวมาร่วมทีมที่ยอดเยี่ยมที่สุดของลีกลูกหนังผู้ดี จะมีใครบ้างนั้น ไปดูกันเลย

5. ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ (จาก อินเตอร์ มิลาน มา ลิเวอร์พูล)

(Photo by Mike Egerton/PA Images via Getty Images)

นี่คือการสัญญาที่คุ้มอย่างมากของ ลิเวอร์พูล เพราะ “หงส์แดง” ดึงตัว จอมทัพแซมบ้า มาจาก อินเตอร์ ในวันที่ 26 มกราคม 2013 ด้วยค่าตัวเพียง 8.5 ล้านปอนด์ เท่านั้น แม้ว่า คูตินโญ่ จะเปิดตัวนัดแรกด้วยการลงเป็นสำรอง ทีมจะแพ้คาบ้านต่อ เวสต์บรอมมิช อัลเบียน 0-2 แต่นัดต่อมา เมื่อพ่อมดน้อยแซมบ้า ลงเป็นตัวจริง ในเกมที่ดวลกับ สวอนซี เจ้าตัวก็ยิงประตูแรกในสีเสื้อ “หงส์แดง” ได้เลยทันที และหลังจากนั้นเจ้าตัวก็โชว์ผลงานได้อย่างร้อนแรง ทั้งยิง ทั้งจ่าย จนเมื่อจบซีซั่น คูตินโญ่ ก็ได้รับตำแหน่งผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมของสโมสรลิเวอร์พูล ประจำฤดูกาล 2012-13 ไปครอง

และหลังจากนั้น คูตินโญ่ ก็พัฒนาฝีเท้า กลายมาเป็นจอมทัพ และกองกลางชั้นนำของลีกยุโรป เป็นกำลังสำคัญของ ลิเวอร์พูล ที่ทีมจะขาดไม่ได้เลย โดยเฉพาะในซีซั่น 2013-14 ที่เจ้าตัวโชว์ฟอร์มร้อนแรง จนช่วยให้ “หงส์แดง” ได้ลุ้นแชมป์กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แบบเต็มตัว ถึงแม้สุดท้ายทีมจะจบด้วยการเป็นรองแชมป์ลีกก็ตาม

โดย 6 ซีซั่น ที่ค้าแข้งกับ ลิเวอร์พูล คูตินโญ่ ลงเล่นไปทั้งหมด 152 นัด และยิงไปทั้งหมด 41 ประตู ก่อนจะย้ายออกจากทีมไปร่วมทัพ บาร์เซโลนา ในปี 2018

4. หลุยส์ ซัวเรซ (จาก อาแจ็กซ์ อัมส์เตอร์ดัม มา ลิเวอร์พูล)

(Photo by Jon Buckle/PA Images via Getty Images)

22 มกราคม 2011 ลิเวอร์พูล ได้เซ็นสัญญาดาวยิงทีมชาติอุรุกวัยมาจาก อาแจ็กซ์ ด้วยค่าตัวถึง 22.8 ล้านปอนด์ เพื่อหวังที่จะมาเป็นตัวแทนของ เฟอร์นานโด ตอร์เรส ที่ย้ายไปเล่นให้กับ เชลซี ซึ่งเจ้าตัวก็ได้สวมเสื้อหมายเลข 7 ทันที และจาการลงเล่นในซีซั่นแรก ซัวเรซ ก็ระเบิดฟอร์มทันที ยิงไปถึง 4 ประตูจากการเล่น 13 นัด

ซีซั่น 2012-13 ถือว่าเป็นไฮไลท์การค้าแข้งของ ซัวเรซ เลยก็ว่าได้ เพราะมีทั้งเรื่องที่ดี และเรื่องแย่ โดยซีซั่นนี้ ดาวยิงอุรุกวัยยิงประตูในพรีเมียร์ลีกได้ 23 ประตู จาก 33 นัด รวมทุกรายการ ยิงได้ทั้งหมด 30 ประตู จาก 44 นัด ทำให้ ซัวเรซ เป็นนักเตะคนที่ 12 ของ ลิเวอร์พูล ที่ยิงประตูครบ 30 ประตู รวมทุกรายการ ในฤดูกาลเดียว แต่ในซีซั่นเดียวกัน เจ้าตัวก็โดนโทษแบนถึง 10 นัด จากเหตุการณ์สุดอื้อฉาว ไปกัดที่แขนของ บรานิสลาฟ อีวาโนวิช กองหลังเชลซี นั่นเอง

ปี 2014 ซัวเรซ ยังโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ยิงไปถึง 30 ประตู และเมื่อจบซีซั่น เจ้าตัวก็คว้ารางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ (พีเอฟเอ) ประจำฤดูกาล 2013-14 ไปครอง ส่งผลให้ ซัวเรซ เป็นนักเตะจากทวีปอเมริกาใต้คนแรกที่ได้รางวัลนี้ และเป็นนักเตะคนที่ 6 ของ ลิเวอร์พูล ที่ได้รับรางวัลนี้

โดย ซัวเรซ ลงเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล ไปถึง 110 นัด และระเบิดตาข่ายคู่แข่งได้ถึง 69 ลูก ก่อนจะย้ายไป บาร์เซโลนา ในปี 2014

3. ปาทริซ เอวร่า (จาก โมนาโก มา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)

(Photo by John Peters/Manchester United via Getty Images)

เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ดึงตัวแบ็กซ้ายทีมชาติฝรั่งเศส จาก โมนาโก มาเข้าทีมเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2006 ด้วยค่าตัว 5.5 ล้านปอนด์ เท่านั้น หลังจากทีมประสบปัญหาในแนวรับ มีคัวผู้เล่นบาดเจ็บเยอะ โดยเฉพาะ กาเบรียล ไฮน์เซ่ แบ็กซ้ายชาวอาร์เจนตินา ทำให้ต้องหาตัวมาทดแทน และ “ท่านเซอร์” ก็ได้เล็งไปที่ ดาวเตะโมนาโก ที่เวลานั้นฟอร์มโดดเด่นอย่างมาก

ช่วงแรกๆ เอวร่า ยังคงเล่นไม่ค่อยเข้ากับระบบของทีม แต่เมื่อลงเล่นบ่อยๆ และถูก “ท่านเซอร์” จับติวเข้ม ทำให้ ดาวเตะทีมชาติฝรั่งเศส พัฒนาฝีเท้าจนดกลายเป็นแบ็กซ้ายที่ว่ากันว่าดีที่สุดในโลกในช่วงเวลานั้น เลยทีเดียว

โดยช่วงที่ค้าแข้งกับ “ผีแดง” นั้น เอวร่า พาทีมกวาดถ้วยแชมป์อย่างมากมาย แชมป์พรีเมียร์ลีก 5 ครั้ง / ลีกคัพ 3 ครั้ง / คอมมูนิตีชีลด์ 5 ครั้ง / ชิงแชมป์สโมสรโลก 1 ครั้ง รวมทั้งถ้วยยุโรปอย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีก 1 สมัย ด้วย ก่อนที่เจ้าตัวจะโบกมือลา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2014 เพื่อไปร่วมทีม ยูเวนตุส

2. เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค (จาก เซาแธมป์ตัน มา ลิเวอร์พูล)

(Photo by Daniel Chesterton/Offside/Offside via Getty Images)

การย้ายทีมของ ฟาน ไดจ์ค เกิดขึ้นเมื่อ วันที่ 27 ธันวาคม 2017 ซึ่งกว่าจะย้ายมาร่วมทีม ลิเวอร์พูล ได้ ต้องบอกว่าเป็นมหากาพย์อย่างมาก แต่ในที่สุด ปราการหลังทีมชาติฮอลแลนด์ ก็ได้ย้ายมาร่วมทัพ “หงส์แดง” จนได้ และย้ายมาเป็นสถิติโลกในเวลานั้นด้วย หลังจากที่ต้องรอคอยมาอย่างยาวนานกว่าหนึ่งฤดูกาล

ฟาน ไดจ์ค ลงเล่นนัดแรกในรายการเอฟเอ คัพ รอบที่สาม โดยเจอกับ เอฟเวอร์ตัน และเป็นคนทำประตูเอาชนะไปได้ด้วย ผลการแข่งขัน 2-1 พร้อมกับสถิติที่ยากจะทำลายด้วยการ เปิดตัวนัดแรกในศึก เมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้ แถมยังทำประตูได้ เป็นคนแรกนับตั้งแต่ปี 1901 อีกด้วย

ความยอดเยี่ยมของ ยังคงต่อเนื่องมาเรื่อยๆ พร้อมกับความสุดยอดของ ลิเวอร์พูล โดยเฉพาะซีซั่นที่แล้ว ที่กองหลังชาวดัตช์ เป็นหัวใจในเกมรับของทีมแบบที่จะขาดไม่ได้เลย และด้วยความแข็งแกร่งของแนวรับนี้เอง ช่วยให้”หงส์แดง” ผงาดคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยการเอาชนะ สเปอร์ส ได้ในนัดชิงชนะเลิศ ขณะที่ผลงานในพรีเมียร์ลีก ก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กันจบด้วยการเป็นรองแชมป์ มีแต้มตามหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพียงแค่ 1 คะแนน เท่านั้น ซึ่งเมื่อจบซีซั่น เจ้าตัวก็คว้ารางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ (พีเอฟเอ) ประจำฤดูกาล 2018-19 ไปครอง อีกด้วย

1. เนมันยา วิดิช (จาก สปาร์ตัก มอสโก มา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)

(Photo by Martin Rickett – PA Images/PA Images via Getty Images)

วิดิช ได้เซ็นสัญญากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัวประมาณ 7 ล้านปอนด์ ในวันที่ 25 ธันวาคม 2005 แต่กว่าจะได้มาสโมสร เวลาก็ล่วงเลยมาถึงวันที่ 5 มกราคม ปี 2006 เลยทีเดียว เพราะติดปัญหาเรื่องเอกสารการย้ายทีม นั่นเอง

ช่วงแรก แฟนบอล “ผีแดง” หลายคนเกิดคำถามว่ากองหลังคนนี้เป็นใคร มาจากไหน แล้ว เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ไปเห็นฟอร์มมาจากตอนไหน เพราะตอนนั้นถือว่า วิดิช โนเนมอย่างมากในวงการลูกหนังยุโรป

ฤดูกาล 2005-2006 วีดิช ได้สวมเสื้อหมายเลข 15 และได้ลงเล่นนักแรกกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2006 ในฐานะตัวสำรองในเกมลีกคัพ และจบปีนั้น ดาวเตะทีมชาติเซอร์เบีย ก็ได้แชมป์ลีกคัพ มาเป็นถ้วยรางวัลเป็นโทรฟี่แรก

ซีซั่นต่อมา วิดิช จับคู่เล่นกับ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ค และได้กลายเป็นคู่เซ็นเตอร์แบ็ค ที่ว่ากันว่าแข็งแกร่งที่สุดในยุโรปในช่วงเวลานั้น และทั้งคู่ก็ช่วยกันพา “ผีแดง” คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ได้อย่างยิ่งใหญ่

วิดิช ยังสร้างความสำเร็จ และความยิ่งใหญ่อย่างต่อเนื่องให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซีซั่น 2007–08 เขายังพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก และที่สำคัญพาทีมเอาชนะ เชลซี ในการดวลลูกจุดโทษ ในนัดชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ทำให้ทีมได้แชมป์ยุโรปมาครอง

โดยถ้วยรางวัลที่ วิดิช ทำได้กับ “ผีแดง” นั้น มีทั้ง พรีเมียร์ลีก 5 สมัย / ลีกคัพ 3 สมัย / คอมมูนิตีชีลด์ 5 สมัย / ชิงแชมป์สโมสรโลก 1 สมัย และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีก 1 สมัย ก่อนที่ กองหลังชาวเซอร์เบีย จะย้ายออกจากทีมในปี 2014

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

เสริมความโหด!! โซลชา เล็งสอย ซาอูล ญีเกซ / เออร์ลิง ฮาแลนด์ เข้ารัง “ผีแดง”

อาจต้องจำใจขาย!! เอ็มบัปเป้ ยันชัดไม่ขอต่อสัญญาใหม่กับ เปแอสเช

– ดูฟรี! พรีเมียร์ลีก มากกว่า 100 คู่ คลิก ID Station
– ดู พรีเมียร์ลีก online คลิกที่นี่
– สมัครชม พรีเมียร์ลีกทั้งฤดูกาล คลิกที่นี่

ยอดนิยมในตอนนี้