รีเซต
"ธีราทร บุญมาทัน" ดาวเตะผู้แข็งแกร่งขึ้นทุกครั้งดั่ง "ซุนโกคู" หลังปราบเหล่าร้าย

"ธีราทร บุญมาทัน" ดาวเตะผู้แข็งแกร่งขึ้นทุกครั้งดั่ง "ซุนโกคู" หลังปราบเหล่าร้าย

"ธีราทร บุญมาทัน" ดาวเตะผู้แข็งแกร่งขึ้นทุกครั้งดั่ง "ซุนโกคู" หลังปราบเหล่าร้าย
TrueID Sport Team
16 ธันวาคม 2562 ( 09:20 )
1.1K
5

คงไม่ช้าจนเกินไปนักหากจะกล่าวถึง “เจ้าอุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน ผู้สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักเตะไทยคนแรกที่ได้ฉลองแชมป์เจลีกบนดินแดนอาทิตย์อุทัย

หลังจากไม่ประสบความสำเร็จมากนักกับ วิสเซล โกเบ เมื่อซีซั่นก่อนหน้านี้ “เจ้าอุ้ม” ยังได้โอกาสพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งที่โยโกฮามา เอฟ มารินอส แต่การเริ่มต้นกับสีเสื้อใหม่หนนี้ประหนึ่ง “เข็นภูเขาขึ้นครก” ซึ่งยากเย็นแสนเข็ญยิ่งกว่า “เข็นครกขึ้นภูเขา

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปรับตัว การปรับวิธีการเล่นให้เข้ากับแท็คติก การต่อสู้แย่งชิงตำแหน่ง ตลอดจนการพิสูจน์ตัวเองให้เป็นที่ยอมรับของโค้ชและเพื่อนร่วมทีมใหม่

(Photo by STR/JIJI PRESS/AFP via Getty Images)

ยิ่งไปกว่านั้น การออกสตาร์ทของธีราทรกับมารินอสยังมีมารผจญที่เรียกว่า “อาการบาดเจ็บ” ตามรังควานดั่งเจ้ากรรมนายเวร

การย่างเท้าก้าวเข้าสู่ถิ่นนิสสัน สเตเดี้ยมของเจ้าอุ้ม จึงไม่ใช่การเริ่มต้นจากศูนย์ แต่เป็นการเริ่มต้นจาก “ติดลบ” เลยก็ว่าได้

อย่างไรก็ตาม ด้วยฝีเท้า ด้วยหัวจิตหัวใจนักสู้ หรือจะด้วยอะไรก็ตามแต่ ดาวเตะช้างศึกวัย 29 ปีรายนี้จัดการสวมหัวใจสิงห์ฟันฝ่าทุกอุปสรรค จนก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลัก พร้อมกับมีส่วนสำคัญช่วยให้มารินอสได้เถลิงบัลลังก์แชมป์เจลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี

(Photo by Masashi Hara/Getty Images)

จากความสำเร็จและมาตรฐานฝีเท้าที่ยกระดับสูงขึ้นเรื่อยๆของเจ้าอุ้ม ไม่ว่าจะเผชิญสถานการณ์ยากลำบากแค่ไหนก็แล้วแต่ ทำให้พลอยนึกถึงตัวละครจากการ์ตูนดังเรื่องดราก้อนบอล…“ซุนโกคู”

ตั้งแต่เด็กยันโต จนกระทั่งมีลูกมีเมีย “ซุนโกคู” ปะทะฝีมือกับคู่ต่อสู้หรือเหล่าวายร้ายที่มาคุกคามโลกครั้งแล้วครั้งเล่า แม้กระทั่งนั่งยานอวกาศออกไปฟาดปากกับศัตรู ณ ดาวดวงอื่น ก็เคยมาแล้ว

(Photo by Paco Freire/SOPA Images/LightRocket via Getty Images)

ไม่ต่างอะไรกับ “ซุนโก๋อุ้ม” ที่ผ่านสังเวียนแข้งในไทยมาอย่างโชกโชน ก่อนจะบินไปประกาศศักดาฝีเท้ากับศึกลูกหนังเจลีก…แหม่ ก็เชื่อมโยงได้เนอะ (อิอิ)

หลายครั้งที่ “ซุนโกคู” สู้จนบาดเจ็บสะบักสะบอม หรือกระทั่งสู้จนตัวตาย แต่สุดท้ายก็สามารถสยบเหล่าวายร้าย พร้อมกับยกระดับความเก่งกาจของตัวเองขึ้นไปในทุกครั้งที่ผ่านพ้นสมรภูมิการต่อสู้

ไม่ต่างอะไรกับ “ซุนโก๋อุ้ม” ที่เส้นทางสายลูกหนังไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ซึ่งบางครั้งเส้นทางนั้นสาหัสสากรรจ์เหมือน “หลวงปู่เค็มเดินลุยไฟ” เลยเสียด้วยซ้ำ

(Photo by Zhizhao Wu/Getty Images)

แต่สุดท้าย ธีราทรก็ผ่านช่วงมรสุมเหล่านั้นไปได้ทุกครั้ง พร้อมกับอัพเกรดหัวจิตหัวใจและฝีเท้าที่ฉกาจฉกรรจ์ขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งกลายเป็น ซูเปอร์ธีราทร ในปัจจุบัน


“โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล เคยเล่าให้ฟังว่าสมัยคัดตัวนักฟุตบอลเยาวชนเข้าสู่โรงเรียนกีฬากรุงเทพฯ “เจ้าอุ้ม” เป็นหนึ่งในนักเตะที่ตัวเล็กที่สุดเลยก็ว่าได้ แต่สิ่งที่ทำให้ “เด็กชายธีราทร” แตกต่างและโดดเด่นกว่าทุกคนคือความมุ่งมั่น จิตใจอันเข้มแข็ง และความเป็นนักสู้ที่แสดงออกมาทางแววตา

(Photo by Thananuwat Srirasant/Getty Images)

เมื่อเติบโตขึ้นมา ปัญหาต่างๆก็เข้ามาทดสอบจิตใจเขาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 2011 ซึ่งเจ้าอุ้มโดนใบแดงในเกมที่ทีมชาติไทยแพ้ “เจ้าภาพ” อินโดนีเซีย กระเด็นตกรอบแรกฟุตบอลซีเกมส์ 2011

และผ่านไปไม่ถึง 2 วัน เจ้าอุ้มลงเล่นให้กับทีมชาติไทยชุดใหญ่ และก็ได้รับ “ใบแดง” มาสะสมในคอลเลคชั่นอีกแล้ว ในเกมฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกที่บุกไปพ่ายต่อซาอุดีอาระเบีย 0-3

(Photo credit should read FAYEZ NURELDINE/AFP via Getty Images)

หลังจากนั้นเสียงติ เสียงด่า เสียงวิพากษวิจารณ์อันดุเดือดจากทุกสารทิศ ถาโถมเข้ามาใส่เด็กหนุ่มจากจ.นนทบุรีรายนี้ราวกับ “พายุเฮอริเคน” ผสมกับ “คลื่นซึนามิ” ที่โหมกระหน่ำจนเจ้าตัวโซซัดโซเซถึงขนาดอยากจะเลิกรับใช้ชาติกันเลยทีเดียว 

“ผมเครียดมากถึงขั้นอยากอำลาทีมชาติ แต่พ่อเตือนสติว่าจะยอมเหนื่อยมาทั้งชีวิตเพื่อยอมแพ้วันนี้จริงหรือ”

สุดท้ายเมื่อหัวใจนักสู้ บวกกับกำลังใจจากคนรอบข้าง โดยเฉพาะครอบครัว ทำให้ธีราทรผ่านพ้นมรสุมลูกนี้มาได้ เหมือน “ซุนโกคู” ที่สู้จนตัวตายในการเจอกับ “ราดิช” ก่อนที่เพื่อนๆจะช่วยกันรวบรวมดราก้อนบอลจนครบ 7 ลูกและขอพรจากเทพเจ้ามังกรชุบชีวิตให้ซุนโกคูกลับมามีลมหายใจอีกครั้ง

หลังจากนั้น เจ้าอุ้มยังคงเผชิญกับบททดสอบอีกมากมาย ทั้งการตกเป็นเป้าโจมตีของแฟนบอล, ดราม่าหนักๆช่วงที่ย้ายจากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไปสู่ทีมคู่อริอย่าง เอสซีจี เมืองทอง ฯลฯ

หรือช่วงที่ย้ายจาก เมืองทอง ไปลุยเจลีกกับ วิสเซล โกเบ ใหม่ๆ ซึ่งแบ็กซ้ายทีมชาติไทยต้องปรับตัวอย่างหนักหน่วงทั้งเรื่องในและนอกสนาม แถมยังต้องห่างลูกห่างภรรยา เล่นเอา “น้ำตาลูกผู้ชาย” ของเขาร่วงหล่นลงบนผืนแผ่นดินซามูไรบ่อยครั้ง

ตลอดจนล่าสุดที่ได้แชมป์กับมารินอส กว่าที่แฟนบอลไทยจะได้ภาคภูมิใจและชื่นชมกับความสำเร็จนี้ “เจ้าอุ้ม” ต้องกัดฟันสู้จนเลือดตาแทบกระเด็น ถ้าหากไม่มีเลือดนักสู้จริงๆ คงไม่มีทางมาได้ไกลถึงตรงนี้แน่นอน บวกกับบททดสอบต่างๆที่เรียงหน้าเข้ามา ซึ่งหล่อหลอมให้เจ้าอุ้มแข็งแกร่งขึ้นทุกครั้งที่ผ่านมันมาได้

(Photo by Masashi Hara/Getty Images)

ด้วยวัย 29 ปี เชื่อว่าเส้นทางสายลูกหนังของเขายังสามารถประสบความสำเร็จได้มากกว่านี้อีกสำหรับชายที่มีชื่อว่า…”ซุนโกคู” 

เอ้ยยย!!..“ธีราทร บุญมาทัน”


ข่าวที่เกี่ยวข้อง

>> ประมวลภาพ “เจ้าอุ้ม” ฉลองแชมป์เจลีกสุดเหวี่ยงพร้อมแข้งมารินอส

>> ผงาดแดนซามูไร! “อุ้ม”ซัดหนึ่งเม็ดช่วยมารินอสขยี้โตเกียว 3-0 ครองแชมป์เจลีกครั้งแรกรอบ 15 ปี

– ดูบอลสดฟรี! พรีเมียร์ลีก มากกว่า 100 คู่ คลิก ID Station
– ดู พรีเมียร์ลีก online คลิกที่นี่
– สมัครชม พรีเมียร์ลีกทั้งฤดูกาล คลิกที่นี่

ยอดนิยมในตอนนี้