ความล้มเหลว ของ แมนฯ ยูไนเต็ดกับบอลยุโรป!

5 บทเรียน ของความล้มเหลวของแมนยู ในเวทียุโรปปีนี้

     ใครจะเชื่อว่ายักษ์ใหญ่ของอังกฤษ ที่ว่ากันว่าในช่วง 10 ปีหลังลงแข่งรายการแข่งขันฟุตบอลสโมสรยุโรปใบใหญ่สุดอย่างยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก จะจบเร็วเกินคาด และครั้งนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกในการคุมทีมที่ยาวนานของยอดโค้ชอย่างเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เรามาดู 5 บทเรียนสำคัญ ที่ไม่ใช่เพียงที่ทำให้แมนยูพลาดในบอลถ้วยใหญ่ยุโรป โดยต้องไปเล่นในบอลยูโรป้าเท่านั้น  แต่อาจเป็นสิ่งที่ทำให้ยักษ์อังกฤษทีมนี้อาจพลาดทุกถ้วยในฤดูกาลนี้เลยก็ได้ (ล่าสุดแข่งยูโรป้าก็ไปพลาดท่าให้แอตแลนติกบิลเบา จากเสปนอีก)

      1.โอลด์แทรฟฟอร์ด ไม่มีความกดดันให้คู่แข่งอีกแล้วหรือ?
ที่ผ่านมาทีมในมาเยือนโอลด์แทรฟฟอร์ด ที่ว่ากันว่าคือ “ป้อมปราการสังหาร” คู่แข่ง แค่ก้าวลงสนามก็สั่นกันหมดแล้ว แต่ตอนนี้เหมือนว่าบรรยากาศเหล่านั้นได้หายไปหมดแล้ว ดูง่ายๆ แมนยู เสียประตูให้ทีมรองบ่อนอย่างบาเซิล บิลเบาในบ้านถึง 3 ลูกได้ โอ้มายก็อด!! นี่มันโอลด์แทรฟฟอร์ดจริงเหรอ?? แถมฤดูกาลนี้การพังประตูในบ้านตัวเองกับยากเป็นความกดดันทิ่มแทงทีมตัวเองเข้าไปอีก ดังนั้นความผิดพลาดทั้งหมดไม่ต้องไปโทษใครทั้งนั้น นอกจากทีมตัวเอง

      2.ไม่มีความยืดหยุ่นของทีม
แมนยู เคยได้ชื่อว่าเป็นทีมที่สามารถบดขยี้คู่แข่งได้ด้วยความกดดันในเกมส์อย่างมหาศาล แต่ปีนี้ในเวทียุโรปแมนยู กลับไม่มีสิ่งนี้เลย??? มันตรงข้ามกับทีมเดิมที่ลงในฤดูกาลก่อน ลงแล้ว ลงแล้วยิง…ขนาดในบ้านสกอร์ที่เห็น 2-0, 3-2 แค่นี้ก็น่าดีใจหายแล้วรึ??? โอ้ว!! อันนี้ผมไม่อยากโทษว่าตัวสกอร์อย่างเฮอร์นันเดส โอเว่น หรือเบอร์บาตอฟเจ็บบ้าง หรือฟอร์มตกบ้าง แต่พูดถึงระดับการทำเกมส์ เหมือนคู่แข่งจากยุโรปจะปิดมิติเกมส์ของแมนยูได้หมดแล้ว

 
      3.ความผีเข้าผีออกของตำแหน่งผู้รักษาประตู
แต่ละนัด แฟนบอลคงต้องนั่งภาวนาให้เดเกอา หรือลินเดการ์ดเล่นให้สม่ำเสมอ โดยเฉพาะเดเกอา ที่ซื้อมาด้วยค่าตัวกว่า 18 ล้านปอนด์ แต่ยังไม่ได้โชว์ความคุ้มเม็ดเงินเลย ด้วยฟอร์มที่แสนไม่สม่ำเสมอ ยิ่งทำให้การจัดรับบแนวรับของทีมยิ่งขาดความมั่นใจโดยเฉพาะเกมส์ใหญ่เข้าไปอีก หรือส่วนนึงจะพูดถึงระบบ rotation ซึ่งทำให้โกล์ทั้ง 2 ขาดการเล่นต่อเนื่องในเกมส์ ซึ่งคงต้องจัดการต่อไปให้ทั้งสองพัฒนาให้คุ้นเคยให้ได้

 
      4.แนวรับอันแสนเปราะบาง
ในเกือบทุกดูกาลแมนยู มีสถิติแนวรับที่ดีที่สุดทีมนึงในยุโรป แต่ปีนี้กับประตูที่ถูกยิง รวมถึงผลพ่ายช็อคมากมาย เราคงต้องลบความเชื่อเดิมๆ ว่าแมนยูมีแนวรับที่แกร่งไปได้แล้ว  เมื่อกองหลังตัวหลักอย่างริโอ เฟอร์ดินานด์ที่โรยรา เนมาย่า วิดิช กัปตันทีมหัวใจแนวรับต้องรูดม่านปิดฤดูกาล ขณะที่อีแวน สมอลลิ่ง โจนส์ ยังเป็นดาวรุ่งผลัดกันเจ็บ ผัดกันฟอร์มหลุดได้อย่างสม่ำเสมอ ทำให้ผลการแข่งขันเป็นเครื่องยินยันความล้มเหลวของแนวรับในปีนี้

       5.ขาดตัวเปลี่ยนเกมส์จากม้านั่งสำรอง
ผลงานโดยเฉพาะในบอลยุโรปปีนี้ชัดมาก คนที่ทำผลงานดีอย่างอันโตนิโอ วาเลนเซีย ก็เจ็บไม่ได้เล่นต่อเนื่อง แถมแนวรับก็ขาดสมาธิตลอดเมื่อขาดตัวเก๋าอย่างเฟอร์ดินานด์ และวิดิชประคองในเกมส์ที่กดดัน นนอกจากนี้ที่สำคัญหลายๆ เกมส์แมนยู เอาแต่พึ่งรูนี่ย์ หรือนักเตะที่แก่มากแต่ต้องมาฝากความหวังอย่างกิ๊กส์ แต่ก็ช่วยไม่ได้เมื่อมองไปที่มานั่งสำรอง แทบจะต้องมึนว่าจะเอาใครมาเทียบกับรูนี่ย์ดี?? แผงกลางก็ขาดความสร้างสรรค์ ถึงขนาดต้องไปขุดคนแขวนสตั๊ทแล้วอย่างสโคลล์ กลับมาช่วยทีม หลายครั้งรูนี่ย์เองต้องลงมาต่ำทำเกมส์เอง ซึ่งไม่ควรจะเป็นเช่นนั้นเลย?? อาจถึงเวลาแล้วหากความล้มเหลวในยูโรป้าเกิดขึ้นอีก อาจต้องผ่าแดนกลางใหม่ในปีหน้าก็เป็นได้

       ทุกๆที่ ทุกๆทีมไม่ว่าจะสูงสุดอย่างไหนก็เกิดปัญหาได้ แต่ขึ้นอยู่กับว่าทีมจะจัดการ และประคับประคองให้กลับสู่เส้นทางได้เร็วที่สุดได้แค่ไหน เหมือนองค์กร/บุคคลที่มีเป้าหมาย แต่อาจเจอปัญหาและอุปสรรค แต่เชื่อไหมครับ ฝรั่งเขาว่าเกิด Problem (s) จะมี s หรือไม่ก็ได้…หากไม่ยอมแพ้มันมี Solution (s) เสมอครับ…ผมจะเอาใจช่วยทีมรักผมต่อไปครับ

ข้อมูลจาก  : Mirrorfootball, bleacherreport, Manchester United (2012)
เขียนโดย   : Godalone