รีเซต
โค้ชเฮง วิเคราะห์สาเหตุ ช้างศึก บุกพ่าย อิเหนา เผยมั่นใจ ได้เปรียบนัดสอง

โค้ชเฮง วิเคราะห์สาเหตุ ช้างศึก บุกพ่าย อิเหนา เผยมั่นใจ ได้เปรียบนัดสอง

โค้ชเฮง วิเคราะห์สาเหตุ ช้างศึก บุกพ่าย อิเหนา เผยมั่นใจ ได้เปรียบนัดสอง
armcasanova
15 ธันวาคม 2559 ( 17:22 )
922

 

“โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล ประธานพัฒนาเทคนิค สมาคมฟุตบอลไทย ออกโรงวิเคราะห์ต้นเหตุแห่งความผิดพลาด จนนำมาสู่ความพ่ายแพ้ของทีม “ช้างศึก” ในนัดชิงชนะเลิศ “ซูซูกิ คัพ” นัดแรก

ภายหลังจากที่ทีมชาติไทย บุกไปแพ้ อินโดนีเซีย 1-2 ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน หรือ “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016” นัดชิงชนะเลิศ นัดแรก เมื่อวันพุธที่ 14 ธันวาคม 2559 โดยจะกลับมาลงสนามในนัดที่ 2 เวลา 19.00 น. ของวันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม 2559 ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน

โดย “โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล ประธานพัฒนาเทคนิคสมาคมฟุตบอลแห่งประเทสไทย กล่าวถึงความพ่ายแพ้ของทัพ “ช้างศึก” ในนัดนี้ ว่า มักเสียประตูจากเกมด้านข้างบ่อยครั้ง “เห็นได้ชัดว่าเกมของเราในครึ่งแรกนั้นดีกว่าครึ่งหลังมาก เราสามารถขึ้นเกมทางริมเส้นจาก ธีราทร บุญมาทัน และ ทริสตอง โด ซึ่งทำให้ อินโดนีเซีย มีปัญหาในการเล่นเกมรับ จนเป็นที่มาแห่งการเสียประตูให้กับเรา”

“อย่างไรก็ตาม ในครึ่งหลัง จากที่เราทำให้ อินโดนีเซีย เล่นลำบากในช่วงครึ่งแรก แต่เรากลับไม่สามารถกดดันเขาในครึ่งหลังได้เลย เหมือนพอเราเล่นไปเรื่อยๆ แล้วกลายเป็นขาดสมดุลของตัวเองไป”

เห็นได้ชัดว่า อินโดนีเซีย ถนัดการเล่นโต้กลับ โดยใช้พื้นที่ว่างด้านข้างเป็นหลัก และที่สำคัญ 2 ประตูจากเกมนี้ที่เสียไป รวมถึงประตูอื่นๆ ที่เสียให้ อินโดนีเซีย ในเกมแรก เราก็พลาดในเกมด้านข้างที่เปิดให้เขาเล่นมากเกินไป และเราก็มักจะพลาดเช่นนี้ตลอด” ประธานพัฒนาเทคนิคสมาคมลูกหนัง กล่าว

แม้จะมองเห็นความผิดพลาดของแข้ง “ช้างศึก” ทว่า “โค้ชเฮง” ยังแนะนำว่า ในนัดที่ 2 ที่จะลงสนามที่ราชมังคลากีฬาสถานนั้น ทีมชาติไทย จะต้องกดดันคู่แข่งอย่างหนัก เพื่อเอาชนะให้ได้ “นัดแรกเราแพ้ 1-2 ก็ยังไม่เสียหาย เนื่องจากมีประตูทีมเยือนอยู่ และการได้กลับมาเล่นที่บ้าน นักฟุตบอลไทย เราก็ได้เปรียบแน่ๆ สิ่งที่ต้องทำ คือ ต้องกดดัน อินโดนีเซีย อย่างต่อเนื่อง และต้องทำตลอดทั้งเกมด้วย เพราะเขาเป็นฟุตบอลสไตล์ที่วูบวาบ เน้นสวนเร็ว หากอยากชนะต้องกดดันให้หนัก และเกมรุกก็ต้องเฉียบคม ซึ่งด้วยศักยภาพ ผมว่าเราทำได้”

 

ยอดนิยมในตอนนี้