5 สโมสรจอมปลุกปั้นเยาวชน ที่มีระบบ อะคาเดมี่ ระดับโลก

นักฟุตบอลชื่อดังระดับโลกต่างก็ถูกอบรม ปลุกปั้นโดยสโมสรต่างๆ ที่มีระบบพัฒนาเยาวชน และ อะคาเดมี่ ประจำทีม การคัดเลือกแข้งวัยเด็กเข้าสู่ทีมมีหลากหลายวิธี ทั้งการคัดเลือกโดยสโมสรเอง การเป็นพันธมิตรกับทีมต่างๆ รวมไปถึงการคัดเลือกตามแมวมองของทีม แต่การที่แข้งวัยเยาว์จะประสบความสำเร็จก็ต้องขึ้นอยู่กับ ตัวของพวกเขาเอง รวมไปถึง คุณภาพอะคาเดมี่ของสโมสรด้วย

วันนี้ทางทีมงาน sport.truelife.com จึงได้รวบรวม 5 สโมสรฟุตบอล ที่มีระบบ อะคาเดมี่ ที่ยอดเยี่ยมและเป็นแม่แบบที่ดีในการสร้างผู้เล่นดาวรุ่ง

1. สโมสรเซาแธมป์ตัน

เดอะ เซนต์ส นักบุญจากแดนใต้ เริ่มก่อตั้งสโมสรฟุตบอลภายใต้ชื่อสมาคมโบสถ์ เซนต์ แมรี่ ในปี 1885 และเข้าร่วมลีกดิวิชั่นสามในปี 1919 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของศูนย์ฝึกเยาวชนเช่นกัน ในยุคแรกมี เซาแธมป์ตัน แคมบริดจ์ เป็นสถาบันฝึกสอนแยกต่างหาก ก่อนจะรวมกันในเวลาต่อมา อะคาเดมี่ ของ เซาแฮมป์ตัน เป็นที่รู้จักกันมากในยุคปลายทศวรรษที่ 80

เซาแธมป์ตัน เป็นทีมที่มีนักเตะลูกหม้อเป็นกำลังหลักมานาน ผลผลิตจากเยาวชนถูกวางรากฐานไว้อย่างต่อเนื่องโดยทีมงานทุกชุด ผู้เล่นเยาวชนของเซาแธมป์ตัน จะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เปรียบเสมือนกับนักเตะชุดใหญ่ และการกล้าให้โอกาสนักเตะดาวรุ่งได้ลงสัมผัสเกมใหญ่ๆ เพื่อสะสมประสบการณ์ พร้อมที่ขึ้นชุดใหญ่ได้ทุกเมื่อ อะคาเดมี่ เซาแธมป์ตัน ให้ความสำคัญกับทั้งฟุตบอลในระดับท้องถิ่น และ ทั้งในระดับประเทศ ซึ่งมีศูนย์ฝึกเยาวชนกระจายทั่วเกาะอังกฤษ เซาแธมป์ตัน ขึ้นชื่อในเรื่องของการปั้นนักเตะอยู่เสมอๆ อาทิเช่น อลัน เชียเรอร์, แกเร็ธ เบล,ลุค ชอว์, ธีโอ วัลค็อตต์ และ อดัม ลัลลาน่า

2. สโมสรอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม

เดอ ทูคอมสท์ หรือที่แปลว่า “The Future” ในภาษาอังกฤษ คือ ศูนย์ฝึกเยาวชนของ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสถาบันลูกหนังที่ดีที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง จากผลงานการสร้างนักฟุตบอลฝีเท้ายอดเยี่ยมออกมาประดับวงการลูกหนังมากมาย ระบบเยาวชนของ อาแจ็กซื ถือกำเนิดมาพร้อมกับการก่อตั้งสโมสรในปี 1900 แต่าโด่งดังในช่วงทศวรรษ 70 ที่มี ไรนุส มิเชลล์ ตำนานกุนซือชาวดัตช์ เจ้าของแผนการเล่น Total Football เป็นผู้วางรากฐานระบบเยาวชนให้ทีม

หลังจากที่ได้วางระบบเยาวชนที่ดี ก็เกิดลูกหม้อของ อะคาเดมี่ อาแจ็กซ์ ขึ้นมาอย่าง โยฮัน ครัฟฟ์ และ มาร์โก ฟาน บาสเท่น จึงทำให้หลายๆ สโมสรนำเอาระบบเยาวชนมาปรับใช้ ถือได้ว่า อะคาเดมี่ ของอาแจ็กซ์ อัมสเตอณืดัม เป็นต้นแบบในการวางระบบให้กับสโมสรอื่นๆ อีกด้วย โดยการปั้นเยาวชนขึ้นมาด้วยการสอนปรัชญาฟุตบอลที่เหมือนกัน และดันขึ้นไปเล่นทีมชุดใหญ่ และยังสามารถทำกำไรจากการขายผู้เล่นเยาวชนได้อีกด้วย

อาแจ็กซ์ เปรียบเสมือนโรงงานผลิตเยาวชนขึ้นสู่ตลาดลูกหนังโลก นักเตะอายุน้อยที่ทำผลงานได้ดีจะถูกเลื่อนขึ้นไปเล่นทีมชุดใหญ่ และเป็นที่จับตาของสโมสรยักษ์ใหญ่ทั้งหลายโดยนักเตะที่เคยถูกปลุกปั้นมาจาก อะคาเดมี่ ของอาแจ็กซ์ อาทิเช่น คริสเตียน อิริคเซ่น, โธมัส แฟร์มาเลน, ดาลี่ย์ บลินด์ และ เวสลี่ย์ ชไนเดอร์

3. สโมสรอันเดอร์เลชท์

หลังจากที่เบลเยี่ยม เข้าสู่ยุคมืด สมาคมฟุตบอลเบลเยี่ยม จึงวางแผนพัฒนาวงการฟุตบอลขึ้นมาใหม่ โดยเริ่มจากสโมสรยักษ์ใหญ่ของประเทศมองในเรื่องของ ระบบอะคาเดมี่ เริ่มพัฒนาจากเยาวชนขึ้นมาก่อน อันเดอร์เลชท์ จึงพัฒนาศูนย์ฝึกเยาวชนจากที่ก่อตั้งมาให้ปี 1922 ให้ดียิ่งขึ้น เป้าหมายก็คือการนำ เบลเยี่ยม กลับมาสู่ยุคทองอีกครั้ง

ศุนย์ฝึกแห่งนี้ก็ได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง ได้รับอิทธิพลจากการรื้อระบบใหม่โดยฝ่ายเทคนิคของสมาคมฟุตบอล สนับสนุนให้แข้งเยาวชนกระจายกันไปเล่นยังลีกที่แข็งแกร่งกว่า 3 ส่วนหลักทั้ง สโมสร,ทีมชาติ และ โค้ชระดับเยาวชน ทั้งหมดจะต้องอยู่ฝ่ายใต้นโยบายเดียวกัน นักเตะตั้งแต่ รุ่น 9 ขวบ ขึ้นไปจนถึง ชุดใหญ่ จะต้องเล่นด้วยระบบ 4-3-3 ที่เน้นความเร็ว ความยืดหยุ่นสูง ทั้งสามส่วนที่กล่าวมา จะทำงานร่วมกันเพื่อสร้างผู้เล่นที่มีคุณภาพ และบังคับให้มีจำนวนเกมของผู้เล่นระดับเยาวชนให้เป็นไปตามเกณฑ์ เพื่อเติมประสบการณ์ให้กระดูก เพื่อการพัฒนาขึ้นทีมชุดใหญ่โดยเร็ว (ยิ่งฝึกเยอะ ยิ่งประสบการณ์เยอะ)

จากการที่หันมาพัฒนาระบบ อะคาเดมี่ อย่างจริงจัง ทำให้ เบลเยี่ยม ก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของโลก ในการจัดอันดับ FIFA Ranking ในเดือน พฤษภาคม 2015 และยังผลิตซุปตาร์ ขึ้นมาหลายคน อาทิเช่น แวงซองต์ คอมปานี, โรเมลู ลูกากู, ยูรี่ เทียเลมองส์ และ อัดนาน ยานาไซส์

4. สโมสรบาร์เซโลน่า

ลา มาเซีย เด กาน ปลาเนส หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “ลา มาเซีย” คือ ศูนย์ฝึกแข้งวัยเยาว์ของบาร์เซโลน่า จุดกำเนิดของศูนย์ฝึกแห่งนี้ เกิดขึ้นในปี 1979 เมื่อ โจเซฟ นูนเญซ ประธานสโมสรในขณะนั้น เลือกทำตามคำแนะนำของ โยฮัน ครัฟฟ์ ที่เสนอให้ทีมรื้อระบบเยาวชนทั้งหมด และสร้าง อะคาเดมี่ ของสโมสรขึ้นมาใหม่ โดยยึดตามแบบฉบับของ สโมสรอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม

ระบบการเล่นที่สวยงาม ความสมดุลทั้งเกมรุก และรับ เกิดจากการหล่อหลอมของปรัชญาการเล่น ผ่านแบบแผนการฝึกซ้อมที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ลา มาเซีย เป็นเหมือนรากฐาน ที่ช่วยให้ทีมเกิดความสำเร็จ โดย ลา มาเซีย จะสอนให้ชุดเยาวชน รวมไปถึงผู้เล่นชุดใหญ่ และทุกๆชุด เล่นในระบบเดียวกัน เพื่อให้เข้าใจถึงปรัชญาของทีม จะทำให้นักเตะเยาวชนสามารถเล่นทดแทน ผู้เล่นชุดใหญ่ได้อย่างไม่ยากเย็น ภายใต้ระบบเดียวกันในทีมทุกชุด โดยนักเตะที่เคยผ่านการขัดเกลาจนโด่งดังในยุคปัจจุบันและอดีต อาทิเช่น เป๊ป กวาร์ดิโอล่า, ซาบี เฮอร์นานเดซ, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, อันเดรส อิเนียสต้า, ลิโอเนล เมสซี่ และ เซร์คิโอ โรแบร์โต้

5. สโมสรสปอร์ติ้ง ลิสบอน

อคาเดเมีย สปอร์ติ้ง เป็นองค์กรกีฬาแห่งแรกในโปรตุเกส ทีไ่ด้การรับรองคุณภาพ เมื่อปี 2010 ซึ่งช่วยการันตีความยอดเยี่ยมของศูนย์ฝึกแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี กระบวนการพัฒนาเยาวชน มีแนวทางคล้ายกับ อาแจ็กซ์ ตรงที่กล้าลงทุนเงินก้อนโต กับศูนย์ฝึกเยาวชน การทำงานอย่างหนักของแมวมอง และ โปรแกรมฝึกซ้อมที่ยอดเยี่ยม ทำให้ สปอร์ติ้ง สามารถดึงนักเตะที่มีฝีเท้าดีขึ้นทีมชุดใหญ่ได้ ที่นี่ไม่เพียงแค่สอนในเรื่องของฟุตบอล แต่ยังสอนทักษะด้านการใช้ชีวิตในฐานะนักฟุตบอลอาชีพผ่านการอบรม และการศึกษา เพื่อให้ปรับตัวได้อย่างไม่ยากเย็น

จากการสำรวจของ ECA ระบุว่า ผุ้เล่นทีมชาติโปรตุเกสชุดใหญ่ จะมีเด็กปั้นจาก อะคาเดมี่ สปอร์ติ้ง มากถึง 7 คนในแต่ละปี โดยนักเตะที่เคยผ่านการปลุกปั้นมาล้วนแต่เป็นนักเตะที่มีชื่อเสียงของ โปรตุเกสทั้งนั้น อาทิเช่น หลุยส์ ฟิโก้, เจาท์ มูตินโญ่ และ เจ้าของรางวัล บัลลงดอร์ 2016 และ นักเตะยอดเยี่ยมของฟีฟ่า 2016 อย่าง คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ อีกด้วย

ขอบคุณภาพ : Sporting Official, Ajax Official

ดูบอลสด โหลดง๊ายง่าย!!

ดาวน์โหลดฟรี แอพ True ID ดูบอลดีๆ 6 ลีก 5 ถ้วย ทั้งพรีเมียร์ลีก, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือไทยลีก มันส์ได้ครบกับ แพ็คเกจ True Super Soccer

สมัครผ่านแอพ True ID เพียงเดือนละ 29 บาท รับสิทธิดูผ่านคอมพิวเตอร์ฟรี ผ่านเน็ตทรู !! ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 มิถุนายน 60

แอพ True ID ดาวน์โหลดฟรี ที่