รีเซต
5 โฟกัส สิงห์บูลเฉือนผีแดง เกมเอฟเอ คัพ

5 โฟกัส สิงห์บูลเฉือนผีแดง เกมเอฟเอ คัพ

5 โฟกัส สิงห์บูลเฉือนผีแดง เกมเอฟเอ คัพ
armcasanova
14 มีนาคม 2560 ( 10:17 )
4.2K

 

เกมเอฟเอ คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย “สิงห์บูล”เชลซี เปิดรัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ รับการมาเยือนของ “ปีศาจแเดง”แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกมนี้มีหลายสิ่งที่ให้พูดถึงมากมาย และที่สำคัญเป็นการกลับมาเยือนถิ่นเก่าของกุนซือ อย่าง โชเช่ มูรินโญ่

วันนี้ทางทีมงานจึงพามาเจาะ 5 โฟกัส สำหรับเกมสิงห์บูลเฉือนผีแดง 1-0

1. แท็กติกของ มูรินโญ่

ถ้าดูจากรายชื่อ 11 ตัวจริง วันนี้มูรินโญ่ส่ง กองหลังลงมาถึง 3 คน ประกอบไปด้วย มาร์กอส โรโฮ, คริส สมองลิ่ง และ ฟิล โจนส์ หลายคนเห็นรายชื่อแล้วคิดว่า มูรินโญ่ อาจจะเล่น 3-5-2 แต่ทว่า เขาจัดแผนการเล่นเป็น 4-1-2-3 โดยใช้ ฟิล โจนส์ เป็นกองกลางตัวรับ คอยตามติด เอเด็น ฮาซาร์ ไม่ให้เล่นเกมรุกได้ถนัด จะเห็นได้ว่า ผู้เล่นแมนยู เข้าเพรสซิ่งบอลเร็วมาก ไม่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นตัวรุกของเชลซีได้เล่นเกมรุกอย่างถนัด และยังมีบางจังหวะที่ ฟิล โจนส์ ลงไปช่วยซ้อนแผงหลังได้อีกด้วย

 

2. ใบแดงของ อังเดร เอร์เรร่า

เรียกได้ว่า น่าเห็นใจ เอร์เรร่า เป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะใบเหลืองแรกของเขา ในจังหวะที่ อาซาร์ ผ่านบอลให้เพื่อนแล้ว เอร์เรร่า ยืนขวางทำให้ อาซาร์ วิ่งเข้ามาชน จังหวะนี้สามารถเป็นการฟาวล์ได้ แต่ทว่าว่า ผู้ตัดสิน ไมเคิล โอลิเวอร์ ตัดสินใจแจกใบเหลืองให้ เอร์เรร่า ดูจะเป็นอะไรที่อาจจะโหดเกินไปหน่อย ขณะที่ผู้บรรยายภาษาอังกฤษยังเอ่ยปากว่า จังหวะนี้ไม่ควรเป็นใบเหลือง

ต่อมาใบเหลืองที่สอง เป็นจังหวะที่ เอร์เรร่า เข้าสกัด อาซาร์ ด้านหลังล้มลงไป ผู้ตัดสินไม่รีรอ วิ่งมาแจกใบเหลืองใบที่สอง กลายเป็นใบแดงไล่ เอร์เรร่า ออกนอกสนามไป ท่ามกลางความไม่พอใจของผู้เล่นปีศาจแดง

 

3. การเปลี่ยนแท็กติก

ทางด้านเชลซี อันโตนิโอ คอนเต้ แท็กติกไม่ปรับเปลี่ยนมากนัก เพราะทีมสามารถควบคุมเกมไว้ได้หมดทุกอย่าง สำหรับทางด้านแมนยู โชเช่ มูรินโญ่ ต้องเปลี่ยนตัวผู้เล่นตั้งแต่ในนาทีที่ 35 เนื่องจาก อังเดร เอร์เรร่า ถูกใบแดงไล่ออกจากสนามไป มูรินโญ่ ตัดสินใจส่ง มารูยาน เฟลไลนี่ ลงสนามมาแทน เอริก มคิตาร์ยาน โดยเปลี่ยนเป็นแท็กติกรถบัส ตั้งรับแล้วสวนกลับ แล้วทิ้ง มาร์คัส แรชฟอร์ด ไว้เล่นศูนย์หน้า โดยมา พอล ป็อกบา คอยสนับสนุน แต่เกมมันไม่เป็นแบบนั้น กองกลางแมนยู ไม่สามารถเก็บบอลได้ เนื่องจากทางเชลซี ได้เปิดรุกใส่อย่างเต็มที จนทำให้เสียประตู

 

4. ประตูชัย เอ็นโกโล ก็องเต้

ประตูแรกและประตูเดียวเกิดขึ้นในช่วง เริ่มต้นครึ่งหลัง ในจังหวะที่แผงหลังปีศาจแดงถอยลงไปรับในกรอบเขตโทษ ผู้เล่นแดนกลางอย่าง พอล ป็อกบา รับหน้าที่วิ่งไล่บอลบริเวณหน้าเขตโทษ บอลมาถึง ก็องเต้ ด้วยความที่ชะล่าใจของผู้เล่นแมนยู ไม่คิดว่า ก็องเต้ จะยิงไกล แต่หารู้ไม่ ก็องเต้ ได้บอลบริเวณ 23 หลา ซัดด้วยขวาบอลพุ่งเสียบเสาผ่านมือ เด เกอา เข้าไป 

ก็องเต้ เป็นผู้เล่นกองกลางตัวรับ ไม่ค่อยมีโอกาสได้ยิงประตู แต่ในจังหวะนี้ผู้เล่นแมนยูในแผงกองกลางถือว่าพลาดมหันต์ที่ไม่เข้าไปบล็อกลูกยิงดังกล่าวนี้จนทำให้เสียประตู

 

5. ผู้จัดการทีม

ก่อนเกมนี้จะเริ่มหลายคนคงจำแมตช์ที่ทั้งคู่เคยพบกันมาก่อนหน้านี้ได้ดี เกมพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ นัดที่ เชลซี เปิดบ้านถล่ม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไป 4-0 เป็นจังหวะที่ มูรินโญ่ เข้าไปกระซิบพูดอะไรซักอย่างกับ คอนเต้ โดยสื่ออิตาลีอ้างว่า มูรินโญ่ เข้าไปต่อว่า คอนเต้ ในทำนองที่ดีใจออกนอกหน้านอกตา จนเหมือนไม่ให้เกียรติกัน

พอมาในเกมนี้ ผู้จัดการทีมทั้งสองฝ่าย ก็มีการปะทะคารมณ์กันข้างสนาม ในจังหวะที่ แอชลี่ย์ ยัง เข้าไปเสียบทางด้านหลัง วิกเตอร์ โมเซส จนทำให้ผู้ตัดสินที่ 4 เข้ามาแยกทั้งคู่ออกจากกัน และทางด้าน ไมเคิล โอลิเวอร์ ผู้ตัดสินเข้ามาตักเตือนทั้งคู่ด้วย

หลังจากจบเกม ทางใครได้ดูถ่ายทอดสด กล้องพยายามจับภาพผู้จัดการทีมทั้ง 2 ฝ่ายแต่ก็ไม่เห็นว่ามีการจับมือกันหลังจบเกม โดยทั้งคู่เดินไปให้กำลังใจลูกทีมของตนในสนาม และมีการเดินสวนกันโดยไม่มองหน้าแต่อย่างใด และ ช่วงจบเกมก็มีแฟนบอลเชลซีโห่ใส่ มูรินโญ่ อยู่บ้างพอเป็นพิธี

 

อย่างไรก็ตาม ศึกเอฟเอ คัพได้มีการจับสลากประกบคู่ในรอบรองชนะเลิศเป็นที่เรียบร้อย โดยเหลือกัน 4 ทีมสุดท้าย โดยทางด้าน เชลซี พบกับ สเปอร์ส และ อาร์เซน่อล พบกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

 

ชมทีวีออนไลน์ช่องทรูสปอร์ต และ ช่อง True4U ได้ที่แอพ TrueID

 

ยอดนิยมในตอนนี้