รีเซต
เมื่อวันที่ “ไก่เดือยทอง” ไม่อยู่นอกสายตาอีกต่อไป

เมื่อวันที่ “ไก่เดือยทอง” ไม่อยู่นอกสายตาอีกต่อไป

เมื่อวันที่ “ไก่เดือยทอง” ไม่อยู่นอกสายตาอีกต่อไป
armcasanova
5 มิถุนายน 2560 ( 13:27 )
939

 

นี่คือสถิติ 5 ฤดูกาลหลังสุดของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ บนเวที พรีเมียร์ลีกอังกฤษ

  • 2012-2013 อันดับ 5 ทำได้ 72 คะแนน(แชมป์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 89 คะแนน)
  • 2013-2014 อันดับ 6 ทำได้ 69 คะแนน (แชมป์ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 86 คะแนน)
  • 2014-2015 อันดับ 5 ทำได้ 64 คะแนน (แชมป์ เชลซี 87 คะแนน)
  • 2015-2016 อันดับ 3 ทำได้ 70 คะแนน(แชมป์ เลสเตอร์ ซิตี้ 81 คะแนน)
  • 2016-2017 อันดับ 2 ทำได้ 86 คะแนน (แชมป์ เชลซี 93 คะแนน)

 

ทุกท่านสังเกตเห็นอะไรไหมครับ ?

เมื่อพูดถึงทีมท็อปโฟร์หรือท็อปไฟว์บนลีกสูงสุดเมืองผู้ดี เชื่อว่าหลายคนคงจะนึกถึง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด , ลิเวอร์พูล , อาร์เซน่อล , เชลซี และสโมสรที่เพิ่งสถาปนาตัวเองเป็นบิ๊กทีมในยุคหลังอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้

แล้วถ้าพูดถึง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ล่ะ… แฟนบอลรุ่น ‘90 ขึ้นไปจะนึกถึงอะไร ?

“ทีมกลางตารางที่ดีที่สุด” “ทีมที่อาจช่วยตัดแต้มพวกลุ้นแชมป์ให้”“ทีมที่พอจะสอดแทรกพื้นที่ถ้วยใหญ่ยุโรปได้” นี่คือบางส่วนที่ผมพอจะนึกออก และเชื่อว่าแฟนบอลหมู่มากก็น่าจะมีมุมมองที่ไม่ต่างกันนัก ซึ่งหากดูจากผลงานเมื่อหลายปีก่อน ก็ไม่ผิดแต่อย่างใดที่จะคิดแบบนั้น

แต่ลองย้อนกลับไปดูสถิติที่ผมยกมาตอนต้นสิครับ

ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ขยับอันดับขึ้นมาเรื่อยๆ โดยในสองปีหลังพวกเขาจัดได้ว่าเป็นทีมที่สามารถก้าวเข้ามาลุ้นแชมป์อย่างเต็มตัว และยังเป็นสโมสรเดียวที่พอจะยืนหยัดขับเคี่ยวแย่งตำแหน่งจ่าฝูงกับ สิงโตน้ำเงินคราม ได้จนหยดสุดท้ายในฤดูกาลล่าสุดนี้

ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่าส่วนหนึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ กุนซือหนุ่มชาวอาร์เจนไตน์ ที่สามารถยกระดับสโมสรให้สูงไปอีกขั้นด้วยระบบการเล่นที่กำลังทรงประสิทธิภาพขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังแปลงโฉมให้ทีมดังจากลอนดอนค้นพบกับ “ความสม่ำเสมอ”จนสามารถยืนระยะได้ต่อเนื่องกว่าที่เคยซึ่งผมคิดว่านี่คือกุญแจสำคัญที่สุดในการก้าวขึ้นมาเป็นขาใหญ่ประจำลีกในภายภาคหน้า

อยากจะบอกว่าหากวัดเฉพาะผลงานในบ้าน ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ คือหมายเลข 1 นะครับ แถมยังยืดอกพกสถิติไร้พ่ายเป็นเกียรติประวัติได้ด้วย (ชนะ 7 เสมอ 2 แพ้ 0) ถือเป็นการอำลารังเหย้าเก่าแก่ของตัวเองอย่าง ไวท์ ฮาร์ท เลน ได้แบบยิ่งใหญ่เลยทีเดียว

และอยากจะบอกอีกว่าทีมที่ยิงประตูได้มากที่สุด และทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดในซีซั่นนี้ ก็เป็นทัพ ไก่เดือยทอง นี่ล่ะครับ (ได้ 86 เสีย 26)

 

 

มาไล่ดูเรื่องตัวผู้เล่นกันบ้าง

ผู้รักษาประตู : อูโก้ โยริส

กองหลัง : ไคล์ วอล์คเกอร์ , โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ , แยน แฟร์ตองเก้น , แดนนี่ โรส

กองกลาง : เอริค ไดเออร์ , วิคเตอร์ วานยาม่า , ซอง เฮือง มิน , คริสเตียน อีริคเซ่น , เดเล่ อัลลี่

กองหน้า : แฮร์รี่ เคน

ไหนจะมีตัวสำรองที่สามารถทดแทนกันได้สบายอย่าง คีแรน ทริปเปียร์ , เบน เดวิส , มุสซ่า ซิสโซโก้ , มุสซ่า เดมเบเล่ , เอริค ลาเมล่า หรือแม้กระทั่ง มิเชล วอร์ม อยู่อีก

เมื่อพิจารณาจากขุนพลชุดนี้ ถ้าจะให้พูดภาษาบ้านๆก็คงบอกได้ว่า “ปึ้กทุกตำแหน่ง” จริงๆ อีกทั้งหัวหอกของพวกเขา ยังเป็นดาวซัลโว พรีเมียร์ลีก ในสองซีซั่นหลังสุดด้วยนะครับ

ทุกอย่างเหมือนกำลังจะไปได้สวยใช่ไหม แต่ผมคิดว่ามันยังมีประเด็นให้ต้องถกถึงการกลายสภาพเป็นสโมสรชั้นแนวหน้าอยู่

 

 

คลับไก่ ไม่ได้มีทางลัดอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือ ปารีส แซงต์ แชร์กแมงดังนั้นการสร้างบารมีให้กับตัวเองจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการก้าวขึ้นไปยืนในจุดนั้น เพื่อที่จะสามารถดึงดูดและเก็บรักษานักเตะระดับสตาร์เอาไว้ได้ (รวมถึงผู้จัดการทีมด้วย)

แน่นอนว่าการคว้าแชมป์รายการเมเจอร์ให้ได้สักถ้วย น่าจะเป็นการประเดิมศักราชใหม่ให้กับพลพรรค ไก่เดือยทอง ได้ แต่ก่อนจะมองไปถึงเป้าหมายนั้น พวกเขาจะต้องจัดการงานที่หนักหนาที่สุดให้ลุล่วงเสียก่อน

นั่นคือภารกิจพิทักษ์สมบัติล้ำค่าของตัวเอง !

เพราะถ้า ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สามารถรั้ง แฮร์รี่ เคน , เดเล่ อัลลี่ และเหล่าแกนหลักทั้งหลายให้อยู่สู้ต่อในช่วง 3-4 ปีข้างหน้าเป็นอย่างน้อยได้สำเร็จ ก็มีโอกาสสูงที่เราอาจได้คุ้นชินกับคำว่า “บิ๊กซิกซ์” บนสังเวียน พรีเมียร์ลีก ในอนาคตอันใกล้นี้เหมือนกัน

 

ดูบอลออนไลน์!! ฟุตบอลลีกชั้นนำของโลก และ คลิปไฮไลท์ พร้อมติดตามข่าวสาร ได้ที่ Trueid App และ เว็บไซต์ Sport Trueid หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @Trueid

ยอดนิยมในตอนนี้