รีเซต
TRUE TALK : รีเทิร์น ออฟ "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง

TRUE TALK : รีเทิร์น ออฟ "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง

TRUE TALK : รีเทิร์น ออฟ "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง
kentnitipong
28 มิถุนายน 2560 ( 06:00 )
137.9K

แม้จะเปิดตัวได้ไม่ค่อยสวยนัก แต่ทว่าการหวนคืนสู่การคุมทีมในระดับสโมสรของ “โค้ชซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อีกครั้งในรอบเกือบ 5 ปี ถือเป็นเรื่องที่น่าจับตามอง และสร้างแรงกระเพื่อมต่อวงการฟุตบอลไทยอย่างรุนแรง ในแง่ที่เจ้าตัวเคยเป็นถึงกุนซือที่ประสบความสำเร็จกับทีมชาติไทยมากที่สุดคนหนึ่งในพงศาวดารลูกหนังเมืองสยาม

 

 

“สโมสรการท่าเรือเป็นทีมที่ยิ่งใหญ่ เพียบพร้อมไปด้วยเกียรติประวัติที่ยาวนาน เรามีแฟนๆ ที่ดุดัน และพร้อมจะซัพพอร์ททีมอยู่เสมอไม่ว่าทีมจะชนะ หรือแพ้ นี่คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผมตัดสินใจรับงานนี้” นี่คือวาทะแรกในงานแถลงเปิดตัวกุนซือใหม่ถอดด้ามของทีมที่ยิ่งใหญ่อย่าง การท่าเรือ เอฟซี

เรียกได้ว่ายังไม่ทันได้ทำอะไรก็ได้ใจแฟนๆ “สิงห์เจ้าท่า” ไปเต็มๆ

แต่ใช่ว่าทุกอย่างจะโรยไปด้วยกลีบกุหลาบ เพราะดูเหมือนว่าการขับเคี่ยวของทีมในไทยลีก 1 แต่ละทีมนั้นดุเดือด และเข้มข้นเกินกว่าจะยอมกันง่ายๆ อย่างในแมตช์แรกของ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ในฐานะเฮดโค้ชของ การท่าเรือ เอฟซี ที่โดน “แข้งเทพ” แบงค็อก ยูไนเต็ด บุกมาถล่มยับถึง 0-3 แสดงให้เห็นเลยว่า ซิโก้ ยังอาจจะต้องใช้เวลาปรับจูนทั้งจังหวะฟุตบอล ความสัมพันธ์กับนักเตะ และสต๊าฟในทีม รวมถึงแท็คติกต่างๆ ซึ่งตัวของ “โค้ชซิโก้” เองก็รู้ดีว่า การตัดสินใจรับเผือกร้อนชิ้นนี้มีความเสี่ยงอยู่ไม่น้อยที่เจ้าตัวอาจจะเอาชื่อมาทิ้งไว้ที่ แพท สเตเดี้ยม เหมือนดั่งกุนซือชื่อดังหลายๆ คนก่อนหน้านี้

แต่ถ้าเรากลัวตั้งแต่เริ่มต้น เราก็คงที่จะไม่มีวันออกไปพบเจอกับสิ่งที่เรียกว่า “ความสำเร็จ” ได้…

และสิ่งแรกที่ดูเหมือนว่าอดีตศูนย์หน้าจอมตีลังการายนี้จะเร่งปรับเป็นการด่วนนั่นก็คือ การสร้างเกมรับที่แข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับการเสริมทัพเพื่อเติมเกมรุกให้ดุดัน และเร้าใจตามสไตล์ “ซิโก้” เหมือนดั่งที่เจ้าตัวเคยทำไว้กับทัพ “ช้างศึก” ซึ่งล่าสุดเจ้าตัวได้ให้สัมภาษณ์ว่าอาจจะมีการปรับขนาดทีมให้ลดลงเหลือประมาณ 25 คน ซึ่งคาดว่าเป็นการทำให้ทีมนั้นเหลือไว้เพียงนักเตะที่เล่นเข้ากับแท็คติกของ “โค้ชซิโก้” จริงๆ หรือที่เรามักจะได้ยินกันว่า “เข้าระบบ”

 

 

มงคล ทศไกร คือสตาร์ในแนวรุกคนแรกที่ “มาดามแป้ง” จัดให้ตามคำขอ นอกจากนี้ยังมีข่าวว่า “สิงห์เจ้าท่า” กำลังเล็ง รุ่งรัตน์ ภูมิจันทร์ทึก ปีกจรวดจาก ราชบุรี มิตรผล เอฟซี และจอร์นาตา แวร์ซูร่า ฮาร์ดแมนเลือดไทย-อิตาเลียนจาก อุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด รวมถึงบิ๊กดีลที่แฟนๆ การท่าเรือ หวังจะให้เกิดขึ้นจริงอย่าง “เจ้าตัง” สารัช อยู่เย็น ที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งลูกรักของกุนซือรายนี้ตั้งแต่สมัยคุมทีมชาติไทย ซึ่งมั่นใจได้เลยว่า เราคงได้เห็นเด็กในคาถา “โค้ชซิโก้” อีกหลายๆ คน ตบเท้าเข้ามาเป็นกำลังสำคัญในถิ่น แพท สเตเดี้ยม เป็นแน่

 

 

นอกเหนือจาก “บารมี” ที่ ซิโก้ พกมาเต็มกระเป๋าแล้ว… “ความเชื่อมั่น” จากมาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ นายใหญ่ของ “สิงห์เจ้าท่า” ที่มีต่อเฮดโค้ชรายนี้ ก็ถือเป็นอีกส่วนสำคัญที่ทำให้ “โค้ชซิโก้” น่าจะทำงานได้อย่างราบรื่น โดยไม่ถูกแทรกแซง หรือมีการล้วงลูกกันแต่อย่างใด… ความอิสระในเรื่องมุมมองทางฟุตบอล น่าจะเป็นอะไรที่ “มาดามแป้ง” นั้นไฟเขียวตามความต้องการของอดีตกัปตันทีมชาติไทยรายนี้อย่างแน่นอน

นี่อาจจะเป็นงานที่ท้าทายความสามารถของ “โค้ชซิโก้” มากที่สุดงานหนึ่งในชีวิตการเป็นกุนซือ เพราะการคุมทีมในระดับสโมสรนั้นแตกต่างไปจากการคุมทีมชาติอย่างสิ้นเชิง ทั้งในแง่ของทรัพยากรนักเตะโดยรวม คู่ต่อสู้ที่ฝีเท้าแทบจะไม่แตกต่างกัน รวมถึงเม็ดเงินที่ถือว่าเป็นตัวแปรสำคัญที่จะทำให้ทีมประสบความสำเร็จ หรือล้มเหลว…

 

 

ยังเร็วเกินไปที่เราจะไปตัดสิน “โค้ชซิโก้” เพียงแค่ผลแพ้ในแมตช์แรกของการคุมทีม เพราะขึ้นชื่อว่าการเป็นถึงอดีตกุนซือทีมชาติไทยแล้ว ยังไงเชื่อว่าเจ้าตัวก็น่าจะสามารถเข้ามาสร้างจุดเปลี่ยนในทิศทางที่ดีให้กับการท่าเรือได้… อย่าลืมว่า “สิงห์เจ้าท่า” ยังมีลุ้นอยู่ในฟุตบอลถ้วยสำคัญทั้งสองรายการ ไม่ว่าจะเป็น ช้าง เอฟเอ คัพ หรือโตโยต้า ลีก คัพ ซึ่งทุกคนทราบกันดีว่า “โค้ชซิโก้” นั้นเชี่ยวชาญกับการคุมทีมลงเล่นในฟุตบอลถ้วยมากเป็นพิเศษ อาจจะใช้คำว่าเขี้ยวลากดินเลยก็ว่าได้…

ไม่แน่ว่า บางที “โค้ชซิโก้” อาจจะพาลูกทีมฝ่าด่านหินไปพร้อมกับการคว้าโทรฟี่แชมป์บอลถ้วยสักรายการใดรายการหนึ่งหลังจบซีซั่น และถ้าเป็นเช่นนั้นจริง “Return of Z13o” ในครั้งนี้ก็น่าจะเป็นการคัมแบ็กอันสวยหรูของกุนซือจอมตีลังการายนี้เลยทีเดียว

สุดท้าย ท้ายสุดนี้ อยากหยิบประโยคเด็ดในวันแถลงเปิดตัวกุนซือรายนี้ ถึงการหวนกลับมาสวมบทบาทที่คุ้นเคย และติดตาแฟนบอลชาวไทย และทั่วอาเซียนไปแล้ว นั่นคือ “กุนซือลูกหนัง” อีกครั้ง…

“ผมไม่คิดว่าการออกจากการเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติ และกลับมาคุมทีมในระดับสโมสรจะเป็นการเดินถอยหลังของตัวเอง ผมมองว่านี่คือความท้าท้าย ผมขอขอบคุณพี่แป้งที่ให้โอกาสกับการได้มาคุมทีมที่มีเกียรติประวัติอันยาวนานอย่าง การท่าเรือ เอฟซี ทุกวันนี้ผมเองก็มีงานสอน รวมถึงการปั้นเยาวชนอยู่แล้ว ผมไม่ได้หายไปไหน ฉะนั้นผมอยากบอกทุกคนว่า…”

 

“ไม่มีใครดึงผมออกจากวงการฟุตบอลไทยได้”

 

ชมสด!! ศึกไทยลีก และคลิปไฮไลท์ พร้อมติดตามข่าวสาร ได้ที่ Trueid App และ เว็บไซต์ Sport Trueid หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @Trueid

ยอดนิยมในตอนนี้