ช้างศึก ดวลโทษเฉือนเบลารุส 5-4 คว้าแชมป์คิงส์คัพสมัย 15
“ช้างศึก”ทีมชาติไทย เสมอในเวลาการแข่งขันกับ ทีมชาติเบลารุส จนต้องทำให้ยิงจุดโทษตัดสิน ผลปรากฎว่า ทีมชาติไทย ดวลจุดโทษชนะ 5-4 ป้องกันแชมป์คิงส์คัพ สำเร็จ
การแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 45 รอบชิงชนะเลิศ วันที่ 16 กรกฎาคม 2560 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ทีมชาติไทย แชมป์เก่า และแชมป์รายการนี้ 14 สมัย ลงสนามพบกับทีมชาติเบลารุส ท่ามกลางผู้ชมในสนามกว่า 22,483 คน
เริ่มเกมทีมชาติเบลารุส เป็นฝ่ายเขี่ยบอลโดยทั้งสองทีมเปิดเกมเข้าหากันอย่างต่อเนื่อง
น.6 ทีมชาติเบลารุส ทำเกมขึ้นมา เยฟเกนี เชฟเชนโก มีโอกาสยิง แต่ไม่ผ่านมือของ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ปัดทิ้งออกไปได้
น.7 หลังจากนั้นทีมชาติไทยเล่นเกมสวนกลับ พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา ได้ยิงแต่ผู้รักษาประตูของทีมชาติเบลารุสเซฟเอาไว้ได้
น.8 ทีมชาติเบลารุส ทำเกมขึ้นมาตรงกลางต่อบอลไปมา ทางด้าน ดิมิทรี อันติเลฟสกี้ ศูนย์หน้าของทีมได้ยิง แต่บอลไปเข้าซองของ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์
ต่อมาทีมชาติไทยเริ่มเปิดเกมรุกใส่ทาง ทีมชาติเบลารุสอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีจังหวะในการเข้าทำเป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังโฉบไปมา ทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวา
น.17 ธีราทร บุญมาทัน ได้บอลขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งซ้าย มีช่องเปิดครอสโค้งๆ อดิศักดิ์ ไกรษร พุ่งโหม่ง บอลเลยข้ามคานออกไปแค่นิดเดียว
น.20 ทีมชาติเบลารุส ได้ลูกเตะมุมโยนบอลเข้าไป มีจังหวะชุลมุนสุดท้าย ดมิทริ เบสเมิร์ตนี ยิงบอลหลุดกรอบออกไป
น. 22 ทีมชาติเบลารุส ขึ้นเกมทางฝั่งขวา ดมิทริ เบสเมิร์ตนี เลี้ยงตัดไปกลางสนาม ก่อนที่ เยฟเกนี เชฟเชนโก ยิงบอลออกไป
น.31 ทีมชาติไทยได้จังหวะโต้กลับมา ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ทำชิงหนึ่งสองกับ อดิศักดิ์ ไกรษร กองจะบรรจงซัดด้วยซ้าย แต่น้ำหนักบอลเบาเข้ามือผู้รักษาประตูทีมชาติเบลารุส
น.32 สรรวัชญ์ เดชมิตร โดนทำฟาวล์ระยะกว่า 30 หลา ธีราทร บุญมาทัน รับหน้าที่ปั่นฟรีคิก แต่บอลพุ่งไม่ห่างตัว ดมิทรี ดูดาร์ รับได้สบาย
น.38 ผู้ตัดสินแจกใบเหลืองแรกของเกมให้กับ สรรวัชญ์ เดชมิตร จากการตัดเกมทำฟาวล์ผู้เล่นของทีมชาติเบลารุส
จบครึ่งแรก ทีมชาติไทย เสมอกับ ทีมชาติเบลารุส ด้วยสกอร์ 0-0
เริ่มเกมในครึ่งหลัง ทีมชาติไทย เป็นฝ่ายเขี่ยเพื่อเริ่มเล่น ทั้งสองฝ่ายต่างก็ยังเปิดเกมรุกใส่กันอยู่ตลอด
น. 56 ทั้งสองทีมทำการเปลี่ยนตัวผู้เล่น โดยทางทีมชาติเบลารุสส่งเอา ซาวิสกี้ ปาเวส ลงเล่นแทน อซิรอฟกี้ ดิมิทรี ทางด้านทีมชาติไทยส่งเอา “ปีโป้”สิโรจน์ ฉัตรทอง ลงเล่นแทน อดิศักดิ์ ไกรษร
น.58 ทีมชาติเบลารุส เปลี่ยนตัวผู้เล่นคนที่สอง โดยส่งทางด้าน คาโพสกี้ เยฟเกนี่ ลงเล่นแทน ดมิทริ เบสเมิร์ตนี
น.64 ทีมชาติเบลารุส โหมบุกใส่ทีมชาติไทยทางด้าน เยฟเกนี เชฟเชนโก ยิงไปติด พรรษา เหมวิบูลย์ ออกไปเป็นลูกเตะมุม
น.66 ผู้ตัดสินแจกใบเหลืองใบที่สองของเกมให้กับ เยกอร์ คาวัลโก ทำฟาวล์ใส่ สิโรจน์ ฉัตรทอง
น.67 ทีมชาติไทย ขอเปลี่นตัวผู้เล่นส่ง ธีราเทพ วิโนทัย ลงไปแทน สรรวัชญ์ เดชมิตร
น.68 ทีมชาติเบลารุส เปลี่ยนตัวคนที่สามส่ง ซลาเว อาตูม ลงแทน อัลยัคซานดรา คัตยารัล
น.71 ผู้ตัดสินแจกใบเหลืองให้กับ อาร์เซียม สกิตอฟ ทำฟาวล์ ฐิติพันธ์ พว่งจันทร์ บริเวณกลางสนาม
น.80 ผู้ตัดสินชูใบเหลืองให้กับ โวคอฟ ซากา เตะตัดขา ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ บริเวณกลางสนาม
น.82 ทีมชาติไทยเปลี่ยนตัวส่ง ฟิลิป โรเลอร์ ลงเล่นแทน มงคล ทศไกร
น.84 ทีมชาติเบลารุส มีโอกาสได้ประตูขึ้นนำ แต่สุดท้ายไม่ผ่านมือของ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์
น.88 ทีมชาติไทย ได้ฟรีคิกระยะทำการ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ปั่นโค้งๆ บอลหลุดกรอบไปนิดเดียว
จบ 90 นาที ทีมชาติไทย เสมอกับ ทีมชาติเบลารุส 0-0 ต้องตัดสินด้วยการยิงจุดโทษ
ผลการดวลจุดโทษ ปรากฎว่า ทีมชาติไทย ยิงได้แม่นกว่า เอาชนะ ทีมชาติเบลารุสไปได้ 5-4 โดยผู้เล่นที่ยิงประตูเข้าไปได้แก่ ธีรเทพ วิโนทัย, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, ฟิลิป โรเลอร์, ธีราทร บุญมาทัน และ สิโรจน์ ฉัตรทอง
รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม
ทีมชาติไทย : กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์(C), อดิศร พรหมรักษ์, พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา, เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว, พรรษา เหมวิบูรณ์, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, สรรวัชญ์ เดชมิตร, มงคล ทศไกร, ธีราทร บุญมาทัน, อดิศักดิ์ ไกรษร
ทีมชาติเบลารุส : ดมิทรี ดูดาร์, อาร์เซียม สกิตอฟ, คิลิล เปเชนิน, นิกิต้า นูมอฟ (C), เยกอร์ คาวัลโก, อัลยัคซานดรา คัตยารัล, วลาดิสลาฟ คลิโมวิช, ดมิทริ เบสเมิร์ตนี, โวคอฟ ซากา, ดิมิทรี อันติเลฟสกี้, เยฟเกนี เชฟเชนโก
ชมสด!! ศึกไทยลีก และคลิปไฮไลท์ พร้อมติดตามข่าวสาร ได้ที่ TrueID App และ เว็บไซต์ sport.trueid.net หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID