รีเซต
EPL FOCUS : 5 ประเด็นน่าจับตาในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ สัปดาห์ที่ 2

EPL FOCUS : 5 ประเด็นน่าจับตาในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ สัปดาห์ที่ 2

EPL FOCUS : 5 ประเด็นน่าจับตาในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ สัปดาห์ที่ 2
kentnitipong
19 สิงหาคม 2560 ( 14:57 )
4K

EPL FOCUS : 31 ประตู จาก 10 แมตช์ ในสัปดาห์แรกของลีกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกอย่าง พรีเมียร์ลีก น่าจะเป็นเครื่องการันตีได้ถึงความดุเดือด และความเข้มข้น ตอกย้ำการเป็นลีกที่เน้นเกมรุกเอนเตอร์เทนแฟนบอล และเต็มไปด้วยนักเตะระดับพระกาฬจากทั่วทุกมุมโลก

 

ขอบคุณภาพ : AP

 

และในสัปดาห์นี้ เราได้วิเคราะห์กันถึง 5 ประเด็นที่น่าจับตาในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ สัปดาห์ที่ 2 ว่า แข้ง “ปีศาจแดง” จะยังสามารถรักษาฟอร์มการเล่นอันร้อนแรงได้อยู่หรือไม่ ? ลิเวอร์พูล จะหยุดสถิติแพ้ คริสตัล พาเลซ ในแอนฟิลด์มาสามนัดติดก่อนหน้านี้ รวมถึงความดุเดือดของ “ลอนดอน ดาร์บี้แมตช์” ที่กำลังจะอุบัติขึ้นในวันอาทิตย์นี้…

 

 

1. ฟอร์มอันร้อนแรงของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

 

ขอบคุณภาพ : AP

 

เงินค่าตัวร่วมๆ 105 ล้านปอนด์ ที่ทัพ “ปีศาจแดง” ยอมควักไปเพื่อแลกกับ โรเมลู ลูกากู และ เนมันย่า มาติช ดูเหมือนจะเริ่มออกดอกออกผลจนกลายเป็นการใช้จ่ายที่คุ้มค่าที่สุดของ “เดอ สเปเชี่ยล วัน” อย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ ไปแล้ว หลังจากการเปิดบ้านถล่ม “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ไปแบบไม่ยากเย็น 4-0 โดยเฉพาะหัวหอกร่างยักษ์ทีมชาติเบลเยี่ยมนั้นที่เหมาคนเดียวถึง 2 ประตูในเกมพรีเมียร์ลีกนัดแรกภายใต้สีเสื้อแมนฯ ยูไนเต็ด คือสิ่งที่แสดงให้ทุกคนได้เห็นว่า ลูกากู คือของที่ซื้อมาแล้วใช้ได้เลย โดยที่ไม่ต้องรอในเรื่องของการปรับตัวแต่อย่างใด นั่นคือข้อได้เปรียบที่ ยูไนเต็ด ตัดสินใจเติมเต็มในเกมรุกด้วยสตาร์รายนี้

 

ขอบคุณภาพ : AP

 

ส่วนนักเตะอีกคนที่โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นไม่แพ้กันนั่นก็คือ เนมันยา มาติช ที่ก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะถูกแฟนบอลหลายๆ คนปรามาสว่า 40 ล้านปอนด์คงเป็นราคาที่สูงเกินไปสำหรับอดีตตัวสำรองของ เชลซี แต่ในนัดที่ผ่าน ฮาร์ดแมนเลือดเซิร์บ ได้เข้ามาช่วยยกระดับการเล่นในแดนกลางของทีมขึ้นมา

การวิ่งตัดเกม จังหวะแย่งบอล และการอ่านเกมของ มาติช ชวนให้เรานึกถึงประโยคหนึ่งเมื่อซีซั่นที่แล้วว่า “เชลซี ใช้เงินเพียงแค่ 32 ล้านปอนด์ในการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก” นั่นหมายถึงการดึงตัว เอ็นโคโล่ ก็องเต้ มาร่วมทีมซึ่งเปรียบเสมือนการเสริมทัพที่ถูกจุดนั่นเอง และไม่แน่ว่า ปีนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด อาจจะทำเหมือน เชลซี ในซีซั่นที่แล้วก็เป็นได้ เพียงแค่เพิ่มเงินเป็น 40 ล้านปอนด์

เชื่อว่าการมาของ มาติช น่าจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ ปอล ป็อกบา อาจจะกลับมาเรียกฟอร์มเก่งดั่งเช่นสมัยอยู่กับ ยูเวนตุส ได้ ดังนั้นในเกมวันเสาร์ที่ออกไปเยือน สวอนซี ซิตี้ หากไม่มีอะไรผิดพลาด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด น่าจะผ่านเกมที่ ลิเบอร์ตี้ สเตเดี้ยม ไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

 

 

2. ลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ ชี้ชะตา “คอนเต้”

 

ขอบคุณภาพ : AP

 

ทำเอาแฟนบอลงงเป็นสิงห์ตาแตกไปตามๆ กัน สำหรับการออกสตาร์ทสุดช็อคของแชมป์เก่าอย่าง “เชลซี” ที่โดย เบิร์นลีย์ บุกมาเผาเครื่องคารัง 2-3 ส่วน “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ยังรักษาฟอร์มยังร้อนแรงต่อเนื่องจากฤดูกาลที่แล้ว แม้ว่าต้องรอถึงครึ่งเวลาหลังแต่ก็สามารถเอาชนะนิวคาสเซิ่ล ไปได้อย่างไม่ยากเย็น 2-0

 

ขอบคุณภาพ : AP

 

มองกันไปที่ตัวผู้เล่น แม้ว่า สเปอร์ จะเสริมตัวผู้เล่นใหม่น้อยมากๆ เมื่อเทียบกับทีมยักษ์ใหญ่ในกลุ่มลุ้นแชมป์ด้วยกัน แต่ขุมกำลังชุดรองแชมป์ปีที่แล้วยังอยู่ครบถ้วน จะขาดไปเพียงแค่ ไคล์ วอล์คเกอร์ คนเดียวเท่านั้น ซึ่ง “พอช” ดันดาวรุ่งชื่อเดียวกันขึ้นมาอย่าง “ไคล์ วอล์คเกอร์-ปีเตอร์ส” ที่ได้รับโอกาสจากกุนซือชาวอาร์เจนไตน์ และสอบผ่านในเกมนัดแรก ซึ่งการเก็บผู้เล่นเก่าที่เป็นแกนหลักของทีมเอาไว้ได้ น่าจะเป็นจุดที่ทำให้ลูกทีมของ โปเช็ตติโน่ นั้นได้เปรียบในแง่ของความเข้าใจในทีม รวมถึงทีมเวิร์ค และแทคติกอย่างแน่นอน

ส่วนลูกทีมของ “คอนเต้” ที่แม้จะได้ โมราต้า และ โบกาโยโก้ เข้ามาเสริมทีมคงจะไม่ช่วยอะไรมากนัก แม้รายแรกจะยิงประตูได้แล้ว แต่รายหลังยังต้องรักษาอาการบาดเจ็บอยู่เช่นเดียวกับ เอแด็น อาซาร์ แข้งตัวหลักของทีมที่พึ่งหายจากอาการบาดเจ็บ ก็ยังไม่พร้อมลงในเกมวันอาทิตย์นี้

มาลุ้นกันว่าศึกลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ สัปดาห์นี้นี้ เชลซี จะสร้างสถิติกลายเป็นทีมแรกที่แพ้ 2 นัดแรกของฤดูกาลหลังจากคว้าแชมป์ลีกมา… และนั่นอาจเป็นการตัดสินชะตาของ อันโตนิโอ คอนเต้ หลังจบเกมก็เป็นได้

 

 

3. ทีมน้องใหม่ไม่ใช่ “หมูในอวย” อีกต่อไป

 

ขอบคุณภาพ : AP

 

จากฟอร์มในนัดแรกที่ผ่าน เชื่อว่าปีนี้สถานการณ์ในโซนหนีตกชั้นนั้นน่าจะสู้กันอย่างสนุก เพราะ 3 ทีมน้องใหม่ในซีซั่นนี้นั้นไม่ใช่หมูในอวยให้เชือดเหมือนแต่ก่อนเสียแล้ว

น้องใหม่หน้าเก่าขวัญใจแฟนบอลบ้านเราอย่าง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ที่แม้ว่าจะพลาดท่าแพ้ สเปอร์ส ไป 0-2 แต่รูปเกมโดยร่วมของของ “สาลิกาดง” ไม่ได้ย่ำแย่ขนาดนั้น การโดนใบแดงของ จอนโจ้ เชลวีย์ ต่างหากเป็นสาเหตุสำคัญสู่การแพ้นัดที่ผ่านมา

 

ขอบคุณภาพ : AP

 

ส่วน ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ ที่เสริมตัวผู้เล่นมากถึง 14 คน กลับสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการบุกไปอัดคริสตัล พาเลช ถึงถิ่น 3-0 ทำให้นัดที่ 2 ที่เป็นการเจอกันเองของสองทีมน้องใหม่นั้นดูจะร้อนแรงไม่น้อย ด้านลูกทีมของราฟาเอล เบนิเตซ ต้องการชัยชนะนัดแรกในพรีเมียร์ลีก ส่วน เดวิด ว้ากเนอร์ กุนซือเพื่อนซี้ของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ก็หวังจะรักษาฟอร์มการเล่นที่ดีของทีมต่อไป

อีกหนึ่งทีมน้องใหม่ อย่าง ไบรท์ตัน ที่แม้ว่าจะแพ้มาในนัดแรก แต่การเสียแค่ 2 ประตูให้กับแนวรุกระดับพระกาฬของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นับว่าเป็นผลงานที่ไม่ได้แย่จนเกินไป ด้วยสไตล์การเล่นของคริส ฮิวจ์ตัน ที่เน้นเกมรับอันเหนียวแน่น จนทำให้พวกเขาเสียประตูน้อยที่สุดในลีกแชมเปี้ยนชิพ ฤดูกาลที่แล้ว

การตั้งรับป้องกันทีมที่มีเกมบุกดีที่สุดทีมหนึ่งของพรีเมียร์ลีกอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ถึง 70 นาที คงจะเป็นเครื่องหมายการันตีได้ว่า แมตช์ต่อไปคงไม่ใช้งานง่ายสำหรับ เลสเตอร์ ซิตี้ ที่จะเอาชนะน้องใหม่อย่าง ไบรท์ตัน ไปได้

 

 

4. ลิเวอร์พูล ยังเจองานหิน

 

ขอบคุณภาพ : AP

 

แม้ว่าพวกเขาจะบุกไปเอาชนะ ฮอฟเฟ่นไฮม์ มาได้ในเกมยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบเพลย์ออฟ นัดแรก แต่สัปดาห์นี้ ลิเวอร์พูล ต้องโคจรมาเจอกับตัวแสบอย่าง คริสตัล พาเลช ที่ทำให้ เยอร์เก้น คล็อปป์ ปวดหัวไม่น้อย นอกจากจะได้พักน้อยกว่าทีมคู่แข่งแล้ว สถิติที่เจอกันนั้น ลิเวอร์พูล เองก็ไม่ได้ดีไปกว่าเลย โดย 5 นัดหลังสุด ลิเวอร์พูล แพ้ไปถึง 3 นัด ซึ่งทั้ง 3 นัดที่ปราชัยนั้นเป็นการแพ้ในถิ่นแอนฟิลด์ทั้งหมด และดูเหมือนว่า แอนฟิลด์ จะกลายเป็นสนามโปรดของ คริสติย็อง เบนเตเก้ ที่ซัดใส่ทีมเก่าตัวเองไปกว่า 5 ประตูที่สนามแห่งนี้

ขณะที่ คริสตัล พาเลซ เองดูเหมือนจะยังต้องเร่งปรับทัพกันอยู่พอสมควร หลังพลาดท่าโดนน้องใหม่อย่าง ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ ถล่มไปยังถึง 0-3 ทำให้การรับไม้ต่อจาก “บิ๊กแซม” ของแฟรงค์ เดอ บัวร์ ดูจะเป็นงานหนักไม่น้อย

 

 

5. แข้งบิ๊กเนมตบเท้าเบิกสกอร์ 

 

ขอบคุณภาพ : AP

 

บรรดาตัวรุกราคาแพงระยับของทีมยักษ์ใหญ่ต่างพากันตบเท้าเบิกสกอร์ และโชว์ผลงานดีเยี่ยมให้กับต้นสังกัดตัวเองในนัดแรกของฤดูกาล โดย ลูกากู กับ ซาลาห์ มีส่วนร่วมกับทีมเยอะมาก ทำให้ในนัดที่ 2 น่าจะเป็นตัวความหวังของทีมต่อไป

 

ขอบคุณภาพ : AP

 

ส่วน โมราต้า แม้ว่าจะลงมาเป็นตัวสำรอง แต่อดีตหอกของ “โลส บลังโกส” ก็ช่วยยิง 1 จ่ายอีก 1 ทำให้ คอนเต้ น่าจะส่งลงเป็นกองหน้าตัวเป้าแทน มิตชี บัตชัวยี ส่วน อเลซ็องดร์ ลากาแซตต์ ที่ยิงได้ตั้งแต่นาทีที่ 2 แต่ยังไม่สามารถโชว์ฟอร์มยกระดับทีมขึ้นมาได้ กลายเป็นชิรูด์ที่ลงมาเป็นซุปเปอร์ซับ ยิงประตูชัย ยอย่างไรก็ตามเวนเกอร์ น่าจะยังเลือกใช้ลากาแซตต์เป็นกองหน้าหมายเลขหนึ่งของทีม

 

ขอบคุณภาพ : AP

 

ต้องรอดูกันในสัปดาห์ที่ 2 ว่าบรรดาตัวรุกความหวังที่ทีมต้องจ่ายมาด้วยเงินมหาศาลจะยังโชว์ฟอร์มที่ดีต่อเนื่องหรือไม่ หรือจะมีใครคนใดคนหนึ่งปืนฝืดให้แฟนบอลทีมคู่แข่งล้อก่อนกัน…

 

กลับมาพบกับ EPL FOCUS ได้ในทุกๆ สัปดาห์ได้ตลอดทั้งฤดูกาล… ดูฟุตบอลให้สนุกนะครับ 🙂 

 

คอบอลห้ามพลาด สามารถรับชม ฟุตบอล 7 ลีก 5 ถ้วย ได้แล้ววันนี้ ทุกที่ ทุกเวลาผ่าน แอปพลิเคชั่น TrueID

สุดคุ้มกับ ทรูมูฟ เอช 4G+ Fun Unlimited แพ็คเกจรายเดือน ดูฟรีทั้งปี ทั้งเชียร์กีฬาสด ชมไฮไลต์จัดเต็มได้ดูบอลระดับโลกแบบสดๆ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2017-2018 พิเศษ! สมัครแพ็กเกจวันนี้ ลูกค้าทรูมูฟ เอช ก็ได้ดูฟรีนาน 12 เดือน พร้อมเน็ตจุใจ คมชัดระดับ HD ด้วยเน็ต 4G+ เต็มสปีด

ยอดนิยมในตอนนี้