ลิเวอร์พูล ที่กำลังถูกจับตาถึงเรื่องของฟอร์มการเล่นแทบจะทุกตำแหน่งตั้งแต่แผงหลังถึงแผงหน้า ที่หลุดฟอร์มไปไกลจนได้รีบเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่เว้น แม้ว่าเกมล่าสุดจะเก็บชัยได้ก็จริง แต่กระนั้นก็ไม่วายที่จะถูกต้องจับผิดต่าง ๆ นา ๆ สารพัด อีกทั้งยังมีคลื่นใต้น้ำเรื่องของการไล้ผู้จัดการทีมออกจากตำแหน่ง แต่กระนั้นก็ยังมีประเด็นหนึ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวนอกเหนือจากเรื่อง ฟอร์มนักเตะและประเด็นของไล้ผู้จัดการทีม นั่นก็คือ เพรสชั่น ที่กำลังจะหมดไปหรือเปล่า ทำไมถึงทำให้คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา งั้นมาไล่เลียงกันไปเป็นข้อ ๆ ก็แล้วกันก็ได้มาทุกแชมป์แล้วเจอร์ เกนคลิอปป์ เป็นผู้จัดการทีมของลิเวอร์พูลคนเดียวในยุคของพรีเมียร์ลีกที่พาลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ทุกรายการบนเกาะอังกฤษ นี่ยังไม่นับรวมเรื่องของแชมป์บอลยุโรป ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2015 ที่ชายคนนี้ก้าวเข้ามาเป็นผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล ต่างก็ต้องเจอปัญหามากมายที่ประดังถาโถมเข้ามา เหมือนจิ๊กซอร์ที่ต่อไม่ติดไม่ว่าจะทำอะไรก็ติดซึ่งในฤดูกาลนั้นลิเวอร์พูลจบที่อันดับ 8 ของตาราง จนหลายคนบอกว่าชายที่เป็นความหวังอาจจะพาลิเวอร์พูลพังไม่เป็นท่าก็ได้แต่เมื่อเวลาผ่านไปผลงานก็เป็นที่ประจักษ์และลบคำวิจารณ์เหล่านั้นออกไปจนหมดสิ้นด้วยผลงานที่ที่ยอดเยี่ยม เพราะในสองฤดูกาลต่อจากนั้นหงส์แดงจบในอันดับที่ 4 ของตาราง ในฤดูกาล 2018 -2019 จบรองแชมป์ แต่กระนั้นก็พาทีมคว้าแชมป์ UCL และในฤดูกาล 2019-2020 ก็พาลิเวอร์พูลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในรอบ 30 ปีได้สำเร็จ นอกจากสองสองแชมป์ที่ยิ่งใหญ่ ก็ยังคว้าแชมป์ในทุกรายการบนเกาอังกฤษ ด้วยนักเตะที่สร้างทีมร่วมกันมาพากันประสบความสำเร็จ ทำให้ความท้าทายก็เริ่มที่จะหาย อีกสิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือความกระหายจากนักเตะก็เริ่มจะเลือนหายไปด้วยเช่นกัน นี่จึงอาจจะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่เหล่าขุนพลหงส์แดงฟอร์มการเล่นหดหายไปด้วยก็เป็นได้ค่าเหนื่อยที่แตกต่าง-การซื้อที่ทำลายความเชื่อมั่น ประเด็นเรื่องของค่าเหนื่อยเชื่อว่าแฟนลิเวอร์พูลหลายคนไม่ว่าจะทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศก็น่าจะมีคำถามพอสมควรกับค่าเหนื่อยที่มอบให้กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ได้ค่าเหนื่อยใหม่ที่ 350,000 (ประมาณ 15 ล้านบาท) ต่อสัปดาห์ จากเดิมที่เคยได้ 200,000 ปอนด์ (ประมาณ 8 ล้านบาท) ต่อสัปดาห์ พร้อมด้วยสัญญาใหม่อีก 3 ปี แต่ผลงานในฤดูกาลนี้ของเจ้าตัวผ่านไป 6 นัดยิงได้แค่ 2 ประตู นั่นส่งผลโดยตรงกับผลงานของทีมที่ออกมา จึงกลายเป็นคำถามว่าด้วยความเหลื่อมล้ำนี้หรือเปล่า ที่อาจจะกลายเป็นรอยร้าวในสนามได้ แม้ว่าหลายคนจะเห็นต่างในเรื่องนี้ แต่หากมองในแง่ความเป็นจริงศูนย์หน้ารายนี้ ก็ไม่ได้ผลงานโดเด่นอะไรขนาดนั้นแถมยังได้ค่าเหนื่อยที่สูงสุดของสโมสร แต่ต่างกับนักเตะหลายรายที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเมื่อฤดูกาลที่แล้ว กลับไม่ได้สิ่งตอบแทนในเรื่องนี้ทำให้อาจจะเกิดข้อกังขาในใจนำไปสู่ผลงานมรสนามที่เห็นได้ชัดเจนอย่างมากกับ 6 นัดที่ผ่านมา เรื่องต่อมาก็คงหนีไม่พ้นประเด็นที่ถูกโจมตีและถูกแซะของศูนย์หน้าค่าตัวร้อยล้าน ดาร์วิน นูเญซ โดยตอนนี้กูรูหลายรายบอกว่านี่คือนักเตะที่หงส์แดงผิดพลาดมหันต์สำหรับการได้มา เพราะผ่านไป 6 เกมในพรีเมียร์ลีก ยิงได้ 1 ประตู และ 1 ใบแดง อีกทั้งหลายคนยังมอว่าค่าตัวขนาดนี้ทำไมถึงไม่มองไปที่ตำแหน่งที่เป็นปัญหาเรื้อรังอย่างกองกลางที่อายุก็เริ่มโรยรา แต่กลับไปทุ่มกับกองหน้าที่แพงเกินจริง แต่หากมองในมุมของสโมรสร การจากไปของ ซาดิโอ มาเน่ ทำให้ต้องหาตัวแทนในตำแหน่งนี้ให้ได้ เพราะหากจะหวังพึ่งที่มือในมือ ก็ทั้งบาดเจ็บ และอายุก็เริมโรยรา ฟอร์มไม่คงที่ ทำให้นาทีนั้นอาจจะต้องหาตัวเลือกที่คิดว่าดีที่สุดมาร่วมทีมเอาไว้ก่อน แต่ก็อย่างที่รู้กันเมื่อมาด้วยค่าตัวมหาศาลสิ่งที่ต้องเจอคือแรงกดดันที่มากกว่าหลายเท่า อาจจะส่งผลผลให้การเล่นดูไม่เป็นตัวเองเท่าไหร่อาการบาดเจ็บเรื้อรังและยากจะหามาทดแทนได้ หากจะบอกว่าปัญหาเรื่องนักเตะบาดเจ็บนั้นเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้กับทุกทีม แต่สำหรับหงส์แดงสิ่งนี่เมื่อเกิดขึ้นปัญหาที่ตามมาก็คือ ตำแหน่งที่เจ็บนั้นหาคนแทนไม่ได้ หากใครยังปฏิเสธว่าไม่ใช่งั้นจะลองยกเคสของ ดิเอโก้ อาคันทาร่า มาวิเคราะห์ก็แล้วกัน อย่างที่ทราบกันดีว่านี่คือนักเตะตัวคุมจังหวะบอล ออกบอแดนกลางที่แม่นยำที่สุดของหงส์แดงชุดนี้ ซึ่งการขนาดนักเตะที่วางบอลแม่น ๆ แถมมีลูกยิงไกลให้ได้หวาดเสียวตลอก ทำให้เกมรุกจึงไปเน้นการเปิดบอลจากด้านข้างมากขึ้น จริงอยู่ที่แดนกลางมีทั้ง นาบี เกรอิต้า , จอร์แดน แฮนเดอร์สัน และ ฟาบิณโญ่ รวมถึงดาวรุ่งอย่าง ไทเลอร์ มอร์ตัน และ ฮาร์วี่ เอเลียต แต่นั่นก็ไม่ได้ทดทนเรื่องของฝีเท้าหรือและการออกบอลได้แม่นยำ ทำให้จังหวะเกมรุกจึงต้องจำกัดแค่เพียงริมเส้นเท่านั้น นี่ยังไม่รวมคู่เซ็นเตอร์ที่สามวันดีสี่วันไข้เข้าไปด้วย เพราะทั้ง โจ โกเมซ และ อิบรา โคนาเต้ แทบจะแทนที่ความนิ่งของ โอเอล มาติป ไม่ได้ ทำให้ความลงตัวในตำแหน่งนี้ก็ดูจะหายไปด้วยเช่นกัน เมื่อนักเตะตัวหลักบาดเจ็บพร้อมกันในหลาย ๆ ตำแหน่งทำให้สมดุลของทีมที่เคยมีนั่นก็หายไป จะบุกเต็มตัวก็กลัวโดนสวนกลับ พอจะมารับแล้วใช้จังหวะสวนกลับวางบอลยาว ๆ ก็ทำได้ไม่ดี ทำให้หลาย ๆ เกมจะออกลูก กล้า ๆ กลัว ๆ เกิดความผิดพลาดอยู่บ่อยครั้ง จนนำมาสู่การเสียประตู ซึ่งปัญหานี้ก็คงต้องใช้เวลาเท่านั้นที่จะพาผลงานของทีมกลับมาได้ แต่ถึงอย่างนั้นนี่ก็แค่เริ่มต้นของฤดูกาลยังมีเวลาให้ได้ปรับในสิ่งที่เป็นจุดผิดพลาด เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลิเวอร์พูลประสบปัญหาฟอร์มแย่แบบนี้ อีกทั้งหลายคนก็ยังเชื่อมั่นว่าศูนย์หน้าค่าตัวแพงจะหาฟอร์มเก่งกลับมาได้ อีกทั้งยังมีแรงหนุนจากแฟนบอลที่ยังเชื่อมือของ เจอร์เกน คล๊อปป์ ที่จะพาลิเวอร์พูลกลับมาสู่เส้นทางที่ควรจะเป็นไปข่าวที่เกี่ยวข้องจัดอันดับ 5 นักเตะ ลิเวอร์พูล ฟอร์มห่วยเกม แดงเดือด นัดแรกในพรีเมียร์ลีก 2022/23วิเคราะห์ปัญหา ลิเวอร์พูล เหตุใดถึงผลงานแย่ พร้อมหนทางแก้ไขกลับคืนสู่ความสำเร็จลิเวอร์พูล ความแข็งแกร่งที่เริ่มจะเลือนหาย การทดแทนที่มิอาจเทียบ?รู้จัก "อาเธอร์ เมโล (Arthur Melo)" ว่าที่มิดฟิลด์ คนใหม่ของ ลิเวอร์พูลเครดิตภาพปก twitter.com/LFC :: ภาพที่ 1 , ภาพที่ 2 , ภาพที่ 3เครดิตภาพประกอบ twitter.com/LFC :: ภาพที่ 1 , ภาพที่ 2 , ภาพที่ 3 , ภาพที่ 4 , ภาพที่ 5