สวัสดีครับ ทุก ๆ คน ย่อมมีครั้งแรกเสมอ ไม่ว่าจะทำอะไร และครั้งแรกครั้งนี้ของผมเป็นอะไรที่ท้าทายกับผมมาก แม้ว่ามันจะเป็นอะไรที่ง่าย ๆ สำหรับใครหลาย ๆ คนก็ตาม นั้นก็คือ การวิ่งฮาล์ฟมาราธอน ครั้งแรกในชีวิต ( My First Half Marathon ) ภาพจากผู้เขียน ต้องบอกก่อนว่าผมเป็นคนอ้วนที่เริ่มที่อยากจะมีหุ่นและสุขภาพที่ดีบ้าง เลยเริ่มที่จะออกกำลังกายโดยการเริ่มวิ่ง วันแรกก็ได้แค่ 3 กิโลเมตร ถือว่าเยอะมาก ๆ แต่วันต่อ ๆ มาก็เพิ่มเป็น 5 กิโลเมตรบ้าง เพิ่มขึ้นมาเป็น 10 กิโลเมตร และเพิ่มขึ้นมาเลื่อย ๆ จนทำได้ถึง 13 กิโลเมตรในเวลา 1 ชั่วโมงกว่า ๆ จนมาเริ่มที่จะรู้จักกับวงการวิ่ง ซึ่งเป็นงานวิ่งที่ต้องสมัคร และจะมีเสื้อและมีเหรียญให้สำหรับคนที่เข้าเส้นชัย ผมเริ่มจากการสมัครใน 5 กิโลเมตร และ 10 กิโลเมตร วิ่งมาเลื่อย ๆ จนมาเข้าเดือนที่ 3 ในการเริ่มวิ่ง และงานวิ่งที่จะจัดขึ้นใคครั้งต่อไปก็จะมีวิ่งการหลายรายการ ทั้ง 5 ,10 , 21 และ 42 กิโลเมตร ( ซึ่ง 42 กิโลเมรตอย่างเพิ่งมาพูดกับผมเพราะผมแค่มือสมัครเล่น ) ผมเลยตัดสินใจสมัคร ฮาล์ฟมาราธอน คือ 21 กิโลเมตรแรกในชีวิต ภาพจากผู้เขียน สำหรับการวิ่งฮาล์ฟมาราธอนแรก เป็นอะไรที่ตื่นเต้นมาก ทั้งกลัว ทั้งกล้า หลายๆความรู้สึก จะไหวมั้ย จะเป็นลมรึป่าว จะปวดฉี่มั้ยเวลาวิ่ง หรือจะวิ่งถึงเส้นชัยรึป่าว มีความกังวลหลาย ๆ อย่างไปหมดในหัวสมองตอนนั้น แต่กว่าจะถึงวันวิ่งก็พยายามซ้อม ซ้อม แล้วก็ซ้อมวิ่งจนได้เยอะสุดที่ 18 กิโลเมตร ภาพจากผู้เขียน จมมาถึงวันที่น่าตื่นเต้นที่สุด วันที่ต้องวิ่งฮาล์ฟมาราธอนครั้งแรกในชีวิต เริ่มตื่นนอนตั้งแต่ตี 3 ไปถึงหน้างานวิ่งตอนตี 4 เพราะจะปล่อยตัวนักวิ่งตอนตี 5 เมื่อไปถึงก็เริ่มวอมร่างกายโดยการวิ่งช้า ๆ ให้ร่างกายได้พร้อมสำหรับการวิ่งระยะยาว เมื่อใกล้ถึงเวลาปล่อยตัว ทุกคนจะไปรวมตัวกันที่จุดปล่อยตัว เวลาแห่งความตื่นเต้นเริ่มขึ้นแล้วเมื่อเสียงสัญญาณปล่อยตัวเริ่มขึ้น และผู้คนรอบ ๆ ข้างเกือบหนึ่งพันคนทยอยเริ่มกิ่งกันออกไปโดยมาเราเป็น 1 คนในนั้น ภาพจากผู้เขียน เริ่มวิ่งด้วยหัวใจที่เต้นแรงมาก ความคิดที่คิดเอาไว้เริ่มเข้ามาทั้งหมด ทั้งไหวมั้ย จะถึงเส้นชัยมั้ย จนตั้งสติแล้ววิ่ง ๆ วิ่งไปเลื่อย ๆ จนถึง 5 กิโลเมตร 10 กิโลเมตร 13 กิโลเมตร ตอนนั้นเริ่มเหนื่อย จนต้องแอบเดินบ้าง หันไปมองข้างหลังบ้างเพื่อดูว่าเราอยู่หลังสุดรึป่าว แล้วพยายามวิ่ง ๆ ไปจนถึง กิโลเมตรที่ 18 ร่างกายเริ่มไม่ไหว ตะคิวจับ จึงมีอาการปวดที่บริเวณขา แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีสิ่งดี ๆ เมื่อมีเพื่อน ๆ ร่วมเส้นทางวิ่งยื่นสเปรย์แก้ปวดแบบฉับพลันมาให้ ทำให้โลกสว่างขึ้นมาทันที ( ต้องของคุณพี่ร่วมเส้นทางคนนั้นด้วย ) และเราก็เริ่มวิ่งสลับกับเดินมาจนถึง 1 กิโลเมตรสุดท้าย เป็น1 กิโลเมตรที่มีทั้งความดีใจปะปนไปกับความเหลื่อยล้า เมื่อเริ่มวิ่งเข้าสู่ลู่วิ่งของเส้นชัย น้ำตาก็เริ่มซึมออกมาเป็นน้ำตาแห่งความดีใจ ความภูมิใจ ( เฮ้ย ๆ ทำได้แล้ว ) มีความรู้สึกดีใจกับตัวเองมาก ๆ ที่ตัวเองทำลายความกลัวของตัวเองได้ ต้องขอบคุณการวิ่งฮาร์ฟมาราธอนครั้งแรกของตัวเอง ที่ได้ทั้งมิตรภาพระหว่างเส้นทาง ได้ทั้งการชนะใจตัวเอง และที่สำคัญได้ร่างกายที่แข็งแรงอีกด้วย