รีเซต
พวกเขาอยู่ที่ไหนกัน? แข้ง "ลีดส์ ยูไนเต็ด" ชุดมหัศจรรย์ฤดูกาล 2000-01

พวกเขาอยู่ที่ไหนกัน? แข้ง "ลีดส์ ยูไนเต็ด" ชุดมหัศจรรย์ฤดูกาล 2000-01

พวกเขาอยู่ที่ไหนกัน? แข้ง "ลีดส์ ยูไนเต็ด" ชุดมหัศจรรย์ฤดูกาล 2000-01
เมนสแตนด์
19 กรกฎาคม 2563 ( 14:00 )
4.2K
4

“สอนเด็กเล่นเซิร์ฟบอร์ด, เปิดร้านกาแฟในโครเอเชีย, เป็นไลฟ์โค้ชแบบผู้กองแจ๊ส, เอาดีทางกีฬาคริกเกต, เคยฟ้องร้องคดีชนะ โดนัลด์ ทรัมป์, พรีเซนเตอร์คลีนิกปลูกผม, กิลเบิร์ต คูมสัน เคยเป็นลูกทีมของเขา ...”


 นี่คือส่วนหนึ่งของชีวิตหลังเลิกเล่นของนักเตะ ลีดส์ ยูไนเต็ด ชุดประวัติศาสตร์ 

สำหรับแฟนฟุตบอลรุ่นอายุ 30+ ไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิง แน่นอนว่าคงไม่มีใครลืม ยุครุ่งเรืองของ ลีดส์ ยูไนเต็ด ช่วงต้น 2000s ที่เต็มไปด้วย แข้งดาวรุ่งวัยหนุ่มฮอร์โมนพุ่งพล่านล้นทีม… นักเตะหน้าตาดีหลายคนทำเอาสาว ๆ หันมาหลงรักทีมฟุตบอลทีมนี้กันมากมายในยุคนั้น แม้บางคนอาจไม่ได้เชียร์ฟุตบอลจริงจังเลยก็ตาม 

โดยเฉพาะในฤดูกาล 2000-01 เหล่าลูกกรอกคะนองของ ลีดส์ ยูไนเต็ด สร้างผลงานสั่นสะเทือนยุโรป ด้วยการทะลุเข้าไปถึงรอบ 4 ทีมสุดท้ายของศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ประชันแข้งกับทีมยักษ์ใหญ่อย่าง เรอัล มาดริด, บาร์เซโลน่า, เอซี มิลาน ได้อย่างไม่หวั่นเกรง

ขณะที่ผลงานในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลก่อนหน้า ก็สามารถจบฤดูกาลด้วยอันดับ 3 ของตาราง ได้อย่างเหลือเชื่อ ภายใต้การคุมทีมของ เดวิด โอเลียรี 

ในโอกาสที่ ลีดส์ ยูไนเต็ด หวนคืนกลับสู่พรีเมียร์ลีก ในรอบ 16 ปี Main Stand จะขอพาทุกท่าน ย้อนเวลากลับไปดูว่า เหล่าแข้งยูงทองในปี 2000-01 ที่เป็นขวัญใจของหลาย ๆ คนในยุคนั้น ปัจจุบันทำอะไรกันอยู่? 

ไนเจล มาร์ติน

ผู้รักษาประตูขวัญใจสาวกยูงทอง ย้ายมาร่วมทีมในปี 1996 และลงเฝ้าเสาให้ ลีดส์ ยูไนเต็ด นานถึง 7 ฤดูกาล ก่อนย้ายไปเล่นให้ เอฟเวอร์ตัน และปิดฉากการค้าแข้งเนื่องจากอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้า ในปี 2006 

หลังจากแขวนถุงมือ ไนเจล มาร์ติน ไปรับจ๊อบเป็นโค้ชผู้รักษาประตูให้กับ แบรดฟอร์ด ซิตี้ อยู่ระยะหนึ่ง จากนั้นก็เบนเข็มไปเลือกเส้นทางสุดแหวก นั่นคือ นักกีฬาคริกเกต ที่เป็นกีฬาโปรดของตนเอง 


Photo : cricketyorkshire.com

โดยลงเล่นให้ทีม Leeds Modernians ซึ่งเป็นสโมสรคริกเกตท้องถิ่น และปัจจุบันในวัย 53 ปี ก็ยังคงเล่น คริกเกต อยู่ในลีกอาวุโสกับทีม Knaresborough ที่ตั้งอยู่ในเขต ยอร์กเชียร์ 

แดนนี่ มิลส์

แบ็กขวาพันธุ์ดุ เจ้าของสถิติลงเล่นเกิน 100 นัดให้กับ ลีดส์ ยูไนเต็ด ย้ายจาก ชาร์ลตัน แอธเลติก มาในปี 1999 จุดเด่นของเขาคือ ความบู๊ มุทะลุ ดุดัน เกินร้อย โดยฤดูกาล 2000-01 แดนนี่ มิลส์ ลงสนามให้ ลีดส์ มากถึง 40 เกม รวมทุกรายการ

แดนนี่ มิลส์ ถูกปล่อยยืมตัวในปี 2003 กับ มิดเดิลสโบรช์ ก่อนย้ายไปร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และพเนจรไปอีก 3 สโมสร สุดท้ายเลือกยุติอาชีพในปี 2008 กับ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ 


Photo : www.bespokeeyewear.co.uk

ปัจจุบันในวัย 43 ปี มิลส์ รับงานเป็น คอมเมนเตเตอร์ฟุตบอลทาง Sky Sports News, talkSPORT และ BBC รวมถึงประกอบธุรกิจส่วนตัวเกี่ยวกับ อสังหาริมทรัพย์ และเมื่อไหร่ที่ว่างจากงาน เขาก็มักหาเวลาไปลงแข่งวิ่งมาราธอน 

โดมินิค มัตเตโอ

เซ็นเตอร์แบ็กเด็กสร้างของ ลิเวอร์พูล ย้ายมาเป็นผู้เล่นกำลังหลักของทีมชุดนี้ มีสถิติลงสนามในฤดูกาล 2001-02 มากถึง 48 นัด (พรีเมียร์ลีก เล่น 30 เกม ฟุตบอลถ้วยในประเทศ 3 นัด และแชมเปียนส์ลีกอีก 15 นัด) 

แม้จะเป็นผู้เล่นกองหลัง แต่ มัตเตโอ ก็มีไฮไลท์สำคัญในซีซั่นนั้น นั่นคือการโหม่งพังประตูใส่ เอซี มิลาน ถึงถิ่นซาน ซิโร ในเกมนัดสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่ม ช่วยให้ ลีดส์ บุกไปแบ่งแต้ม เอซี มิลาน ยอดทีมสุดแกร่งในยุคนั้น ด้วยสกอร์ 1-1

ประตูสำคัญของ มัตเตโต เพียงพอต่อการพา ลีดส์ ผ่านเข้าสู่รอบต่อไป เขี่ย บาร์เซโลน่า จบอันดับ 3 ร่วงไปเล่นถ้วย ยูฟ่า คัพ 


Photo : Sky Sports News

มัตเตโอ เปิดเผยชีวิตของเขาลงในหนังสืออัตชีวประวัติ โดยเล่าว่า หลังแขวนสตั๊ด ตนมีปัญหาด้านการเงิน เพราะติดหนี้พนัน รวมถึงติดสุราอย่างหนัก จนแทบเสียคน แต่ก็กลับตัวกลับใจ และได้รับโอกาสจาก ลีดส์ ยูไนเต็ด ช่วงหนึ่งให้เขาทำงานเป็น ทูตสโมสร 

กระทั่งมีการเทคโอเวอร์สโมสร โดย มัสซิโม่ เชลลิโน่ ในปี 2014 เขาจึงต้องยุติบทบาทนี้ไป จากนั้น มัตเตโอ ยังคงเผชิญกับชีวิตที่ยากลำบาก เมื่อปลายปีที่ผ่านมา มัตเตโอ ในวัย 45 ปี เข้ารับการผ่าตัดเนื้องอกในสมอง ปัจจุบันหายดีแล้ว และกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง กับงานคอมเมนเตเตอร์ที่ Sky Sports

ริโอ เฟอร์ดินานด์

ปราการหลังวัยเพียง 22 ปี เพิ่งย้ายมาร่วมทีม ลีดส์ จาก เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในปีดังกล่าว ด้วยค่าตัวสูงถึง 18 ล้านปอนด์ (ณ เวลานั้น) และแสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมเกินอายุ เมื่อสามารถเล่นได้อย่างโดดเด่นในแผงเกมรับ 

เฟอร์ดินานด์ ลงสนามช่วย ลีดส์ ไปถึง 32 เกม รวมทุกรายการ และเป็น 1 ใน 3 นักเตะที่ทำประตูใส่ เดปอร์ติโบ ลา คอรุนญา ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย กรุยทางพา ยูงทอง สยายปีกเข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้าย ศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก อย่างเหลือเชื่อ 

เส้นทางหลังจากนั้นของ ริโอ เฟอร์ดินานด์ คงไม่ต้องสารยายกันมาก เขาย้ายไปร่วมทีมคู่ปรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2002 ด้วยค่าตัวอันเป็นสถิติโลกในตำแหน่งกองหลัง (ณ ขณะนั้น) 30 ล้านปอนด์ และประสบความสำเร็จในอาชีพอย่างมากกับ ปีศาจแดง ก่อนแขวนสตั๊ดในปี 2015 กับ ควีนส์พาร์ก เรนเจอร์ส


Photo : www.express.co.uk

ปัจจุบัน เฟอร์ดินานด์ ทำงานเป็นนักวิจารณ์ฝีปากกล้า ให้กับ BT Sport, ทำแชนแนลยูทูบ รวมถึงเสื้อผ้าสายสตรีทของตัวเองในแบรนด์ FIVE และหากจำกันได้ เจ้าตัวยังเคยมีแผนจะเทิร์นโปรเป็นนักมวยอาชีพอีกด้วย ทว่าน่าเสียดาย ที่เจ้าตัวต้องแขวนนวมในปี 2018 แบบไม่ได้ขึ้นเวทีจริงสักไฟต์ หลังถูกสภามวยอังกฤษปฏิเสธออกใบอนุญาตขึ้นชก

เอียน ฮาร์ต

แบ็กซ้ายสุดแกร่ง เป็นชื่อที่ใครหลายคน ต้องนึกถึง หากคิดถึงนักเตะชุดนี้ โดย เอียน ฮาร์ต เป็นผู้เล่นเด็กปั้นของ ลีดส์ ยูไนเต็ด ฤดูกาลนั้นเขาอยู่ในวัยหนุ่มกระทง 23 ฝน ยึดตำแหน่งตัวหลักในแผงแบ็กโฟร์ มีจุดแข็งคือ ลูกฟรีคิก และการเติมเกมทางกราบซ้าย 

นอกจากนี้ เอียน ฮาร์ต ยังเป็นนักเตะลีดส์ ที่ลงสนามมากสุด ในยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ในฤดูกาล 2000-01 ถึง 17 นัด และยิงไปมากถึง 4 ประตู เป็นรองแค่ ลี โบว์เยอร์ กับ อลัน สมิธ ที่ยิงมากกว่าเขาในบอลถ้วยใหญ่ยุโรป 


Photo : @mortenspencer1

ฮาร์ต ย้ายออกจากลีดส์ ในปี 2004 พเนจรไปอีกหลายสโมสร ก่อนรีไทร์จากอาชีพพ่อค้าแข้ง ในปี 2015 โดยหลังจากเลิกเล่น ฮาร์ต ก็ผันตัวมาทำงานเป็นเอเยนต์นักฟุตบอล 

ลูคัส ราเดเบ้

แนวรับชาวแอฟริกาใต้ ย้ายจาก ไกเซอร์ ชีฟส์ มาจอยกับ เดอะ ไวท์ส ในปี 1994 และอยู่กับทีมมายาวนาน จนได้รับแต่งตั้งให้เป็น กัปตันชุดนี้ 

อย่างไรก็ดี ในฤดูกาล 2000-01 ราเดเบ้ ที่วัยเข้าหลัก 3 เริ่มลดบทบาทลงมา เป็นผู้เล่นตัวสำรองคอยซัพพอร์ทน้องๆ มีสถิติลงสนาม 21 นัดในลีก 10 นัดใน ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 


Photo : lucasradebe.com

ราเดเบ้ แขวนสตั๊ดกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด ในปี 2005 จากนั้นก็หันมาทำงานด้านสังคม โดยเฉพาะในทวีปแอฟริกา จนได้รับการแต่งตั้งเป็น ทูตของ FIFA  รวมถึงเป็นนักเคลื่อนไหว รณรงค์ต่อต้านการเหยียดผิว และช่วยเหลือเด็กๆ ในแอฟริกา 

ลี โบวเยอร์

นี่คือฤดูกาลที่ ลี โบว์เยอร์ เด็กแสบแห่งเกาะอังกฤษวัย 23 ปี ระเบิดฟอร์มขั้นสุดยอดของตัวเอง เขาเป็นกองกลางตัวหลักของ ลีดส์ ยูไนเต็ด ในซีซั่นสุดแสนมหัศจรรย์ และเป็นนักเตะที่ลงสนามมากสุดในซีซั่นดังกล่าว รวมทุกรายการมากถึง 54 เกม 

นอกจากนี้ โบว์เยอร์ ยังเป็นผู้เล่นคนเดียวในทีม ที่ลงสนามในพรีเมียร์ลีก ครบทุกนัด 38 เกม ในปีดังกล่าว เป็นคีย์แมนคนสำคัญที่ เดวิด โอเลียรี่ ผู้จัดการทีมขาดไม่ได้ ไม่เพียงเท่านั้น โบว์เยอร์ ยังมีสถิติทำประตูที่ถล่มถลาย

ในฤดูกาล 2000-01 โบว์เยอร์ ยิงรวมกันทุกรายการมากถึง 13 ประตู เป็นรองเพียงแค่ อลัน สมิธ และ มาร์ก วิดูก้า สองผู้เล่นกองหน้า โดยในจำนวนประตูที่ โบว์เยอร์ ทำได้ มีไฮไลท์เด่นที่ แฟนยูงทอง ลืมไม่ลงแน่ๆ 

นั่นคือ ลูกยิงไกลนอกกรอบสุดแรง จน ดีด้า ผู้รักษาประตู เอซี มิลาน ซองแตก กลายเป็นประตูชัยช่วยให้ ลีดส์ ชนะ มิลาน 1-0 และฟรีคิกทางกราบซ้ายสุดสวย ที่ช่วยให้ ลีดส์ ตีเสมอ บาร์เซโลน่า 1-1 

โบว์เยอร์ ลงเล่นให้ลีดส์ รวมแล้วมากกว่า 200 นัด ก่อนย้ายไป เวสต์แฮม, นิวคาสเซิล, เบอร์มิงแฮม, อิปสวิช ทาวน์ เป็นสโมสรสุดท้าย 


Photo : talksport.com

แม้สมัยเป็นผู้เล่นจะแสบและป่วนมากแค่ไหน แต่ชีวิตหลังแขวนสตั๊ด ลี โบว์เยอร์ กลับอยู่กับร่องกับรอยเป็น เฮดโค้ชให้กับ ชาร์ลตัน แอธเลติก มาตั้งแต่ปี 2018 โดยฝากผลงานชิ้นโบว์แดง คือ พาทัพดาบอัศวินเลื่อนชั้นจาก ลีก วัน ขึ้นสู่ เดอะ แชมเปียนชิพ 

โอลิวิเยร์ ดากูร์

กองกลางตัวรับชาวฝรั่งเศส เป็นอีกหนึ่งผู้เล่นเพิ่งย้ายมาร่วมทีมในปีดังกล่าว และเป็นอีกจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญ ในแผงแดนกลางของ ลีดส์ ยูไนเต็ด 

สถิติลงสนาม 48 นัดรวมทุกรายการ กดใบ 17 ใบเหลือง ในซีซั่น 2000-01 คือ เครื่องการันตีความกัดไม่ปล่อยของเขา โดย ดากูร์ ย้ายออกจากทีมในปี 2003 ไปอยู่กับ โรม่า, อินเตอร์ มิลาน, ฟูแล่ม ก่อนแขวนสตั๊ดกับ สตองดาร์ ลีแอช ในปี 2010 


Photo : www.girondins4ever.com

ชีวิตหลังเลิกเล่นฟุตบอล ดากูร์ เริ่มหันมาเป็นสายนักลงทุน สวมสูทผูกไทด์ ครั้งหนึ่ง เมื่อปี 2010 เขาเคยฟ้องร้องคดีชนะเกี่ยวกับการลงทุนธุรกิจโรงแรม เหนือ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนปัจจุบัน

ตอนนี้ ดากูร์ รับงานเป็น ที่ปรึกษาให้กับ สถานีโทรทัศน์ Canal+ ในบ้านเกิดประเทศฝรั่งเศส รวมถึงยังสำเร็จการศึกษา อนุปริญญา ด้านการบริหารจัดการกีฬาอีกด้วย เรียกว่ามาเดินสายสมองที่แท้ทรูหลังแขวนสตั๊ด 

แฮร์รี คีเวลล์

ปีกซ้ายมาดเท่สัญชาติออสซี่ คือผู้เล่นคนหนึ่งที่สร้างสรรค์เกมรุก ให้กับ ลีดส์ ยูไนเต็ด ได้อย่างยอดเยี่ยม แถมยังเป็นเด็กสร้างของสโมสร ที่สโมสรปลุกปั้น และส่งลงเล่นอาชีพครั้งแรกกับทีม ในปี 1995 

เขาเป็นผู้เล่นที่ได้รับการจับตามองอย่างมาก ในฐานะดาวรุ่งพุ่งแรง จากผลงานในฤดูกาล 1999-2000 จนได้รับความไว้วางใจสวมเสื้อหมายเลข 10 

น่าเสียดายที่อาการบาดเจ็บ ทำให้ คีเวลล์ ได้ลงช่วยทีมในซีซั่นต่อมาน้อยลง เหลือเพียง 26 นัดรวมทุกรายการ แต่ก็ยังสร้างความแตกต่าง และอิมแพกต์ได้เสมอ ยามลงสนาม

อาการบาดเจ็บทำให้ คีเวลล์ ไปไม่สุดในเส้นทางอาชีพ อย่างที่ใครหลายคนคาดหวัง แม้จะมีโอกาสย้ายไปเล่นให้สโมสรใหญ่อย่าง ลิเวอร์พูล และอยู่ในทีมชุดแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ปี 2005 ก็ตาม ก่อนจะแขวนสตั๊ดกับ เมลเบิร์น ฮาร์ท (เมลเบิร์น ซิตี้ ปัจจุบัน) ในปี 2014 


Photo : www.theroar.com.au

จากนั้นก็เริ่มมารับงานโค้ช โดยเริ่มจากทีมเยาวชนของ วัตฟอร์ด ก่อนมาไปคุมทีมรองอย่าง ครอว์ลีย์ ทาวน์, และ น็อตต์ เคาน์ตี้ แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่ รวมถึงมีช่วงหนึ่งที่ทำงานเป็น คอมเมนเตเตอร์ให้ BT Sport ปัจจุบัน คีเวลล์ เป็น บอร์ดของสมาคมนักเตะอาชีพออสเตรเลีย และยังคงเปิดรับข้อเสนอทำงานด้านโค้ชอยู่  

โจนาธาน วูดเกต

อีกหนึ่งผู้เล่นความสามารถสูง แต่ถูกอาการบาดเจ็บ รังควาน จนไปได้ไม่สุดอย่างที่หลายคนคาดหวัง 

วูดเกต ย้ายจาก มิดเดิลสโบรช์ มาอยู่ในทีมเยาวชนของ ลีดส์ ตอนอายุ 16 ปี ก่อนได้รับการผลักดันขึ้นชุดใหญ่ ในฤดูกาล 1988 วูดเกต เป็นปราการหลังที่พรสวรรค์สูง ติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ตั้งแต่อายุ 19 ปี

ในฤดูกาล 2000-01 วูดเกต อายุเพียง 20 ปีเท่านั้น แต่ทำผลงานได้ดีในตำแหน่ง เซ็นเตอร์แบ็ก ลงสนามทั้งซีซั่นไป 21 นัด รวมทุกรายการ ถึงจะเป็นแข้งจอมเจ็บแต่ วูดเกต ก็ยังได้รับความสนใจจากหลายทีม เขาย้ายไปเล่นให้ นิวคาสเซิล, เรอัล มาดริด, มิดเดิลสโบรช์, สเปอร์ส, สโต๊ก 


Photo : www.yorkshirepost.co.uk

ก่อนมาแขวนสตั๊ดกับ มิดเดิลสโบรช์ และทำงานให้ทีมในฐานะผู้ช่วย และโค้ชขัดตาทัพบางโอกาส จนในเดือน มิถุนายน 2019 วูดเกต ได้รับการแต่งตั้งเป็น เฮดโค้ชอย่างเต็มตัวของ เดอะ โบโร่ น่าเสียดายที่เจ้าตัวเพิ่งถูกปลดออกตำแหน่ง ไปเมื่อเดือนมิถุนายน 2020 เพราะผลงานไม่ดีอย่างที่สโมสรตั้งเป้า 

ร็อบบี้ คีน

กองหน้าดาวรุ่งวัย 20 ปี ถูก ลีดส์ ยูไนเต็ด ยืมตัวมาจาก อินเตอร์ มิลาน ก่อนซื้อขาดในเวลาต่อมาด้วยค่าตัว 12 ล้านปอนด์ ในฤดูกาลนั้น โดย ร็อบบี้ คีน หวดไปถึง 9 ประตู จาก 18 นัดที่ลงสนามในพรีเมียร์ลีก 

น่าเสียดายที่ ร็อบบี้ คีน ไม่ได้ลงเล่นใน ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก เลยแม้แต่เกมเดียว ก่อนที่ต่อมา เมื่อย้ายออกจาก ลีดส์ ร็อบบี้ คีน ก็มาแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวกับ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ที่เขากดไป 122 ลูก จาก 306 ลูกที่เล่นให้ สเปอร์ส  


Photo : www.gazettelive.co.uk

ร็อบบี้ คีน เริ่มประเดิมชิมลางงานโค้ชครั้งแรก ในฐานะโค้ชแอนด์เพลเยอร์ ให้กับทีม ATK ในอินเดียน ซูเปอร์ลีก จากนั้นก็มารับบทมือขวาของ มิค แมคคาร์ธี่ ในทีมชาติไอร์แลนด์ ก่อนมาเป็นผู้ช่วยโค้ชของ โจนาธาน วูดเกต ในทีมมิดเดิลสโบรช์ และตกงานพร้อมกัน หลัง วูดเกต ถูกปลด 

แกรี่ เคลลี่

ตำนานแบ็กขวา “วัน คลับ แมน” ของ ลีดส์ ยูไนเต็ด ผู้ลงสนามให้สโมสรมากถึง 531 เกม เป็นผู้เล่นคนหนึ่งที่ได้รับกล่าวถึง ในทีมชุดนี้ เพราะมีสถิติลงสนามช่วยทีมไปถึง 38 นัดรวมทุกรายการ ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่า แดนนี่ มิลส์ ที่เล่นตำแหน่งเดียวกัน  

ในตอนนั้น เคลลี่ อายุ 26 ปี เป็นผู้เล่นซีเนียร์คนหนึ่งประจำทีม ท่ามกลางขุมกำลังผู้เล่นพลังหนุ่มสุดห้าว อย่างไรก็ดี เคลลี่ เป็นผู้เล่นไม่กี่คนจากทีมชุดนี้ ที่อยู่กับทีมยาวนานจนถึงปี 2007 ในช่วงเวลาที่สโมสรตกต่ำ ดิ้นรนอยู่ในลีก แชมเปียนชิพ 


Photo : newsfile.photoshelter.com

แบ็กขวาเจ้าของเสื้อหมายเลข 2 แขวนสตั๊ดในวัย 32 ปี สิ้นสุด 16 ปีที่รับใช้สโมสรเพียงหนึ่งเดียว โดยหลังจากการเลิกเล่น เคลลี่ ทำธุรกิจร่วมกับครอบครัวในการเปิดยิมออกกำลังกาย  

อลัน สมิธ

กองหน้าผมสีทอง วัย 19 ย่าง 20 ปี คือ ดาวรุ่งสุดจี๊ดของ ลีดส์ ยูไนเต็ด ชุดปีทองมหัศจรรย์  อลัน สมิธ เป็นอีกหนึ่งผลผลิตเด็กสร้างของสโมสร ถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ ตั้งแต่ปี 1998 

อลัน สมิธ จัดเป็นกองหน้าที่สร้างความปั่นป่วนให้คู่แข่งได้มาก ด้วยความเป็นกองหน้าสไตล์วิ่งสู้ฟัด ทำให้ สมิธ กลายเป็นผู้เล่นที่แฟนยูงทอง ชื่นชอบ 

ส่วนผลงานในปีนั้น อลัน สมิธ ลงสนามในพรีเมียร์ลีก ไป 33 เกม ยิงไป 11 ลูก แต่รายการที่เขาทำผลงานได้โดดเด่นสุด ๆ คงเป็น ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก อลัน สมิธ เป็นผู้เล่นลีดส์ที่ยิงประตูได้มากสุดใน UCL เขากดไปถึง 7 ลูกจาก 16 นัดที่ลงสนาม

ในปี 2004 อลัน สมิธ ช็อกแฟนบอล ลีดส์ ซ้ำสองหลังทีมตกชั้น เมื่อย้ายไปร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเอ่ยปากว่า จะไม่มีวันย้ายไปร่วมทีมอย่างแน่นอน 


Photo : XL Soccer World Orlando

อลัน สมิธ ปิดฉากการเล่นฟุตบอลกับ น็อตต์ เคาน์ตี ซึ่งครั้งหนึ่งเขาเคยรับบท โค้ชแอนด์เพลเยอร์ ในปี 2018 ก่อนจะไปใช้ชีวิตอยู่ในรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา สอนเด็กๆ เล่นเซิร์ฟบอร์ด และสอนฟุตบอล ตามอคาเดมีเอกชน

เอริค บัคเค่

มิดฟิลด์ตัวตัดเกม ชาวนอร์เวย์ เป็นอีกหนึ่งคนมีส่วนร่วมกับความสำเร็จของ ลีดส์ ยูไนเต็ด ในปีดังกล่าวอย่างมาก หลังย้ายจาก ซองน์ดาล ทีมในบ้านเกิดมาร่วมทีมเดอะ ไวท์ส์ ตั้งแต่ปี 1999 

บัคเค ในวัย 23 ปี ลงสนามให้ ลีดส์ ซีซั่น 2000-01 ไปทั้งสิ้น 44 นัดรวมทุกรายการ น้อยกว่าแค่ เอียน ฮาร์ต, อลัน สมิธ, โอลิวิเยร์ ดากูร์, มาร์ค วิดูก้า และ โดมินิก มัตเตโอ 


Photo : wikipedia.org

ในช่วงบั้นปลายอาชีพ บัคเค่ กลับไปเล่นให้ ซองน์ดาล และแขวนสตั๊ดในปี 2012 จากนั้นอีก 3 ปีต่อมา บัคเค่ เริ่มต้นจับงานเฮดโค้ชครั้งแรกกับ ซองน์ดาล และยังอยู่ยาวคุมทีมมาจนถึงปัจจุบัน 

หนึ่งในลูกทีมของเขา ที่คนไทยน่าจะรู้จักกันก็คือ กิลเบิร์ต คูมสัน ที่เคยร่วมงานกับ บัคเค่ ช่วงปี 2016-2017 ก่อนย้ายไปค้าแข้งให้ บรานน์ ทีมชั้นนำของนอร์เวย์ ที่เป็นอีกหนึ่งทีมเก่าของ บัคเค่ สมัยที่ยังค้าแข้งอยู่ 

เดวิด แบตตี

กองกลางร่างเล็กดีกรีทีมชาติอังกฤษ คือผลผลิตของสโมสรอีกหนึ่งคนของ ลีดส์ ยูไนเต็ด ประเดิมชุดใหญ่ครั้งแรกในปี 1987 จากนั้นก็ย้ายไปร่วมทีม แบล็กเบิร์น, นิวคาสเซิล และหวนกลับคืนรังยูงทอง ในปี 1998-2004 


Photo : www.leedsunited.com

โดยในฤดูกาล 2000-01 แบตตี้ อายุอานามมากถึง 32 ปีแล้ว แต่ก็เป็นแบ็กอัพชั้นดี ในแผงมิดฟิลด์ ลงสนามทุกรายการไป 26 นัด หลังแขวนสตั๊ด แบตตี้ ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับฟุตบอลสักเท่าไหร่ หรือปรากฏตัวตามหน้าสื่อ

พอล โรบินสัน

นายทวารวัยรุ่นวัย 21 ปี เด็กสร้างของสโมสร ฤดูกาลดังกล่าวเขาขึ้นท้าทายมือ 1 ของ ไนเจล มาร์ติน ได้รับโอกาสลงสนามไม่น้อยเลยถึง 24 เกม รวมทุกรายการ ในฤดูกาลนั้น

หนึ่งในโมเมนต์จดจำ ในซีซั่นปีทองของลีดส์ คือ เกมที่เขาได้รับโอกาสลงเฝ้าเสา ดวลกับ บาร์เซโลนา นัดนั้นผลจบลงที่สกอร์ 1-1 ก่อนที่ในเวลาต่อมาเขาจะเบียดขึ้นมา เป็นมือ 1 ของสโมสร และครั้งหนึ่งก็เคยก้าวไปเป็นมือ 1 ทีมชาติอังกฤษเช่นกัน 


Photo : www.skysports.com

พอล โรบินสัน แขวนถุงมือในปี 2017 กับ เบิร์นลีย์ และทำงานให้กับ Sky Sports รวมถึงรับจ็อบเป็น พรีเซนเตอร์ ให้กับ คลีนิคปลูกผมด้วย 

ไมเคิล บริดเจส

กองหน้าดาวรุ่งวัย 22 ปี ย้ายจาก ซันเดอร์แลนด์ มาเล่นให้ ลีดส์ ตั้งแต่ปี 1999 โดยถูกหมายมั่นปั้นมือว่าจะมาแทนที่ จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลแบงค์ ที่โบกมือลาทีม 


Photo : www.in-cumbria.com

แต่ในฤดูกาล 2000-01 บริดเจส มีความทรงจำไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เพราะได้รับบาดเจ็บหนัก ในเกมยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก นัดที่เจอกับ เบซิคตัส รวมแล้วเขาได้เล่นทุกรายการ แค่ 11 นัด ยิงไม่ได้สักลูก หลังเลิกเล่นอาชีพ บริดเจส ทำงานเป็นนักวิเคราะห์เกมที่ OptusSport 

เจสัน วิลค็อกซ์

ในวัย 29 ปี วิลค็อกซ์ คือปีกตัวสำรอง ที่ลีดส์ ซื้อมาจาก แบล็กเบิร์น ฯ ในปีนั้น วิลค็อกซ์ ได้ลงสนามรวมทุกรายการ 23 นัด แต่เกินครึ่งหนึ่ง เป็นการลงสนามในฐานะตัวสำรอง โดยมีผลงานเด่น คือ ทำ 1 ประตูในเกมที่ชนะ ลาซิโอ 3-2 


Photo : nationalfeeds.newsquest.co.uk

หลังจากเลิกเล่นอาชีพ วิลค็อกซ์ ผันตัวเองมาเป็นผู้บรรยายเกมให้กับสถานีวิทยุ BBC ประจำ แลงคาเชียร์ รวมถึงเป็นคอลัมนิสต์ประจำ แลงคาเชียร์ เทเลกราฟ 

ไมเคิล ดูเบอร์รี

เซนเตอร์แบ็กตัวสำรอง เด็กปั้นของ เชลซี ย้ายมาร่วมงานกับ ลีดส์ ในปี 1999 โดยในฤดูกาล 2000-01 ดูเบอร์รี อายุ 25 ปี ได้ลงสนามในพรีเมียร์ลีก 5 นัด ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 4 เกม 

เนื่องจากลีดส์ มีทั้ง มัตเตโอ, วูดเกต, เฟอร์ดินานด์, ราเดเบ้ เป็นตัวเลือกก่อนหน้าเขา แต่ถึงกระนั้นเขาก็เป็นผู้เล่นที่ยืนครบ 90 นาที ในเกมที่ชนะ เอซี มิลาน 1-0 


Photo : @Original_Dubes

ปัจจุบัน ดูเบอร์รี ทำงานเป็น นักพูดสร้างแรงบันดาลใจ และสอนเรื่องธุรกิจ รับเป็นที่ปรึกษาโค้ชส่วนตัว (อารมณ์ไลฟ์โค้ชบ้านเรา) ด้วยใช้ประสบการณ์ในการเป็นผู้เล่นระดับพรีเมียร์ลีก มาประยุกต์เข้ากับที่เขาทำ

“ไม่เป็นดั่งฝัน อย่าผิดหวังให้ฟันฝ่า พรุ่งนี้ยังมีชีวิตและดวงอาทิตย์ไม่ร้างลา คุณจงจำให้ดีตราบใดคุณยังเดินอยู่บนพสุธา จงอย่าเดินกลับหลังและหยุดหยั้งกับศรัทธา" อันนี้ ดูเบอร์รี ไม่ได้กล่าว แต่ แจ๊ส ชวนชื่น เป็นคนพูด (ฮา) 

มาร์ก วิดูก้า

สุดยอดกองหน้าที่แฟนๆ เดอะ ไวท์ส ลืมไม่ลง ในฤดูกาล 2000-01 เป็นปีแรกที่ มาร์ก วิดูก้า ย้ายจาก กลาสโกว์ เซลติก มาร่วมทีมด้วยค่าตัว 6.5 ล้านปอนด์ ก่อนจะตอบแทนได้อย่างสมราคาตั้งแต่ฤดูกาลเปิดตัว 

วิดูก้า กดไปถึง 17 ตุง จาก 34 เกมในพรีเมียร์ลีก รั้งอันดับ 3 ร่วมดาวซัลโวสูงสุด เทียบเท่า เธียร์รี อองรี เป็นรองแค่ จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลแบงค์ และ มาร์คัส สจ๊วร์ต โดยในเกมที่ชนะ ลิเวอร์พูล 4-3 วิดูก้า เหมาคนเดียว 4 ประตู 

ขณะที่ใน ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก วิดูก้า ลงไป 16 นัด กดไป 4 ลูก หนึ่งในนั้นคือ ประตูชัยที่ช่วยให้ทีมชนะ ลาซิโอ 3-2 

รวมผลงานทุกรายการในซีซั่นดังกล่าว วิดูก้า ยิงไป 22 ลูกจาก 53 นัด รั้งตำแหน่ง ดาวซัลโวประจำฤดูกาลของสโมสร และเป็นผู้เล่นที่ลงสนามช่วยทีมมากสุดทุกรายการ เป็นอันดับ 2 น้อยกว่า ลี โบวเยอร์ แค่นัดเดียว 

เขาเปิดเผยว่า หลังจากฟอร์มฮอตในปีนั้น ทำให้เขาได้รับข้อเสนอจาก เอซี มิลาน และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจไม่ได้ไปเล่นให้ที่นั่น 

Photo : www.caineymedia.com

ชีวิตตอนค้าแข้งว่าสุดแล้ว แต่ชีวิตหลังแขวนสตั๊ดของ วิดูก้า สุดยิ่งกว่า เขาปลีกตัวออกมาใช้ชีวิตอย่างสันโดษ ไม่เล่นสื่อโซเซียลมีเดีย และข้องเกี่ยวกับวงการฟุตบอลสักเท่าไหร่ เขาใช้ชีวิตอยู่ใน กรุงซาเกร็บ ประเทศโครเอเชีย หาเลี้ยงชีพด้วยการเปิดร้านกาแฟเล็กๆ 

โดยเจ้าตัวให้เหตุผลที่มาใช้ชีวิตอยู่ใน โครเอเชีย ว่า เกิดขึ้นเพราะความผูกพัน เนื่องจากคุณพ่อของเขาเป็นคนโครเอเชีย ที่อพยพไปใช้ชีวิตใหม่ในออสเตรเลียช่วงยุค 1960s ส่วนสโมสรแรกที่เขาเริ่มเล่นฟุตบอลคือ เมลเบิร์น โครเอเชีย (ปัจจุบันคือ เมลเบิร์น ไนท์ส) ที่ก่อตั้งโดยคนโครเอเชียอพยพ รวมถึงเคยย้ายมาเล่นให้ทีม ดินาโม ซาเกร็บ ช่วงก่อนจะโด่งดัง (แถมยังมี ลูกา โมดริช นักเตะดีกรีบัลลงดอร์ปี 2018 เป็นลูกพี่ลูกน้องอีกด้วย)

พร้อมกับบอกอีกว่า โมเมนต์ฟุตบอลที่ดีสุดในชีวิตของตัวเอง คือ การเตะฟุตบอลเล่นกับคุณพ่อ ในสวนหลังบ้าน 

ยอดนิยมในตอนนี้