"ตอนอยู่สเปอร์สในตอนแรก ๆ ที่แกเร็ธ เบลยังเล่นเป็นเเบ็คซ้าย เขาเคยถูกหาว่า ลงนัดไหนแล้วทีมเป็นต้องแพ้ทุกที..." ภาพโดย Markus Spiske จาก Pixabay 16 ก.ค. 1989 นั่นคือวันเกิดของชายคนนี้ที่มีชื่อเต็มว่า แกเร็ธ แฟรงก์ เบล (Gareth Frank Bale) โดยปีกซ้ายชาวเวลล์เริ่มต้นอาชีพฟุตบอลกับเซาแธมป์ตัน ก่อนจะย้ายมาร่วมทีมกับสเปอร์สในปี 2007 ว่ากันว่าในตอนนั้นทั้ง ๆ ที่เซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสัน หัวเรือใหญ่ของสโมสรเบอร์หนึ่งของโลกในขณะนั้นอย่างแมนยูสนใจเขาอยู่ แต่เขากลับเลือกที่จะมาสเปอร์ส ถึงเบลล์จะสามารถเล่นริมเส้นฝั่งซ้ายได้ทุกตำแหน่ง แต่ตำแหน่งที่ทำให้หลายคนเริ่มรู้จักเขาก็คือเเบ็คซ้ายจอมบุก คงจะไม่แปลกอะไรกับวัย 18 ปีของเขาในตอนนั้นอาจจะไม่ใช่ตัวหลักของทีมในช่วงแรก ๆ แถมเล่นไปได้ไม่กี่นัดก็ยังมาสะดุดด้วยอาการบาดเจ็บเสียอีก พอหายกลับมาก็ควานหาฟอร์มเก่งไม่เจออยู่พักใหญ่ และในช่วงนั้นเองที่เขาเคยแอบถูกแซวเล่น ๆ จากแฟนสเปอร์ส ว่าลงเกมไหนทีมเป็นต้องแพ้ทุกที จากคำสบประมาทกลับกลายเป็นแรงผลักดันสำหรับเขา จากเเบ็คซ้ายเขาขยับตัวเองขึ้นมาเล่นเป็นปีกซ้ายอย่างเต็มตัวในยุคของ แฮรี่ เรดแน็ป ที่เหมือนว่าจะเริ่มเห็นอะไรบางอย่างในตัวเขาขึ้นมา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังเป็นคำถามอยู่ดี เพราะถึงเขาจะมีความเร็วที่เป็นจุดเด่นก็จริง แต่ในแง่ของทักษะ ความพลิ้ว ก็ยังห่างไกลกับนักเตะริมเส้นเก่ง ๆ ในยุคนั้น อย่างโรนัลโด้ เมสซี่ หรือแม้แต่เลนนอน อะไรเหล่านี้อยู่พอสมควร เลยเป็นคำถามว่าเขาจะทำได้ดีแค่ไหนกันเชียว ทุกคำสบประมาทกลายเป็นแรงผลักดันเเกเร็ธ เบลอีกครั้ง เมื่อฤดูกาล 2011 - 12 เขาได้คว้ารางวัล นักเตะยอดเยี่ยมของสมาคมนักเตะอาชีพ พ่วงด้วยรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมมาครองได้อย่างเต็มภาคภูมิ ตั้งแต่ก่อตั้งพรีเมียร์ลีกมา ต้องบอกว่ามีเพียง คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ ที่สามารถทำอย่างนี้ได้ จากหมายเลข 3 เขาขยับมาสวมเสื้อหมายเลข 11 แล้วมันจะไปแปลกอะไรกับความสามารถระดับนี้ของเขาจะไปเตะตา ทีมที่รวมซุปเปอร์สตาร์ไว้ทั้งทีมอย่าง รีลมาดริด ภาพโดย Jossué Trejo จาก Pixabay ในปี 2013 เขาได้ชื่อว่าเป็นนักเตะที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลก จากการย้ายมารีลมาดริดด้วยค่าตัว 85.3 ล้านปอนด์ แล้วที่นี่เอง ทำให้เขาได้คว้าแชมป์ลีกสูงสุดของสเปนในฤดูกาล 2016 - 17 , ได้แชมป์โคปาเดอร์เรในฤดูกาล 2013 - 14 , และได้แชมป์ยูฟ่าแชมเปี่ยนลีกถึงสองปีติดในฤดูกาล 2013 - 14 / 2015 - 16 ทุกถ้วยรางวัลคงไม่มีใครกล้าค้านในความสำเร็จในอาชีพค้าแข้งของเขา และอาจเป็นข้อพิสูจน์ในความเก่งกาจของเขาได้เป็นอย่างดี แต่บทพิสูจน์ก็ยังมีเสมอสำหรับคนเรา แกเร็ธ เบลในวัย 30 ปี เขาต้องทนอยู่กับอาการบาดเจ็บเรื้อรังอยู่ตลอดในหลายปีหลังมานี้ อีกทั้งก็ดูเหมือนเขาจะไม่อยู่ในแผนการทำทีมของซีดานในปัจจุบันเสียแล้ว ก่อนหน้านี้เขาเคยถูกถึงขนาดแฟนบอลมาดริดโห่ไล่มาแล้วเลยด้วยซ้ำ ภาพโดย WONJONGSUNG จาก Pixabay ถึงผมจะเชื่อว่า เบล เป็นหนึ่งในซุปเปอร์สตาร์ของนักเตะในยุคนี้ก็จริง แต่ก็ยังเทียบชั้นไม่ได้กับโรนัลโด้หรือเมสซี่อยู่ดี ซัมเมอร์นี้จึงเป็นคำถามว่าเขาจะเลือกอยู่กับราชันชุดขาวต่ออีกหรือไม่ วัย 30 ปีของเขาอาจไม่ใช่วัยรุ่นอีกแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะแก่เกินจะกลับมาพีคอีกสักครั้ง เขาจะเลือกรับเงินค่าเหนื่อยก้อนโตไปวัน ๆ ด้วยการทนนั่งเป็นสำรองในมาดริดโดยไม่ต้องแคร์อะไร หรือเขาจะเลือกเปลี่ยนแปลงกับอนาคตที่ท้าทายอีกครั้ง... ส่วนตัวผมเชื่อว่าเบลยังเหลือบันไดอีกขั้นเดียวเท่านั้น ที่จะทำให้พูดได้ว่าเขาเป็นยอดนักเตะแห่งยุคได้อย่างเต็มปากเต็มคำ แล้วบันไดขั้นนั้น ก็คือการคว้าบัลลงดอร์มาครองสักสมัย เบลมีข่าวกับทีมในลีกของจีนอย่างหนาหูในตอนนี้ แน่ล่ะ ในแง่ของการตลาดเขาจะได้รับค่าเหนื่อยอย่างมหาสารที่นั่น แต่ถ้าเขาเลือกอย่างนั้น บัลลงดอร์ก็แทบจะตัดไปได้เลย ผมยังหวังว่าเบลจะเลือกเล่นอยู่ในยุโรป นั่นก็เพราะว่าเขามีดีพอ และเสียดายกับบันไดขั้นสุดท้ายของเขาเสียเหลือเกิน ไม่ว่าทีมไหนก็ได้ ทั้งแมนยู เปแอสแช ที่พร้อมอ้าแขนรับ และรวมถึงสเปอร์ส (ที่ผมแอบลุ้นอยู่) วันก่อนเบลล์ได้ให้สัมภาษณ์ถึงทีมเก่าอย่างสเปอร์ส ว่าการได้มูรินโญ่มาคุมทีม คือจุดเริ่มต้นที่ดีของการคว้าแชมป์ไหนสักถ้วย พอเมื่อนักข่าวกลับมาถามมูรินโญ่บ้าง ว่าอยากร่วมงานกับเบลล์หรือเปล่า แกก็ตอบแบบเลี่ยงๆ ว่าไม่น่าจะถาม และไม่ว่าเขาจะเลือกยังไง นี่จะเป็นบททดสอบของเขาอีกครั้งหนึ่ง *ภาพหน้าปก ภาพโดย Phillip Kofler จาก Pixabay **ขอคุณข้อมูลจาก https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%98_%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%A5