หลังจากที่บุกไปเอาชนะเบิร์นลีย์ 0-2 ในวัน Boxing Day จากประตูของดาร์วิน นูนเญซและดิโอโก โชตา ทำให้ขณะที่กำลังพิมพ์บทความนี้ลิเวอร์พูลนั้นกลับไปเป็นจ่าฝูงในตารางพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง ก่อนที่ "ไอ้ปืนใหญ่" จะลงแข่งขันในคืนวันพฤหัสบดีที่ 28 ธันวาคมในการไปเยือนเวสต์แฮม ยูไนเต็ดและหลังจากที่ลงแข่งในวันแกะกล่องของขวัญไปแล้ว เท่ากับว่าลิเวอร์พูลนั้นลงทำศึกในพรีเมียร์ลีก 2023/2024 ไปแล้ว 19 เกมซึ่งก็เท่ากับว่าเดินทางมาถึงครึ่งทางแล้ว เหลืออีก 19 เกมที่ต้องโม่แข้งกันต่อไป และเมื่อผ่านไปแล้วครึ่งทางก็ขออนุญาตตัดเกรดการให้คะแนนเหล่านักเตะหงส์แดงที่ลงเล่นเฉพาะในพรีเมียร์ลีกอย่างน้อย 5 เกม ซักหน่อยว่าครึ่งทางแรกที่เดินทางมานั้นพวกเขานั้นมีฟอร์มการเล่นอย่างไรบ้าง ดี แย่อย่างไร ใครจะได้กี่คะแนน ไปดูกันเลยครับผู้รักษาประตูอลิซอน เบคเกอร์ (9 เต็ม 10)ถ้าหากจะหาว่าใครคือหนึ่งใน "เดอะ แบก" ของลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้ ผมเชื่อว่า "พ่อหมี" อลิซอน เบคเกอร์คือหนึ่งในคนๆ นั้นครับ เพราะว่าในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้คือคนที่ช่วยให้ทีมรอดพ้นจะความพ่ายแพ้ได้หลายต่อหลายเกม สำหรับเกมที่พีคที่สุดก็คือเกมที่บุกเยือนนิวคาสเซิลที่สุดท้ายในเกมนั้นสามารถพลิกกลับมาชนะนิวคาสเซิล 1-2 แต่ก่อนที่จะสามารถยิงแซงได้ ในครึ่งแรกลิเวอร์พูลโดนนำไปก่อน 1-0 และหลายต่อหลายจังหวะก็มีโอกาสที่จะโดนทิ้งห่างออกไปอีก แต่ก็มีอลิซอนนี่แหละที่ช่วยทีมไว้ได้ โดยเฉพาะลูกวอลเวย์ในกรอบเขตโทษของมิเกล อัลมิรอน แต่อลิซอนนั้นสามารถช่วยเซฟได้ในจังหวะนั้นและลุกขึ้นมาปัดออกหลังไปได้อีก ถ้าจังหวะนั้นเข้าไป ผมเชื่อว่าในเกมนั้นลิเวอร์พูลคงไม่สามารถพลิกกลับมาชนะได้สถิติของอลิซอนในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ลงสนาม 17 เกม เสีย 13 ประตู เก็บได้ 6 คลีนชีทกองหลังเทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (7 เต็ม 10)5 คะแนนผมให้คะแนนทรงผมเลย เพราะโคตรไม่ชอบทรงผมในฤดูกาลที่แล้วของเทรนท์เลย หยอกๆ นะครับ เอาจริงๆ ในฤดูกาลนี้ถือว่าเทรนท์นั้นค่อยกลับมาเป็นเทรนท์คนเดิมตอนพีคๆ หน่อย ดีขึ้นกว่าช่วงปีที่แล้วเป็นอย่างมาก มีความรู้สึกว่าเทรนท์นั้นมีโฟกัสกับเกมมากขึ้น ไม่ได้หลุดโฟกัสบ่อยเหมือนในฤดูกาลที่แล้ว คงอาจจะได้พลังจากปลอกแขนกัปตันทีมในฐานะ "รองกัปตันทีม" คงทำให้ตัวเทรนท์นั้นมีวุฒิภาวะที่มากขึ้น ดูสุขุมและเป็นผู้ใหญ่ขึ้นด้วยหน้าที่ได้รับมอบหมายซึ่งก็ถือว่าเจ้าตัวนั้นทำหน้าที่ในการเป็นรองกัปตันของทีมได้ดีพอสมควร แถมในฤดูกาลนี้ก็เริ่มโดนปรับแทคติกให้ขยับเข้าไปเล่นเป็นกองกลางแบบกองกลางจริงๆ บ้างแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้รับบทบาทของอินเวิร์ท ฟูลแบคสถิติของเทรนท์ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ลงสนาม 17 เกม คลีนชีท 7 เกม ยิง 2 ประตูและแอสซิสต์อีก 3 ครั้งโจ โกเมซ (7 เต็ม 10)"โจรับจบ" ฉายานี้ไม่ได้มาแบบโชคช่วย แต่มันเป็นเพราะสิ่งที่โจ โกเมซนั้นมอบให้กับทีม เพราะในตอนนี้เหมือนโกเมซนั้นคือ "นักเตะสารพัดประโยชน์" ในแผงเกมรับไปแล้ว เพราะเขาสามารถเล่นได้ทั้งเซนเตอร์แบ็ค, แบ็คขวาและแบ็คซ้าย และที่ผมให้ถึง 7 จาก 10 เต็มนั่นก็เพราะว่าในฤดูกาลนี้โกเมซนั้นเล่นได้ค่อนข้างดีเลย ไม่ได้มีข้อผิดพลาดเหมือนในฤดูกาลก่อนๆ หลายๆ เกมนั้นเขาสามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมจนบางเกมได้ฉายาย "โจ โกดิน" อีกที ตัวอย่างเช่นเกมที่เสมอกับอาร์เซนอลไปที่เขาลงมาเป็นตัวสำรองแทนคอสตัส ซิมิคาส แต่ก็สามารถเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม และผมขออนุญาตจับโกเมซมาอยู่ในหมวดหมู่ของแบ็คขวาแทนนะครับ เพราะฤดูกาลนี้เขาค่อนข้างที่จะได้ลงในตำแหน่งเซนเตอร์น้อยกว่าแบ็คสถิติของโกเมซในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ลงสนาม 16 เกม คลีนชีท 6 เกมแอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน (7 เต็ม 10)นี่เป็นอีกคนที่สามารถกลับมาอยู่ในร่องในรอยอีกคน สำหรับแอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เพราะเขาคือหนึ่งในคนสำคัญที่ทำให้ลิเวอร์พูลกลับมาทำผลงานได้ดีอีกครั้ง โอเคแหละ ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่มีแอสซิสต์เลยในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ แต่อย่างน้อยก็มี 1 ประตูในเกมที่พบกับวูล์ฟฯ แถมในเกมนัดนั้นร็อบโบ้นั้นก็ได้เป็นกัปตันทีมเดินนำลูกทีมลงสนามด้วย แต่น่าเสียดายเจ้าตัวไปได้รับบาดเจ็บบริเวณหัวไหล่จากเกมทีมชาติจนต้องเข้ารับการผ่าตัดและพักฟื้นตั้งแต่เดือนตุลาคมและมีกำหนดการกลับมาในช่วงเดือนมกราคม 2024 ทำให้สถิติของเขานั้นค่อนข้างน้อยกว่าเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ แต่ภาพรวมตอนที่ได้ลงเล่นนั้นก็ถือว่าสอบผ่านและยังคงเป็นคนสำคัญของทีมเสมอที่มาพร้อมกับพลังงานที่วิ่งได้ไม่มีหมดสถิติของร็อบโบ้ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ลงสนาม 8 เกม คลีนชีท 1 เกม ยิง 1 ประตูคอสตัส ซิมิคาส (7 เต็ม 10)นี่คือตัวสำรองที่คอยหมุนเวียนกับร็อบโบ้ แต่น่าเสียดายที่ในตอนนี้เขาได้รับอาการบาดเจ็บบริเวณไหปลาร้าในเกมที่เจอกับอาร์เซนอล ทำให้อาจจะต้องพักยาวหลายสัปดาห์และเผลอๆ น่าจะหลักเดือน มันน่าเสียดายตรงที่เขาอุตส่าห์ได้รับโอกาสและฟอร์มเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว แต่ก็ต้องมาบาดเจ็บถึงขั้นไหปลาร้าหักอีก ในช่วงแรกที่เขามารับหน้าที่แทนร็อบโบ้ที่บาดเจ็บไป ฟอร์มของเขานั้นยังดูไม่ใช่ซิมิคาสคนเดิมที่เคยเห็นเท่าไหร่ แต่พอลงเล่นบ่อยๆ เข้า ฟอร์มของเขาก็เริ่มเข้าที่เข้าทางเรื่อยๆ และสามารถทดแทนการหายไปของร็อบโบ้ได้เป็นอย่างดีและหวังว่าจะหายจากอาการบาดเจ็บโดยเร็วสถิติของซิมิคาสในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ลงสนาม 10 เกม คลีนชีท 4 เกม แอสซิสต์ 3 ครั้งเวอร์จิล ฟาน ไดจ์ (9 เต็ม 10)ถ้าผมจะบอกว่านี่ "ร่างทอง" ที่สุดของฟาน ไดจ์กนับตั้งแต่หายเจ็บกลับมา คุณผู้อ่านจะเชื่อหรือไม่ครับ แต่เชื่อเถอะว่านี่แทบจะเหมือนฟาน ไดจ์กร่างก่อนเจ็บ ACL มากที่สุดแล้ว ในฤดูกาลนี้ต้องบอกเลยว่าฟาน ไดจ์กนั้นกลับมาโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดอีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ภาพรวมของเขานั้นดูเหมือนจะดรอปลงไปพอสมควร จนหลายๆ คนปรามาสเขาไว้ว่า "หมดแล้ว" แต่ในฤดูกาลนี้เหมือนลิเวอร์พูลได้บิ๊กเวิร์จคนเดิมกลับมา สปีดความเร็ว การอ่านเกม อะไรที่เคยเห็นตอนก่อนเจ็บ กัปตันทีมคนใหม่ของลิเวอร์พูลนั้นนำมันกลับมาให้แฟนบอลได้เห็นอีกครั้ง พร้อมกับสถิติที่สุดยอดอีกครั้ง เช่น การเล่นลูกกลางอากาศ เขาดวลกลางอากาศไปแล้ว 99 ครั้ง (อันดับ 5 ของลีก) ชนะการดวลกลางอากาศ 81 ครั้ง พร้อมกับ Win Rate ในการดวลอยู่ที่ 89% ซึ่งทั้งสถิติชนะและ Win Rate นั้นคืออันดับ 1 ของพรีเมียร์ลีก แต่นี่เพิ่งผ่านมาเพียงครึ่งซีซัน ต้องรอลุ้นกันอีก 19 นัดที่เหลือครับว่าลูกพี่ไดจ์กนั้นจะสามารถรักษาฟอร์มเก่งแบบนี้ไปได้จนจบฤดูกาลเลยหรือไม่ ถ้ายังรักษาฟอร์มแบบนี้ไปได้เรื่อยๆ บอกเลยลุ้นแชมป์สนุกแน่สถิติของฟาน ไดจ์กในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ลงสนาม 17 เกม คลีนชีท 6 เกม ยิง 1 ประตูและ 2 แอสซิสต์อิบราฮิมา โกนาเต (7 เต็ม 10)โกนาเตนั้นเริ่มต้นฤดูกาลด้วยการสลับลงเล่นกับโฌเอล มาติปแต่เมื่อที่เจ๊ติปนั้นได้รับบาดเจ็บบริเวณ ACL นั่นเท่ากับว่าโอกาสของน้องเต้นั้นมาถึงแล้วและเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวัง โอเคแหละ อาจจะมีผิดพลาดบ้าง แต่โดยรวมนั้นถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีพอสมควรเลย เขาจับคู่กับฟาน ไดจ์กได้อย่างแข็งแกร่ง แถมยังมีการพาบอลขึ้นหน้าเหมือนกับมาติปเลย นอกจากนี้ด้วยร่างกายที่สูงใหญ่แต่มีความเร็วนั้น ทั้งลูกภาคพื้นดินและลูกกลางอากาศนั้น โกนาเตก็สามารถเก็บกินได้ไม่แพ้ฟาน ไดจ์กเลย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่โกนาเตนั้นสามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม แม้ว่าจะเพิ่งผ่านไปเพียงครึ่งซีซั่นเท่านั้น แต่สิ่งหนึ่งที่จะเป็นปัญหาในพัฒนาการของเขาก็คืออาการบาดเจ็บ เพราะมักจะมีอาการบาดเจ็บคอยรบกวนตลอดเวลา ภาวนาอย่าให้เจ็บบ่อยก็แล้วกันนะน้องเต้สถิติของโกนาเตในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ลงสนาม 13 เกม คลีนชีท 4 เกมโฌเอล มาติป (7 เต็ม 10)ทั้งๆ ที่อุตส่าห์เรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้ อุตส่าห์ได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่อง อุตส่าห์ได้เล่นกับคู่หูอย่างฟาน ไดจ์กอีกครั้ง แต่อาการบาดเจ็บต้องพรากเจ๊ติปไปอีกแล้ว แถมคราวนี้ก็หนักหนาเลยทีเดียว เพราะในตอนนี้ถ้าจะบอกว่ามาติปนั้นปิดเทอมกับทีมไปเรียบร้อยก็ไม่ผิด เพราะเขาได้รับบาดเจ็บบริเวณ ACL กลับมาอีกทีก็คงปีหน้านู่นเลยและที่มันโชคร้ายก็คือสัญญาของมาติปกับลิเวอร์พูลนั้นกำลังจะหมดลงหลังจากจบฤดูกาลนี้ ต้องรอดูว่าสโมสรจะทำอย่างไรกับเจ๊ติป ได้แต่หวังว่าจะมีการต่อสัญญาออกไปอีกซักปี เพื่อให้เขาได้ลงเล่นอำลาแฟนๆ แบบสมเกียรติและสมกับความยิ่งใหญ่ของโฌเอล มาติปสถิติของมาติปในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ลงสนาม 10 เกม คลีนชีท 3เกมจาเรลล์ ควอนซาห์ (7 เต็ม 10)ถ้าหากจะหาว่าอะไรคืออีกหนึ่งในสิ่งที่แฟนลิเวอร์พูลนั้นมีความสุข ผมว่าการได้เห็น "น้องขวัญซ่า" ขึ้นมาเล่นกับทีมชุดใหญ่ในฤดูกาลนี้ก็ถือว่าเป็นความสุขอย่างนึงของแฟนหงส์แดงได้เลยนะ เพราะถึงแม้ว่านี่จะเป็นฤดูกาลแรกที่เขาขึ้นมาเล่นกับทีมชุดใหญ่และยังมีอายุเพียง 20 ขวบ แต่ฟอร์มการเล่นของควอนซาห์นั้นเรียกว่าเกินดาวรุ่ง นิ่งเกินดาวรุ่ง เหมือนเป็นร่างโคลนนิงของฟาน ไดจ์ก เหมือนถอดแบบกันมาเป๊ะๆ เลย ถ้าบอกว่าเป็นน้องชายผมก็เชื่อ และอย่างที่บอกไปครับว่ามาติปเจ็บยาว ส่วนโกนาเตนั้นก็มีอาการบาดเจ็บรบกวนตลอด แต่ก็เพราะมีควอนซาห์นี่แหละที่ขึ้นมาและสามารถทดแทนพี่ๆ ได้อย่างยอดเยี่ยม ผมกล้าพูดว่า "ยอดเยี่ยม" ได้เลย เพราะควอนซาห์นั้นเล่นได้นิ่งเกินอายุจริงๆ รอวันขัดเกลาในเป็นเพชรน้ำงามกว่านี้อีก แถมเกมแรกที่เขาได้ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกก็เกิดขึ้นในเกมที่พบกับนิวคาสเซิล แต่ผลลัพธ์ที่ออกมา เขาสามารถเล่นได้แบบไม่เคอะเขินเลย ทดแทนฟาน ไดจ์กที่โดนไล่ออกในเกมนั้นได้เลย ผมเชื่อว่าควอนซาห์นี่แหละที่จะขึ้นมาทดแทนฟาน ไดจ์กได้หากวันนึงที่ฟาน ไดจ์กออกจากทีมไป ผมเชื่อว่าถ้าเราประคบประหงมควอนซาห์ดีๆ เราก็จะมีฟาน ไดจ์กอีกคนเลยสถิติของควอนซาห์ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ลงสนาม 6 เกม คลีนชีท 3 เกมกองกลางอเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ (7 เต็ม 10)สำหรับแม็คอัลลิสเตอร์นั้นคือดีลแรกของทีมในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาและได้มาแบบถูกแสนถูกเมื่อเทียบกับดีกรีของเขาที่เป็นอีกฟันเฟืองสำคัญในการพาอาร์เจนตินาคว้าแชมป์โลกเมื่อปีที่แล้ว และการมาของแม็คก้าก็เหมือนเป็นจุดเริ่มต้นของการผลัดใบครั้งใหญ่ในแดนกลางของลิเวอร์พูล เพราะหลังจากนั้นก็มีกองกลางหลั่งไหลเข้ามาอีกแบบยกเซ็ตยกเครื่องเลยทีเดียว คราวนี้เรื่องของฟอร์มการเล่นก็เรียกได้ว่า "สมราคา" แชมป์โลกจริงๆ เพราะคลาสบอลของเขานั้นช่วยยกระดับทีมได้ดีเลยทีเดียว แถมประตูแรกที่ยิงให้กับทีมก็สวยมากๆ ในเกมที่พบกับฟูแลม แต่ด้วยการเล่นในตำแหน่งเบอร์ 6 ที่ห่างกับกรอบเขตโทษคู่แข่ง ทำให้เกมรุกที่อาจจะเป็นจุดเด่นของเขานั้นไม่ได้ใช้งานแบบเต็มประสิทธิภาพ แต่โดยรวมแล้วก็ถือเล่นได้ดีเลยทีเดียว แต่ส่วนตัวอยากให้ขยับแม็คก้าขึ้นมาเล่นสูงกว่านี้อีก แต่ก่อนจะให้ขยับขึ้นมาเล่นสูงกว่าเดิม ต้องให้เขากลับมาจากอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าก่อน หลังจากโดนปะทะในเกมที่พบกับเชฟฟิลด์ฯ แต่ในเรื่องร้ายก็มีเรื่องดีอยู่ เพราะเหมือนเป็นการเปิดโอกาสให้กับวาตารุ เอนโดได้ลงเล่นในตำแหน่งของแม็คอัลลิสเตอร์ ซึ่งคาดหมายว่าแม็คก้าจะกลับมาช่วงต้นเดือนมกราคม 2024 สถิติของแม็คอัลลิสเตอร์ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ลงสนาม 14 เกม ยิงและแอสซิสต์อย่างหนึ่งโดมินิก โซโบซไล (7 เต็ม 10)มาถึงคิวของ "สุดหล่อ" อย่างโดมินิก โซโบซไล กองกลางกัปตันทีมชาตฮังการี ดีลนี้เป็นดีลที่ 2 ต่อจากแม็คก้าแต่เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งดีล "ดำดิน" เพราะก่อนที่โซโบนั้นจะย้ายมาในอังกฤษ ทีมที่มีข่าวหนักที่สุดก็คือนิวคาสเซิล แต่สุดท้ายนิวคาสเซิลก็ไปได้ซานโดร โตนาลี และปลายทางของโซโบก็มาลงเอยกับลิเวอร์พูล ในช่วงแรกตอนที่พรี-ซีซันเหมือนเป็นช่วงอุ่นเครื่องจริงๆ เพราะฟอร์มของโซโบนั้นยังไม่ได้โดดเด่นอะไรมากมาย แต่พอเปิดฤดูกาลจริงๆ เรียกได้ว่าหล่อเหมือนหน้าตาของเขาเลย วิ่งขึ้นลงไม่มีหมด พลังงานล้นเหลือ ทีเด็ดคือลูกยิงไกล มันเหมือนได้เห็นจอร์แดน เฮนเดอร์สันในเวอร์ชันที่เล่นเกมรุกได้โหดสุดๆ นอกจากนี้ยังมีช่วงนึงที่โซโบเล่นทุกนัดและไม่โดนเปลี่ยนตัวออกเลยเป็นระยะเวลา 10 เกมติดต่อกัน ถึงแม้ในช่วงหลังนี้เขาจะมีฟอร์มการเล่นที่ตกลงไปและโดนเปลี่ยนตัวออกอยู่บ่อยครั้ง แต่ภาพรวมก็ถือว่าไม่แย่และยังอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ เชื่อว่าเดี๋ยวยังไงฟอร์มที่เคยร้อนแรงของโซโบก็กลับมาแน่นอนสถิติของโซโบซไลในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ลงสนาม 19 เกม ยิง 2 ประตูและ 3 แอสซิสต์ไรอัน กราเฟนแบร์ก (5 เต็ม 10)มาถึงดีลสุดท้ายในช่วงตลาดซัมเมอร์ที่ผ่านมาของลิเวอร์พูล ยื้อกันมาอย่างยาวนาน สุดท้ายก็ได้ตัวมาสำหรับไรอัน กราเฟนแบร์ก ความจริงแล้วกราฟนั้นเป็นที่หมายตาของทีมใหญ่ๆ ทั่วทั้งยุโรปในตอนที่เขาเล่นกับอาแจ็กซ์ฯ แต่สุดท้ายก็กลายเป็นบาเยิร์น มิวนิคที่ได้ตัวไป แต่มันไม่ได้สวยงามเหมือนที่คาดไว้ เขาแทบไม่ได้โอกาสกับพี่เสือเลย จนสุดท้ายก็ถูกขายมาให้กับลิเวอร์พูล ช่วงแรกที่กราฟลงเล่นนั้นดูดีเลยทีเดียว เขามีความวูบวาบ พลิกบอลสวยๆ ไปกับบอลได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ผ่านไปซักพักก็เริ่มจะพอมองออกแล้วว่าทำไมบาเยิร์นถึงไม่รั้งไว้และยอมขาย เพราะกราฟเล่นได้ไม่เหมือนช่วงที่มาแรกๆ เลยแม้แต่น้อย มีการพลิกบอลสวยแค่นั้น ที่เหลือแทบจะหายไปทั้งหมดเลย เล่นแบบป้อแป้ เหมือนคนไม่มีแรง จับบอลไม่อยู่ จ่ายเสีย มันกลายเป็นไม่ได้ประโยชน์จากการส่งเขาลงเล่นเลย ยิ่งในเกมที่เจออาร์เซนอลยิ่งไปกันใหญ่ ออกทะเลไปไกลมาก ลงมาเป็นตัวสำรองแท้ๆ แต่ห่วยแตกมาก ได้แต่หวังว่าเขายังอายุยังน้อย สามารถพัฒนาต่อได้อีกละกันสถิติของกราเฟนแบร์กในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ลงสนาม 14 เกมฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ (7 เต็ม 10)ถ้าหากในเกมรับมีโจ โกเมซรับจบเป็นคนที่สารพัดประโยชน์ แดนกลางก็มี "เจ้าจุก" ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์นี่แหละที่เป็นอีกคนที่เป็นนักเตะสารพัดประโยชน์ เพราะหลายๆ ครั้งที่เขาจะได้เล่นในแดนกลาง บางเกมก็ขยับขึ้นไปเล่นเป็นปีกซ้ายแทนโม ซาลาห์ โอเคแหละถึงแม้ว่าเอลเลียตต์นั้นจะไม่ได้มีผลงานที่มันเด่นชัด ไม่ได้เปรี้ยงปร้างอะไรมากมาย แต่ทีมฟุตบอลต้องการนักเตะแบบนี้ครับ ที่สามารถเล่นได้ตามจ็อบที่ได้รับมอบหมายได้แบบไม่ขาดตกบกพร่อง แถมบางครั้งก็ทำได้ดีเกินว่าหน้าที่อีกด้วย กลายเป็นคนที่เยอร์เกน คล็อปป์นั้นไว้วางใจให้ลงมาเปลี่ยนเกมอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะเกมที่ลงมาเป็นตัวสำรองที่ไปบุกไปเฉือนชนะคริสตัล พาเลซที่เจ้าจุกนั้นเป็นคนที่ยิงประตูชัยให้กับทีมสถิติของเอลเลียตต์ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ลงสนาม 16 เกม ยิง 1 ประตูและ 2 แอสซิสต์เคอร์ติส โจนส์ (5 เต็ม 10)"เอาอีกแล้ว ม้วนอีกแล้ว เล่นยากอีกแล้ว" นี่กลายเป็นประโยคที่ผมใช้บ่นเคอร์ติส โจนส์ตลอดในฤดูกาลนี้และผมค่อนข้างผิดหวังพอสมควรกับโจนส์ เพราะในช่วงท้ายฤดูกาลที่แล้วที่โจนส์ได้ลงสนามแบบต่อเนื่องและเขาสามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เขาเล่นเร็วขึ้น ม้วนน้อยลง จ่ายบอลและเล่นง่ายขึ้น คิดว่าในฤดูกาลนี้เขาจะทำแบบนั้นได้อีกในฤดูกาลนี้ แต่กลับกันเลย โจนส์กลับมาเป็นไอ่เด็กโจนส์คนเดิมอีกแล้ว กลับมาเล่นช้า ม้วน เล่นยาก ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงกลับไปเล่นเหมือนเดิม ทั้งๆ ที่ในฤดูกาลที่แล้วเขาปรับเปลี่ยนวิธีการเล่นแล้วตัวเองเล่นได้ดี แต่ทำไมถึงกลับมาเล่นแบบเดิม หลังจากนี้ก็ได้แต่หวังให้กลับไปเล่นแบบช่วงท้ายของฤดูกาลที่แล้ว เพราะนั่นคือฟอร์มที่ดีที่สุดของเขานับตั้งแต่ขึ้นมาชุดใหญ่เลยสถิติของโจนส์ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ลงสนาม 10 เกม 1 แอสซิสต์วาตารุ เอนโด (8 เต็ม 10)นี่คือดีลที่ "คุ้มเกินคุ้ม" มากๆๆๆๆ สำหรับวาตารุ เอนโดที่ย้ายมาอยู่กับลิเวอร์พูลแบบเซอร์ไพรส์และด้วยอายุที่เข้าเลข 3 แล้วมันไม่ได้มีความคาดหวังที่สูงในตัวของเอนโดเลย คิดว่ามาเป็นอะไหล่เท่านั้น แต่ไปๆ มาๆ ในตอนนี้กลายเป็นว่าเอนโดคือคนสำคัญของทีมไปแล้ว สมกับที่คล็อปป์อยากได้นักได้หนา ตอนสัมภาษณ์ถึงเอนโดวันแรกก็เหมือนคน "คลั่งรัก" เลย ตอนนี้ผมเชื่อว่าเอนโดนั้นเข้าไปนั่งในใจของเดอะ ค็อปแทบทุกคนแล้ว ด้วยสไตล์การเล่นที่ดุดัน ตัดเป็นตัด ถึงแม้จะตัวเล็กกว่าชาวบ้านเขาแต่ก็เอาใจเข้าสู้ สมกับเป็นคนญี่ปุ่นมากๆ ผมชอบกองกลางตัวรับแบบนี้มากๆ ตัดเป็นตัด ไม่กลัวใบเหลือง ไม่กลัวใครทั้งนั้น ในช่วงแรกเอนโดนั้นต้องปรับตัวอยู่พอสมควรกับสปีดของฟุตบอลอังกฤษ แถมมีเกมที่โดนเปลี่ยนออกในช่วงพักครึ่งด้วย เพราะเขาโดนสปีดบอลของพรีเมียร์ลีกเล่นงาน (เกมเยือนคริสตัล พาเลซ) แต่หลังจากนั้นเหมือนกับว่าเอนโดนั้นปรับตัวกับพรีเมียร์ลีกได้แล้ว เขาออกบอลเร็วขึ้น จับจังหวะบอลอังกฤษได้แล้ว กลายเป็นคนที่ทีมขาดไม่ได้แล้วและสิ่งนึงที่ผมทึ่งมากๆ ก็คือถึงเอนโดจะมีส่วนสูงเพียง 178 เซนติเมตร แต่เอนโดนั้นสามารถเล่นลูกโหม่งได้อย่างยอดเยี่ยมมากๆ เทคตัวขึ้นโหม่งได้สูงมาก กะจังหวะโหม่งได้ดีมากๆ แถมประตูแรกในพรีเมียร์ลีกก็มาแบบน่าจดจำเสียด้วย เพราะเขาเป็นตัวสำรองลงมาในเกมที่พบกับฟูแลม เขาเป็นคนที่ยิงตีเสมอ 3-3 ให้กับทีมและยิงแบบสุดสวยอีกด้วย แต่น่าเสียดายที่ในช่วงเดือนมกราคม 2024 นี้ลิเวอร์พูลจะต้องเสียเอนโดไปให้กับทีมชาติญี่ปุ่นที่จะทำศึกเอเชียน คัพ ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อเวลานั้นมาถึง คล็อปป์จะมีวิธีรับมืออย่างไร เพราะทีมระดับญี่ปุ่นไม่มีวันตกรอบในเวทีเอเชียได้อย่างรวดเร็วแน่นอน อย่างต่ำก็รอบรองฯ แน่นอนและถ้าไม่มีอุบัติเหตุทางฟุตบอลอะไร ก็อาจจะถึงรอบชิงและคงชิงชนะเลิศกับเกาหลีใต้ด้วยสถิติของเอนโดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ลงสนาม 14 เกม ยิง 1 ประตูกองหน้าโมฮาเหม็ด ซาลาห์ (9 เต็ม 10)ผู้รักษาประตูมีอลิซอนคอยแบก เกมรับก็มีฟาน ไดจ์กที่แบก มาถึงแดนหน้าครับ จะเป็นใครไปได้อีกถ้าไม่ใช่โม ซาลาห์ที่เป็นคนแบก ถึงแม้ว่าอายุจะล่วงเลยไป 31 ปีแล้ว แถมมีข่าวได้รับข้อเสนอจากซาอุดิ โปรลีกมูลค่ามหาศาลแต่มันก็ไม่ได้ทำให้ซาลาห์นั้นไขว้เขวแต่อย่างใดและกลายเป็นหนึ่งในสิ่งที่ลิเวอร์พูลนั้นตัดสินใจได้ดีที่สุดในฤดูกาลนี้กับการปัดข้อเสนอเหล่านั้นไป เพราะดูสิ่งที่โมตอบแทนสโมสรสิครับ มันคิดไม่ออกเหมือนกันว่าถ้าหากลิเวอร์พูลตอบรับข้อเสนอเหล่านั้นไป ทีมจะอยู่ส่วนไหนของตารางคะแนน ทีมจะมีฟอร์มการเล่นได้ดีขนาดนี้หรือไม่ โอเคแหละ ซาลาห์ไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว ไม่ได้มีฟอร์มการเล่นที่อยู่ระดับท็อปแบบตอนที่เขาย้ายมาใหม่ๆ แล้ว ความเร็วก็ตกลงไปแต่สิ่งที่มันมาทดแทนสิ่งเหล่านั้นก็คือ เซนส์และคลาสบอลที่อยู่บนจุดสูงสุดของพรีเมียร์ลีก ยังเป็นคนอันตรายเสมอของคู่แข่ง โมไม่ได้บ้ายิงแบบแต่ก่อนแล้วแถมเขายังลดบทบาทกลายมาเป็นคนที่สร้างสรรค์เกม คอยป้อนบอลและคอยแอสซิสต์ให้กับน้องๆ อยู่ตลอด จนบางครั้งก็ปั้นแบบถวายพานเพื่อนก็ยิงไม่เข้าแบบน่าเสียดายและนี่ขนาดไม่เหมือนเดิมแล้วนะ แต่ก็ยังยิงจนพาตัวเองยิงครบ 200 ประตูให้กับลิเวอร์พูลแล้ว แถมครบ 150 ประตูในพรีเมียร์ลีกอีกด้วย แต่นี่คืออีกหนึ่งปัญหาใหญ่ของหงส์แดงครับ เพราะในเดือนมกราคม 2024 นี้นอกจากเอนโดที่จะไปเอเชียน คัพกับทีมชาติญี่ปุ่นแล้ว แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชันก็จัดขึ้นมาอีก เท่ากับว่าซาลาห์นั้นต้องไปรับใช้ทีมชาติอียิปต์อีก ไม่รู้เหมือนกันจริงๆ ว่าถึงตอนนั้นลิเวอร์พูลจะเป็นอย่างไร เกมรุกตื้อตันแน่นอน กลัวใจจริงๆ ว่าอียิปต์จะเข้ารอบลึก ใจนึงก็อยากแช่งให้ตกรอบเร็วๆ แต่อีกใจนึงก็อยากเชียร์ให้ซาลาห์นั้นประสบความสำเร็จมีแชมป์กับทีมชาติเขากับเขาบ้าง ต้องรอดูครับว่าลิเวอร์พูลจะจัดการอย่างไรกับการขาดทั้งโมและเอนโดในเดือนหน้านี้สถิติของซาลาห์ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ลงสนาม 19 เกม ยิง 12 ประตูและ 7 แอสซิสต์ดาร์วิน นูนเญซ (7 เต็ม 10)นี่คือคนที่ผมหนักใจในการให้คะแนนมากๆ เพราะแต่ละครั้งที่ดูดาร์วิน นูนเญซมันเหมือนคนเป็นไบโพลาร์ อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ตลอด เดี๋ยวฟอร์มดีเดี๋ยวฟอร์มดิ่ง ฟอร์มดีก็ดีสุดๆ ฟอร์มแย่ก็แย่สุดๆ โดยเฉพาะเกมที่ลงมาเป็นซูเปอร์ซับในเกมที่พลิกนรกชนะนิวคาสเซิลที่เขายิง 2 ประตูให้ทีมพลิกชนะ นั่นคือจุดสูงสุดของนูนเญซในครึ่งฤดูกาลแรกนี้แล้ว ช่วงหลังที่ผ่านมานี้ฟอร์มนูนเญซนั้นดูตกลงไปพอสมควร ปืนฝืดเป็นสิบนัด เพิ่งกลับมายิงได้ในเกมที่พบกับเบิร์นลีย์ เขาเป็นคนที่ยิงเบิกร่องให้ทีมขึ้นนำ หลังจากนี้ก็ได้แต่หวังว่าเขาจะมีฟอร์มการเล่นที่ต่อเนื่อง มีสมาธิกับเกมตลอด 90 นาที เพราะหลายๆ ครั้งเขาชอบโดนใบเหลืองจากการไปบ่นกรรมการ หวังว่าหลังจากยิงในเกมเบิร์นลีย์ได้แล้ว เขาจะรักษาฟอร์มและความมั่นใจ เป็น "ที่พึ่ง" ของทีมในตอนที่ซาลาห์ไปรับใช้ทีมชาติอียิปต์สถิติของนูนเญซในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ลงสนาม 18 เกม ยิง 5 ประตูและ 5 แอสซิสต์โคดี กัคโป (6 เต็ม 10)นี่ก็เป็นอีกคนที่หนักใจในการให้คะแนนเช่นกัน เพราะว่ากัคโปนั้นต้องเล่นในตำแหน่งที่ไม่ได้เป็นตำแหน่งที่เขาแจ้งเกิดนั่นก็คือกองหน้าฝั่งซ้าย เขาย้ายเข้ามาเมื่อช่วงตลาดหน้าฤดูกาลที่แล้วพร้อมกับการเป็นตัวแทนของโรแบร์โต เฟอร์มิโน ทำไมถึงเป็นตัวแทนน่ะหรอ? ก็เพราะว่าบทบาทและรูปแบบที่เขาได้ลงเล่นนับตั้งแต่ย้ายมา มันคือบทบาทที่บ๊อบบี้ทำไว้นั่นก็คือการเป็น False 9 ซึ่งมันไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะเล่นตำแหน่ง ต้องเป็นคนที่เข้าใจในเกมในแทคติกของทีมสูง สามารถเล่นได้แบบเข้าขารู้ใจกับทุกคนในทีม เพราะเขาคือที่จะเชื่อมทั้งแดนหน้าด้วยกันเอง เชื่อมแดนกลางถึงแดนหน้า ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหลายปี เฟอร์มิโนคือคนนั้น ซึ่งถ้าหากคล็อปป์ต้องการสิ่งเหล่านี้จากกัคโปก็คงต้องให้เวลากัคโปอีกซักพักในการเรียนรู้การเป็น F9 แต่ใจจริงอยากให้กัคโปเล่นแบบที่เขาแจ้งเกิดมามากกว่า แต่คล็อปป์ว่ายังไงผมก็ตามนั้นได้เลยสถิติของกัคโปในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ลงสนาม 17 เกม ยิง 2 ประตูและ 1 แอสซิสต์หลุยส์ ดิอาซ (5 เต็ม 10)สำหรับหลุยส์ ดิอาซผมก็คือว่าทำผลงานได้น่าผิดหวังเช่นเดียวกับโจนส์ ผมคิดว่าเขาจะดีขึ้นในฤดูกาลนี้หลังจากที่ในฤดูกาลที่แล้วเขามีอาการบาดเจ็บที่บริเวณหัวเข่า ทำให้ส่วนใหญ่นั้นใช้เวลาอยู่ในโรงบาล 2 เกมแรกในฤดูกาลนี้ดิอาซสามารถยิงประตูได้ทั้งเกมที่เชลซีและบอร์นมัธแต่หลังจากนั้นผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับดิอาซเหมือนกัน ทุกวันนี้ผมไม่ได้เห็นดิอาซในฟอร์มที่เคยโดดเด่นแบบในปีที่เขาย้ายมา ภาพเดิมๆ แบบนั้นหายไปหมด ทุกวันนี้เห็นแต่ปีกที่เลี้ยงจี้ๆ คิดอะไรไม่ออกก็กระชาก ยิงติดเปิดติด ไม่ได้มีพิษสงกับคู่แข่งอะไรเลย ผมไม่รู้ว่าดิอาซมีอะไรในใจหรือเปล่า เขาเล่นเหมือนคนคิดเยอะคิดมาก ไร้ไอเดียจินตนาการเล่นมากๆ แต่สิ่งนึงที่ผมนับใจดิอาซมากๆ ก็คือหัวจิตหัวใจที่แข็งแกร่งมากๆ อย่างที่ทราบกันดีครับว่าเมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคม พ่อของดิอาซนั้นถูกลักพาตัวในประเทศโคลอมเบีย เขาได้รับอนุญาตจากทางสโมสรให้พักในเกมที่พบกับน็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ก่อนที่จะกลับมาในเกมที่พบกับลูตัน ทาวน์และเหมือนเขียนบทไว้ ในเกมนั้นลิเวอร์พูลโดนขึ้นนำไปก่อนในนาทีที่ 80 เกมกำลังจะจบลงด้วยชัยชนะของลูตัน แต่กลายเป็นดิอาซที่ลงมาเป็นตัวสำรองโหม่งตีเสมอให้กับทีม กระชากคอลิเวอร์พูลให้รอดพ้นจากความพ่ายแพ้ นี่คือโมเมนต์ที่สุดยอดและควรค่าแก่การคารวะหัวใจของดิอาซจริงๆสถิติของดิอาซในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ลงสนาม 18 เกม ยิง 3 ประตูและ 1 แอสซิสต์ดิโอโก โชตา (7 เต็ม 10)มาถึงคนสุดท้ายแล้วครับสำหรับการให้คะแนนในช่วงครึ่งฤดูกาลแรกของลิเวอร์พูล สำหรับโชตานั้นส่วนตัวผมนั้น ผมยกให้เขาคือกองหน้าที่คมที่สุดในทีมแล้ว โชตาคือคนที่โอกาสไม่ค่อยเปลืองในการจบสกอร์เลยและเหมือนเป็นเทพยิงมุมแคบ เป็นคนที่ยิงประตูจากด้านข้างของกรอบเขตโทษได้ดีมากๆ และการกลับมาหลังจากเจ็บไปเป็นเดือนๆ ก็ช่วยทำให้เกมรุกของลิเวอร์พูลดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาเลยทันที หลังจากเกมล่าสุดเขากลับมาลงเล่นและเป็นตัวสำรองลงมายิงปิดกล่อง 0-2 ให้ลิเวอร์พูลชนะเบิร์นลีย์ไปได้ โชตานั้นกลับมาได้ทันเวลาพอดี เพราะช่วงหลังมานี้แนวรุกของลิเวอร์พูลดูปืนฝืดกันไปพอสมควร การมีโชตาในสนามมันช่วยให้ลิเวอร์พูลนั้นมีอีกหนึ่งตัวเลือกในการทำประตู โชตาไม่ได้เป็นประเภทเท้าหนัก ยิงหนัก แต่เขาคือคนที่จะอยู่ถูกที่ถูกเวลาและยิงประตูได้มุมมากๆ แถมยังเป็นกองหน้าตัวเล็กที่โหม่งทำประตูได้บ่อยครั้ง คู่แข่งเผลอให้เทคตัวโหม่งเมื่อไหร่ มีสิทธิโดนโชตาส่งบอลไปกองก้นตาข่ายแน่นอนสถิติของโชตาในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ลงสนาม 13 เกม ยิง 5 ประตูและก่อนที่จะจากกันไป จะไม่ให้คะแนนกับผู้จัดการทีมคนเก่งอย่าง "เยอร์เกน คล็อปป์" ก็ไม่ได้ สำหรับคล็อปป์ในฤดูกาลนี้ผมให้ไปเลย 9 เต็ม 10 เพราะผลงานมันก็ฟ้องอยู่แล้ว เริ่มจากการกล้าจะตัดสินใจถ่ายเลือดกองกลางใหม่ทั้งหมดยกแผงเลย พร้อมกับปรับแทคติก การแก้เกมต่างๆ ผมให้เครดิตตรงนี้มากๆ แต่ขอหักไปคะแนนเดียวตรงความดื้อในการชอบฝืนให้แม็คก้าลงเล่นตำแหน่งเบอร์ 6 แทนที่จะให้เอนโดลง รวมไปถึงการยังฝืนให้ดิอาซลงตัวจริงทั้งๆ ที่ฟอร์มก็ไม่ได้เหมาะกับการเป็นตัวจริง แต่ที่เหลือสุดยอดมากปล. การให้คะแนนทั้งหมดเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวนะครับขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจากTransfermark.comOfficial Facebook ของลิเวอร์พูลภาพปก 1, ภาพปก 2, ภาพปก 3, ภาพประกอบ 1, ภาพประกอบ 2, ภาพประกอบ 3, ภาพประกอบ 4, ภาพประกอบ 5, ภาพประกอบ 6 และภาพประกอบ 7