แมนซิตี้ เปิดศึกตัดสินแชมป์พรีเมียร์ลีกกลาย ๆ กับ ลิเวอร์พูล ที่แน่นอนว่าไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรหลายคนบอกว่าผ็ชนะคือแชมป์ของพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2021- 2022 อย่างแน่นอน เป็นคู่บิ๊กแมตซ์ประจำสัปดาห์ที่แฟนบอลหลายคนรอคอย ทั้งกูรูและสื่อหลายสำนักก็ต่างฟันธงแตกต่างกันไป แต่เมื่อมองเจาะลึกลงไปถึงรายละเอียดของเกมนี้ หลังจากที่ทั้งสองทีมผ่านศึกUCL กันมาหมาด ๆ ก็พอได้เห็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อยที่เป็นจุดแตกต่างของทั้งสองทีม ที่จะกลายเป็นตัวแปรตัดสินสามแต้มสำหรับเกมนี้ได้พอสมควร ว่าแล้วอย่ารอช้าไปชมทรรศนะ 3 ตัวแปรสำคัญสำหรับเกมนี้กันเลยดีกว่า 1. KeyMan ที่ฟอร์มแตกต่าง แน่นอนว่าในเกมนี้สายตาหลายคู่ไม่ได้จับจ้องไปเพียงแค่ผลการแข่งขันเท่านั้น แต่ยังมองไปถึงตัวของนักเตะทั้งสองทีมที่ตอนนี้กลายเป็น คีย์แมนของเกมนี้นั้นก็คือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ เควิน เดอบรอยด์ ซึ่งทั้งสองทีมเป็นหัวใจหลักในเกมรุกตลอดระยะเวลาการแข่งขันที่ผ่านมา แต่กระนั้นเมื่อเทียบฟอร์กมการเล่นของทั้งสองราย นับตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมาผลงานโดยส่วนตัวช่างต่างกันเหลือเกิน นับตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา เควิน เดอบรอยด์ ลงเล่นไป 6 เกมในทุกราย ยิงไป 2 ประตู จากหนึ่งจุดโทษและหนึ่งจากเคาร์เตอร์แอทแทค และในแต่ละเกมมีส่วนร่วมในการทำประตูมากถึง 71 เปอร์เซนเฉลี่ยต่อเกม โดยเฉพาะเกมUCL นัดล่าสุดที่กลายเป็นฮีโร่ทำประตูสำคัญได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วนทางด้านของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ลงเล่นไป 6 เกมในทุกรายการ ยังไม่สามารถพังประตูได้แม้แต่เกมเดียว แถมเปอร์เซนมีส่วนร่วมทำประตูกับทีมแค่ 54 เปอร์เซนต่อเกม นี่ยังไม่นับการลากเลื้อยที่เคยทำได้ก่อนหน้านี้ก็หายไปด้วยเช่นกัน นี่เลยกลายเป็นคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับศูนย์หน้าสัญญาวุ่นวายรายนี้ ที่อยู่ดีๆ ก็ฟอน์มตกเอาดื้อ ๆ หรือมันจะใช่แน่ ๆ 2. บ่อน้ำมันในแดนหลัง ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือสองทีมที่มีเกมรับและเกมรุกดีที่สุดในพรีเมียร์ลีกเวลานี้ ผ่านไป 30 เกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เสีย 18 ประตู ทางด้าน ลิเวอร์พูลเสีย 20 ประตู ในทางกลับกันแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยิงได้ 70 ประตู ลิเวอร์พูล ยิงได้ 77 ประตู ผลต่างประตูได้เสียห่างกัน 5 ประตู แต่จุดสำคัญไม่ได้อยู่ที่เรื่องนี้นี้ซิ เพราะเมื่อเทียบกองหลังตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ๊คนาทีนี้ คู่เซ็นเตอร์ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถือว่าไว้วางใจได้มากที่สุด เมื่อเทียบกับของ ลิเวอร์พูล คู่เซ็นเตอร์ของลิเวอร์พูลนั้นยืนหลักคือ เวอร์จิล ฟานไดร์จ์ ซึ่งได้รับความไว้วางใจมาตลอด แต่คู่ที่มายืนเคียงข้างอย่าง อีบราอีมา โกนาเต และ โจเอล มาติป ซึ่งสองรายนี้สลับกันลง นั่นเลยกลายเป็นว่าบางเกมเกิดความไม่เข้าใจและมีความผิดพลาดให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ ยกตัวอย่างเกม UCL ล่าสุดของหงส์แดงที่ความผิดพลาดของ อีบราอีมา โกนาเต เป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น นี่ยังไม่รวมประสบการณ์ตัดฟาวล์แบบไม่น่าทำเข้าไปด้วย ยิ่งทำให้น่าห่วงอย่างมากสำหรับเกมนี้หากเขาได้รับเลือกลงเป็นตัวจริง ทางด้านของเรือใบสีฟ้ามีปัญหาคือ รูเบน ดิอาซ ที่ตามรายงานก่อนหน้านี้บอกว่าเจ็บไม่สามารถลงได้ในเกมนี้แน่นอน ทำให้นี่ก็กลายเป็นช่องโหว่ได้เหมือนกัน รวมถึง เอเมอลิค ลาป๊อก และ นาธาน เอเก้ ที่มักเติมเกมสูงแล้วลงไม่ทันอยู่บ่อยครั้ง แถมยังออกลูกเหวอได้ตลอดเวลา เกมนี้ใครนิ่งกว่าชนะแน่นอน 3. ตัวเลือกเกมบุกที่แตกต่าง อย่างที่ทราบกันแหละว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่มีศูนย์หน้าธรรมชาติเล่นแบบฟอร์ไนท์มาโดยตลอด แต่ก็ไม่ได้ส่งผลอะไรมากนักกับการแข่งขันที่ผ่านมา ซึ่งแตกต่างจาก ลิเวอร์พูล ที่มีตัวเลือกแดนหน้าที่พร้อมสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันได้ตลอดเวลา ซึ่งในเกมที่ตื้อ ๆ ก็มีตัวเลือกเกมรุกให้เลือกใช้จนนำมาสู่ชัยชนะ ซึ่งก็พิสูจน์เห็นมาแล้วว่าสามารถสร้างความแตกต่างได้อย่าสิ้นเชิง แต่ทุกอย่างก็มีทั้งข้อดีและเสียแหละว่าไหม แม้ว่าการเล่นฟอร์ไนท์ของ เปป กวาดิโอล่า จะไม่มีศูนย์หน้าก็จริง แต่อาวุธลับของเขาที่ผ่านมาก็คือการสลับกันหมุนเวียนในกรอบเขตโทษของผู้เล่นทำให้เกิดความสับสนในการประกบตัวของกองหลังได้ อีกทั้งยังมีทีเด็ดการจบจากแถวสองที่มักจะมีลูกสวย ๆ ให้ได้เห็นตลอดทั้งฤดูกาลที่ผ่านมา ส่วนทางด้าน เจอร์เกน คล๊อปป์ ที่มีศูนย์หน้าไม่ว่าจะเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ , ซาดิโ มาเน่ , ดิเอโก โชวต้า , ทาคูมิ มินามิโน๊ะ , หลุยดิอาซ และ โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ แต่ก็นั่นแหละเมื่อมีเป้าการจับตายก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่กระนั้นก็ยังมีอาวุธลับในเรื่องของลูกโหม่งของศูนย์หน้า รวมถึงกองหลังอย่าง เวอร์จิล ฟานไดรจ์ เป็นออฟชั่นเสริม คราวนี้ก็อยุ๋ที่ความคมว่าใครจะคมกว่ากันกับเกมสำคัญแบบนี้ และนั่นคือ 3 ปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อทั้งสองทีมเพื่อเกมตัดสินแชมป์พรีเมียร์ลีกแบบกลาย แต่เชื่ออย่างหนึ่งว่าไม่ว่าผลจะออกมารูปแบบใดก็ตามคนที่ได้กำไรเกมนี้คือผู้ชมทางบ้านอย่างกระผมนี่แหละ ที่จะได้ดูเกมการสู้กันของสองทีมที่ได้ถูกยกให้เป็นสองทีมที่ดีที่สุดในห้าลีกใหญ่ของยุโรป ณ เวลานี้ข่าวที่เกี่ยวข้องทำความรู้จัก "เบน โด็ก (Ben Doak)" ดาวรุ่งมากพรสวรรค์คนใหม่ของ ลิเวอร์พูล5 แข้งหงส์แดงความผิดพลาดของ เจอร์เกน คล็อปป์ กับการเซ็นร่วมทัพจัดอันดับ 4 ผู้จัดการทีมค่าตัวแพงที่สุดในฤดูกาล 2021-2022จัดอันดับ 8 ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล ยุคพรีเมียร์ลีก ผลงานแย่ที่สุดถึงดีที่สุดส่อง 3 ปัจจัย ที่อาจปลี่ยนใจ "เจอร์เกน คล็อปป์" ต่อสัญญากับ ลิเวอร์พูลถูกใจไหม?? จัดอันดับ 5 นักเตะแมนยูผลงานดีที่สุดประจำปี 2021เครดิตภาพปก twitter.com/lfc :: ภาพที่ 1 , twitter.com/mancity :: ภาพที่ 2เครดิตภาพประกอบ twitter.com/lfc :: ภาพที่ 1 , ภาพที่ 4 , ภาพที่ 6 , twitter.com/mancity :: ภาพที่ 2 , ภาพที่ 3 , ภาพที่ 5 ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดทุกแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี!