
แฟนผีแดงลุ้นหนัก!! แมนยู กับความยากลำบาก ตั้งแต่ช่วงปิดซีซั่น

ฤดูกาลอันน่าหดหู่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด จบลงไปได้สักพักหนึ่งแล้ว ทำให้แฟนๆ ปีศาจแดงได้หายใจหายคอกันไปได้บ้าง ได้ใช้เวลาเพื่อลืมช่วงเวลาอันน่าละเหี่ยใจตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา และรอคอยการเตรียมทีมเพื่อสู้ศึกในฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะมาถึง...
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่รอคอยทีมอยู่ในเวลานี้ ก็คือการเตรียมทีมเพื่อสู้ศึกในฤดูกาลใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เพียงแค่เรื่องการฝึกซ้อมในช่วงปรีซีซั่นว่าต้องเตรียมตัวกันแบบไหนบ้าง ซึ่งเป็นหน้าที่ของทีมโค้ชอย่าง รูเบน อาโมริม แต่ยังมีเรื่องของการขายนักเตะที่ไม่ได้ใช้งานออก และการซื้อแข้งรายใหม่เข้ามาเสริมทีม เพื่อให้ดีกว่าเดิมอีกด้วย
ซึ่ง แมนฯ ยูไนเต็ด นั้น ประสบปัญหาทั้งในส่วนของขาเข้าและขาออกเลยก็ว่าได้...
ที่ต้องพูดแบบนั้นก็เป็นเพราะว่า ด้วยผลงานที่ตกต่ำอย่างมากในระยะหลัง ทำให้แรงดึงดูดของทีมที่มีต่อบรรดานักเตะเริ่มที่จะลดน้อยลงไป ซึ่งมันส่งผลกระทบทั้งในเวลาที่ต้องการที่จะซื้อนักเตะ และเวลาที่จะขายออก
ในแง่ของการซื้อนักเตะใหม่อาจจะไม่ได้ซับซ้อนมากนัก เดี๋ยวเราค่อยมาว่ากัน แต่ในส่วนของขาออกก็มีปัญหาไม่ใช่น้อย
ปัญหาที่ว่าก็คือเรื่องของ "ราคา" การปล่อยออกไม่ใช่เรื่องยาก นักเตะที่ไม่อยากเล่นกับทีมต่อแล้ว หรือไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีม ย่อมต้องอยากหาสโมสรใหม่ เพื่อสานต่อเส้นทางอาชีพของตัวเองเป็นเรื่องปกติ
แต่ปัญหาใหญ่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่เกี่ยวกับในเรื่องของนักเตะขาออกเลยก็คือ พวกเขาแทบไม่ได้ขายใครที่ได้ราคาอย่างจริงๆ จังๆ เลยในช่วงหลัง
ย้อนกลับไปไม่ต้องไกลมาก เมื่อซัมเมอร์ปีที่แล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด ปล่อยนักเตะออกจากทีมทั้งชุดใหญ่และดาวรุ่งรวมทั้งสิ้น 20 ราย แต่ได้เงินกลับมาเข้าคลังสโมสรเพียง 88.5 ล้านปอนด์เท่านั้น ยังไม่นับบางรายที่มี add-ons เพิ่มเติมในอนาคต แต่เงินส่วนนั้นถือว่าไม่สามารถเอามานับว่าเป็นมูลค่าจริงของนักเตะได้ เพราะยังมีเงื่อนไขต่างๆ มากมายที่อาจจะทำให้โบนัสไปไม่ถึงที่ตกลงกันไว้
ตัวเลข 88.5 ล้านปอนด์ อาจจะดูเหมือนไม่น้อย แต่จริงๆ แล้วน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับจำนวนที่ปล่อยออกจากทีมไป เพราะเมื่อเทียบกับทีมร่วมลีกอย่าง เชลซี จะเห็นว่าทีมสิงห์บลูส์ปล่อยนักเตะออกจากทีมไปเมื่อซัมเมอร์ที่แล้วเพียง 14 ราย ในจำนวนนี้มีพวกที่ไม่มีค่าตัวอยู่ถึง 5 คน แต่เชื่อหรือไม่ว่า เชลซี ได้เงินกลับมามากถึง 222 ล้านปอนด์!
ย้อนกลับมาดูของ แมนฯ ยูไนเต็ด ตัวที่พวกเขาพอจะขายได้ราคามีแค่ 3 รายเท่านั้น นั่นคือ เมสัน กรีนวู้ด ที่ไป มาร์กเซย ที่ราคา 26.6 ล้านปอนด์, อารอน วาน-บิสซาก้า ที่ไป เวสต์แฮม ที่ราคา 15 ล้านปอนด์ และ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ที่ไป นาโปลี ในราคาเพียง 25.7 ล้านปอนด์ และทั้งหมดนี้คือราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริง
ถ้าเป็นทีมอื่นๆ การขายนักเตะอย่าง กรีนวู้ด, วาน-บิสซาก้า และ แม็คโทมิเนย์ จะขายได้ในราคาที่ดีกว่านี้แน่ๆ แต่ทีมบริหารของ แมนฯ ยูไนเต็ด มีปัญญาขายนักเตะได้เพียงแค่นี้เท่านั้น และนี่ไม่ใช่ครั้งแรก แต่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว
แต่พอเป็นขาเข้า แมนฯ ยูไนเต็ด จะเจอกับปัญหาอีกแบบทันที และมีพร้อมกันแบบ 2 คอมโบเลย นั่นก็คือพวกเขามักต้องจ่ายแพงเกินจริง และอีกข้อก็คือแรงดึงดูดที่มีต่อนักเตะมีน้อย ทำให้ต้องออกแรงในการเจรจาค่อนข้างมาก และสุดท้ายนอกจากจะต้องจ่ายแพงมากเกินไปแล้ว ยังอาจจะต้องจ่ายค่าเหนื่อยสูงเกินกว่าความเป็นจริง จนทำให้มีปัญหาเรื่องเพดานค่าเหนื่อยของสโมสรที่สูงมากเกินไป
อย่างในรายของขาเข้าเมื่อฤดูกาลที่แล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด ซื้อนักเตะใหม่เข้ามา 9 ราย โดยแบ่งเป็นผู้เล่นชุดใหญ่ 6 ราย แต่พวกเขาต้องจ่ายไปมากถึง 221 ล้านปอนด์ โดยในจำนวนนี้มีนักเตะที่มีราคาเกิน 40 ล้านปอนด์ถึง 3 ราย นั่นก็คือ เลนี่ โยโร่ (52 ล้านปอนด์), มาไตส์ เดอ ลิกท์ (42 ล้านปอนด์) และ มานูเอล อูการ์เต้ (51 ล้านปอนด์) แต่ผลงานที่ออกมาเรียกได้ว่าเป็นแค่การสอบผ่านแบบเฉียดฉิวเท่านั้น ไม่ได้สร้างอิมแพคท์กับทีมได้มากอย่างที่ควรจะเป็น
ยิ่งถ้าย้อนกลับไปดูในช่วง 2-3 ปี หลัง จะเห็นว่าหนักกว่านี้อีกหลายเท่า และส่วนใหญ่ที่ทุ่มเงินซื้อมา แทบจะนับหัวได้เลยว่ามีใครบ้างที่เล่นได้คุ้มกับเงินที่ลงทุนไป ส่วนที่เหลือมักเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำเกือบทั้งสิ้น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นผลสะท้อนให้เห็นถึงการทำงานที่ไม่ชาญฉลาดของทีมงานหลังบ้าน
แม้ว่าตอนนี้ทีมบริหารในส่วนของฟุตบอลจะเป็นทีมงาน INEOS ของ เซอร์ จิม แร็ทคลิฟฟ์ แล้ว แต่ก็ยังดูเหมือนว่าการทำงานยังดูไม่ค่อยเข้าตานัก อาจจะไม่แย่เท่ากับในยุคที่มี เอ็ด วู้ดเวิร์ด เป็นซีอีโอ แต่เมื่อเทียบกับทีมหัวแถวในลีกอย่าง แมนฯ ซิตี้, ลิเวอร์พูล และ อาร์เซน่อล แล้ว ทีมปีศาจแดงยังเป็นรองกว่ามาก
และในซัมเมอร์นี้ ทั้งในส่วนของขาเข้าและขาออกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังเป็นเรื่องที่แฟนๆ ยังต้องลุ้นกันหนัก ไม่แพ้ผลงานในสนามที่น่าหดหู่เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา
ในส่วนของขาออกช่วงซัมเมอร์นี้นั้น เป็นที่รู้กันว่ามีอยู่หลายรายที่ แมนฯ ยูไนเต็ด อยากขายออกจากทีม ที่ชัดๆ เลยก็คือ เจดอน ซานโช่, มาร์คัส แรชฟอร์ด และ อเลฮานโดร การ์นาโช่ เป็นต้น แต่เชื่อหรือไม่ว่าพวกเขาจะโดนกดราคา และจำต้องขายออดกในราคาที่ถูกกว่าที่ควรจะเป็น
ซานโช่ ที่ เชลซี ยอมจ่ายค่าปรับไม่ยอมซื้อขาด มีราคาที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ตั้งไว้ 25 ล้านปอนด์ แต่เชื่อว่าขายจริงในซัมเมอร์นี้อาจจะได้ถูกกว่านั้น ส่วน แรชฟอร์ด ตั้งเอาไว้ 40 ล้านปอนด์ ถึงเวลาจริงคงไม่สามารถขายออกได้แพงกว่านี้ และในรายของ การ์นาโช่ ทีมปีศาจแดงอยากจะได้อย่างน้อย 50 ล้านปอนด์ แต่เชื่อว่าจะโดนกดราคาลงมา ทั้งๆ ที่จริง การ์นาโช่ ควรขายได้ในระดับ 60 ล้านปอนด์อัพ หากว่าอยู่กับทีมอื่นๆ
ส่วนในเรื่องของขาเข้านั้น แมนฯ ยูไนเต็ด เพิ่งจะได้แข้งรายใหม่เข้ามาเพียงรายเดียว นั่นคือ มาเตอุส กุนญ่า ที่ย้ายมาจาก วูล์ฟแฮมป์ตัน ในราคาฉีกสัญญาสุดแพง 62.5 ล้านปอนด์ แน่นอนว่า กุนญ่า มีผลงานที่ดีมากๆ ในฤดูกาลที่ผ่านมา และถ้าเขาสามารถเล่นได้ในระดับเดียวกันกับซีซั่นที่แล้วให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็อาจจะเป็นการเซ็นสัญญาที่ไม่แย่ แม้ว่าราคาจะแพงเกินไปหน่อยจริงๆ
ขณะที่ในรายต่อไป คาดว่าจะเป็น ไบรอัน เอ็มเบวโม่ แนวรุกจาก เบรนท์ฟอร์ด ที่ยังเจรจาเรื่องค่าตัวกันไม่ได้ แม้ว่านักเตะจะอยากย้ายมากเล่นในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ก็ตาม เพราะทีมพญาผึ้งอยากได้ค่าตัวในระดับที่ใกล้เคียงกับที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปซื้อ กุนญ่า มาจาก วูล์ฟแฮมป์ตัน
เอ็มเบวโม่ เป็นนักเตะที่มีผลงานที่น่าประทับใจก็จริง แต่ถามว่าเขาควรจะมีราคาในระดับ 60 ล้านปอนด์ขึ้นไปหรือไม่ บอกตามตรงว่า 45 ล้านปอนด์ก็เหมาะสมแล้ว แต่เมื่อเป็นทีมปีศาจแดงมาซื้อ พวกเขามักโดนให้ต้องจ่ายแพงกว่าปกติอยู่เสมอ
นี่ยังไม่รวมถึงการพยายามโน้มน้าวนักเตะให้ย้ายมาเล่นด้วยกัน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ยากไม่แพ้เรื่องของค่าตัว อย่างในรายล่าสุดที่ตกเป็นข่าวว่า แมนฯ ยูไนเต็ด สนใจ แต่นักเตะปฏิเสธแล้วว่าไม่อยากย้ายมา นั่นคือ วิคตอร์ โยเคเรส กองหน้าฟอร์มร้อนแรงจาก สปอร์ติ้ง ลิสบอน ที่ไม่อยากมาเจอกับความลำบากที่ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่อยากไปลุ้นแชมป์กับ อาร์เซน่อล มากกว่า
ถ้าเป็นสมัยก่อนในยุคที่ทีมยังลุ้นความสำเร็จใหญ่ๆ แทบทุกปี การซื้อกองหน้าอย่าง โยเคเรส นั้นง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วย แต่พอมาเป็นสมัยนี้ ทีมปีศาจแดงต้องเช็คก่อนว่านักเตะเป้าหมายมีใจอยากจะมาเล่นด้วยกันหรือไม่ เพราะไม่อย่างนั้นอาจจะเป็นการเจรจาที่เสียเวลา เพราะเมื่อตกลงค่าตัวกับต้นสังกัดได้แล้ว กลับเจอว่าตัวนักเตะไม่อยากย้ายมาร่วมทีม
แมนฯ ยูไนเต็ด ยังมีปัญหาอีกหลายจุดให้ต้องการแก้ไข การได้ มาเตอุส กุนญ่า เข้ามาแค่รายเดียวนั้นไม่เพียงพอแน่นอน แต่จนถึงตอนนี้ยังมองไม่ออกเหมือนกันว่าบรรดานักเตะที่เป็นเป้าหมายในเวลานี้ จะคว้าเข้ามาร่วมทีมได้จริงๆ สักกี่ราย
นั่นเป็นปัญหาที่ รูเบน อาโมริม ต้องเผชิญ เพราะเขาต้องการนักเตะที่เหมาะสมกับระบบการเล่นที่เขาวางเอาไว้มากกว่านี้แน่นอน แต่ถ้าสุดท้ายไม่มีการแก้ไข โดยเฉพาะในตำแหน่งสำคัญอย่างกองหน้าตัวเป้าและผู้รักษาประตู ก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าผลงานของทีมในฤดูกาลหน้าจะออกมาเป็นอย่างไร แม้ว่าปีหน้าจะได้เล่นในประเทศเพียงอย่างเดียว ไม่มีฟุตบอลสโมสรยุโรปมาเกี่ยวข้องเลยก็ตาม
มองในแง่บวกมันอาจจะเป็นเรื่องดีที่ อาโมริม จะมีเวลาในการเตรียมทีมเต็มที่ และมีสมาธิกับการแข่งขันโดยเน้นไปที่พรีเมียร์ลีกแบบเพียวๆ ได้เลน แต่อีกมุมหนึ่งหากว่าผลงานยังออกมาไม่ดีในระยะสั้น อนาคตของเขาในการคุมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ไม่น่าจะยืนยาวเช่นกัน
และถ้าต้องการมีการเปลี่ยนแปลงกุนซืออีก ทุกสิ่งที่ทำกันมาก็ต้องกลับไปเริ่มนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าสนุกเลยสำหรับกองเชียร์ปีศาจแดง...