ถือว่าเหนือความคาดหมายเหมือนกันที่ในตอนแรกนั้นทีมอย่าง เชลซี ออกสตาร์ทในเวทีได้อย่างย่ำแย่โดยสองนัดแรกสามารถเก็บได้เพียงแต้มเดียว และจมอยู่บ๊วยของกลุ่ม จนการเข้ามาของกุนซือใหม่อย่าง เกรแฮม พอตเตอร์ ที่เข้ามายกระดับทีมจนสุดท้ายพวกเขาสามารถผ่านเข้ารอบไปในฐานะแชมป์กลุ่มได้สำเร็จ โดยฟอร์มการเล่นในการเขอกับทีมต่างๆทั้งสองนัดนั้นจะเป็นอย่างไรบ้างเราไปพูดตุยกันไปทีละเกมเลยทีมแรก ดินาโม ซาเกร็บ เจอกันสองนัด ชนะ1 แพ้1 โดยเกมแรกที่เจอกันในบ้านของซาเกร็บนั้นถือว่าช็อคแฟนบอลไม่น้อยเลยทีเดียว หลังจากที่โชว์ฟอร์มโหดเปิดบ้านเอาชนะเชลซีได้ 1-0 โดยเกมในวันนั้นถือว่าฝั่งของซาเกร็บเองสามารถเล่นได้อย่างรัดกุม มีเกมรับที่เหนียวแน่นบวกกับเกมสวนกลับที่ในวันนั้นสามารถฉกฉวยโอกาสเอาไว้ได้ โดยในบางมุมนั้นพวกเขาดูเหนือกว่าและสามารถคุมเกมเอาไว้มากกว่าฝั่งของเชลซีด้วยซ้ำเกมที่สอง ถือว่าพึ่งจบลงไปเลยเป็นเกมที่เชลซีสามารถเปิดบ้านเอาชนะได้ 2-1 และวามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมเอามากๆในเกมวันนั้นแม้ว่าก่อนเกมนี้จะเริ่มต้นขึ้นนั้นอันดับในตารางค่อนข้างที่จะชัดเจน และไม่ได้ส่งผลอะไรมากเท่าไหร่นักก็ตาม แต่ก็ถือว่าทั้งสองทีมใส่เต็มกันมาทั้งคู่เลยก็ว่าได้ และสิ่งที่น่าเสียดายเอามากๆในเกมวันนี้ของเชลซีก็คงไม่พ้นปัญหาอาการบาดเจ็บของผู้เล่นทั้ง เดนนิส ซากาเรีย และ เบน ชิลเวลล์ ที่ทั้งคู่ในเกมวันนั้นถือว่าทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ถ้าในเรื่องของฟอร์มการเล่นแล้วนั้นก็ถือว่าสอบผ่านเลยทีเดียวสำหรับเกมในวันนั้นทีมที่สอง อาร์บี ซัลซ์บวร์ก เจอกันสองนัด ชนะ1 เสมอ1 โดยในเกมนัดแรกนั้นถือว่าเป็นการคุมทีมลงเล่นในเวทีนี้ นัดแรกของผู้จัดการทีมคนใหม่อย่าง เกรแฮม พอตเตอร์ เลยด้วยซ้ำและก็ถือว่าเป็นการเปิดตัวที่ต้องบอกว่าไม่ได้ดูแย่และไม่ได้ดีขนาดนั้น โดยในเกมวันนั้นเชลซีสามารถที่จะยิงประตูขึ้นนำได้ก่อนด้วยซ้ำแต่สุดท้ายก็มาโดนตามตีเสมอทำให้สุดท้ายต้องจบลงด้วยการแบ่งแต้มกันไปในที่สุด ถือเป็นเกมที่ฟอร์มการเล่นของทีมยังไม่กลับมาเข้าที่เท่าที่ควร ไอเดียในการทำเกมรุกก็ดูจะตื้อๆตันไปบ้างในบางจังหวะ แต่เป็นการคุมทีมนัดแรกแล้วไม่แพ้ก็ถือว่าเป็นฟอร์มการเล่นที่น่าพอใจเกมที่สอง ถือเป้นเกมที่ต้องบอกว่าการที่ต้องบุกไปเยือนทีมจากเยอรมันถึงถิ่นแบบนั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่ายอย่างแน่นอนและรูปเกมก็เป็นอย่างนั้น โดยเกมในวันนั้นซัลซ์บวร์กถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว และสามารถยิงประตูขึ้นนำได้ก่อนด้วยซ้ำ แต่หลังจากนั้นเชลซีดูจะตั้งเกมได้ดีขึ้นมีโอกาสบุกเข้าใส่อยู่เรื่อยๆจนมาได้ประตูตีเสมอจนได้ ก่อนที่ในช่วงครึ่งหลังพวกเขาจะมาได้ประตูชัยจากลูกยิงสุดสวยของ ไค ฮาแวทซ์ พาทีมแซงนำเป็น 2-1 และจบลงด้วยสกอร์นี้ในที่สุดซึ่งโดยรวมแล้วเกมในวันนั้นผู้เล่นของเชลซีมีคนที่ได้รับคำชมหลายคนเหมือนกัน เป็นอีกเกมที่ถือว่าทำผลงานได้น่าพอใจอยู่ในระดับหนึ่งก็ว่าได้ทีมที่สาม เอซี มิลาน เจอกันสองนัด ชนะ 2 โดยเกมแรกที่เจอกีนต้องบอกว่าเป็นฝั่งของเชลซีที่ทำได้ดีกว่าอย่างชัดเจน ทั้งเปอร์เซ็นการครองบอล โอกาสยิง การผ่านบอลต่างๆถือว่าเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด แถมยังเป็นการชนะขาดและไม่เสียประตูอีกด้วยบวกกับเสียงเชียร์ในสนามสนามแทบคลั่งกันเลยทีเดียว โดยเกมในวันนั้นผู้เล่นทุกคนของเชลซีดูที่จะช่วยกันเล่นได้ดี รู้สึกได้ถึงความกระหายในชัยชนะเป็นอีกหนึ่งเกมที่ผมค่อนข้างที่จะพอใจอยู่เหมือนกันเกมที่สอง ถือเป็นงานที่ยากเอามากๆสำหรับการบุกไปเยือนมิลานถึงบ้าน แต่จุดเปลี่ยนสำคัญของเกมนี้เลยคือการโดนใบแดงเร็วของฝั่งเจ้าบ้านเอง ทำให้หลังจากนั้นก็เป็นเกมของทางฝั่งเชลซีโดยสมบูรณ์แบบ มีโอกาสบุกเยอะกว่า ครองบอลเยอะกว่า รวมไปถึงโอกาสจบสกอร์ที่ทำได้อย่างเหนือกว่าชัดเจน ซึ่งโดยรวมแล้วก็ต้องบอกว่าการได้เปรียบในเรื่องของตัวผู้เล่นนั้น เป็นอะไรที่ดีกว่าอยู่แล้วเลยทำให้มองอะไรค่อนข้างยากในเกมวันนี้ แต่การบุกไปคว้าสามแต้มจากบ้านของมิลานมาได้ก็ถือเป็นผลการแข่งขันที่น่าพอใจไม่น้อยเลยเหมือนกันเป็นอย่างไรกันบ้าง สำหรับการแข่งในแต่ละนัดของเชลซีที่ต้องบอกว่า จากทีมที่แทบจะหมดลุ้นในรายการนี้ไปแล้วจากการออกสตาทร์ได้อย่างย่ำแย่ กลับกลายมาเป็นแชมป์กลุ่มในที่สุด เพื่อนๆคิดเห็นอย่างไรกันบ้างคอมเมนท์มาพูดคุยกันได้ครับบ เครดิตรูปภาพภาพปก ภาพโดย : Facebook: Chelsea Football Clubภาพที่ 1 ภาพโดย : Facebook: Chelsea Football Clubภาพที่ 2 ภาพโดย : Facebook: Chelsea Football Clubภาพที่ 3 ภาพโดย : Facebook: Chelsea Football Clubภาพที่ 4 ภาพโดย : Facebook: Chelsea Football Clubภาพที่ 5 ภาพโดย : Facebook: Chelsea Football Clubภาพที่ 6 ภาพโดย : Facebook: Chelsea Football Clubอัปเดตข่าวสาร ติดตามผลการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกแบบไม่พลาดทุกนัดที่ ทรูไอดี คอมมูนิตี้ ห้อง 'ฟุตบอล'