ฟุตบอลคาราบาวลีกคัพหรือถ้วยที่บ้านเรียกกันเล่นๆ ว่า "ถ้วยน้าแอ๊ด" เดินทางมาถึงนัดชิงชนะเลิศในวันที่ 16 มีนาคม 2025 นี้ โดยคู่ชิงคือ สาลิกาดง นิวคาสเซิล ที่รอบรองชนะเลิศล้มปืนใหญ่อาร์เซนอล พบกับแชมป์เก่าหงส์แดงลิเวอร์พูล ที่ผ่านไก่เดือยทองสเปอร์มาในรอบรองชนะเลิศ ซึ่งลิเวอร์พูลเป็นเจ้าแห่งฟุตบอลถ้วยนี้ด้วยการชนะเลิศมากที่สุด 10 สมัย ทิ้งอันดับสอง แมนเชสเตอร์ซิตี้ที่ 8 สมัย และแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 6 สมัย และต่อจากนี้คือ แชมป์ 10 ครั้งที่ผ่านมาของพวกเขา ดูบอลสดพรีเมียร์ลีก กดสมัครแพ็กเกจ TrueVisions Now ผ่าน TrueID คลิกเลย! ปฐมบทแห่งเจ้าลีกคัพ สมัยที่ 1 ฤดูกาล 1980-81 ลิเวอร์พูลเริ่มเปิดฉากการเป็นเจ้าแห่งฟุตบอลถ้วยลีกคัพ ด้วยการชนะทีมขุนค้อน เวสต์แฮม ในนัดชิงเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 1981 เมื่ออลัน เคนเนดี้ยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 1-0 ในนาทีที่ 118 แต่เวสต์แฮมมาตีเสมอได้สำเร็จในนาทีที่ 120 หมดเวลาการแข่งขันซึ่งในสมัยนั้น ฟุตบอลอังกฤษจะยังไม่มีการตัดสินแชมป์ด้วยการยิงจุดโทษ จึงต้องเตะนัดชิงกันใหม่ และนัดชิงรีเพลย์ในวันที่ 1 เมษายน 1981 ซึ่งคราวนี้ แม้จะถูกนำไปก่อน 1-0 แต่ก็ได้คิงส์เคนนี่ เคนนี่ เดลกลิช ยิงตีเสมอ กับยอดเซนเตอร์อย่าง อลัน แฮนเซ่น ยิงให้ลิเวอร์พูลชนะเวสต์แฮมไป 2-1 เป็นปฐมบทแห่งการเป็นเจ้าแห่งฟุตบอลลีกคัพ แชมป์สองสมัยติดต่อกัน สมัยที่ 2 ฤดูกาล 1981-82 ลิเวอร์พูลยังคงต้องโคจรมาพบกับทีมจากกรุงลอนดอน อย่างไก่เดือยทอง ท๊อตแน่มฮ็อทสเปอร์ ในฟุตบอลลีกคัพที่ใช้ชื่อตามสปอนเซอร์ในสมัยนั้นว่า "มิลล์คัพ" เกมส์นี้ลิเวอร์พูลถูกสตีฟ อาร์ชิบัลด์ ของสเปอร์ยิงนำตั้งแต่นาทีที่ 11 ก่อนที่รอนนี่ วีแลน กองกลางชาวไอริช จะยิงให้ทีมเสมอในเวลา 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษออก แล้วก็เป็นวีแลนอีกครั้งที่ยิงให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 2-1 ก่อนที่เพชฌฆาตหน้าติดหนวด เอียน รัช จะมายิงปิดกล่อง 3-1 ในนาที 119 เถลิงแชมป์สมัยที่สอง และเป็นแชมป์สองปีติดต่อกัน แฮททริคแชมป์ และอำลาบ๊อบ เพลสลี่ย์ สมัยที่ 3 ฤดูกาล 1982-83 เป็นอีกครั้งที่ลิเวอร์พูลถูกยิงนำก่อนในนัดชิงชนะเลิศมิลล์ลีกคัพ โดยคราวนี้โดนคู่รักคู่แค้น อย่างทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ได้นอร์แมน ไวท์ไซด์ ทำประตูให้ผีแดงออกนำ 1-0 ในนาทีที่ 12 แต่อลัน เคนเนดี้ แบ็คซ้ายจอมบุกก็มาตีเสมอได้ในนาทีที่ 75 จนต้องต่อเวลาพิเศษออกไป ซึ่งก็เป็นรอนนี่ วีแลนอีกครั้งที่สวมบทฮีโร่ ซัดประตูชัยให้ชนะแมนยูไป 2-1 คว้าแชมป์ลีกคัพเป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน อันเป็นการอำลาบ๊อบ เพสลี่ย์ หนึ่งในตำนานผู้จัดการจากบู๊ทรูมสต๊าฟของลิเวอร์พูลอย่างยิ่งใหญ่อีกด้วย 4 ปี 4 แชมป์ติด !!! สมัยที่ 4 ฤดูกาล 1983-84 หลังจากได้แชมป์มาสามสมัยติดในยุคของบ๊อบ เพสลี่ย์ โจ เฟแกน ผู้จัดการทีมคนใหม่ผู้ต้องมาสานงานต่อเพื่อเป็นแชมป์ 4 สมัยติด แต่ต้องทำเมอร์ซีไซด์ดาร์บี้แมทช์ในนัดชิงกับเอฟเวอร์ตัน ซึ่งทำให้ต้องออกแรงเหนื่อยถึง 2 นัด หลังจากนัดชิงชนะเลิศนัดแรกเสมอกันไป 0-0 ก่อนที่อีก 3 วันถัดมาในวันที่ 28 มีนาคม 1984 กัปตันทีมหนวดหิน แกรม ซูเนส จะทำประตูโทนให้ลิเวอร์พูลปราบเอฟเวอร์ตัน พร้อมเถลิงบัลลังก์ลีกคัพ เป็นสมัยที่ 4 ติดด่อกันเป็นทีมแรกของเกาะอังกฤษ 10 ปีที่ห่างหาย สมัยที่ 5 ฤดูกาล 1994-95 หลังคว้าแชมป์ 4 สมัยติด ลิเวอร์พูลได้เข้าชิงอีกครั้งกับอาร์เซนอลในปี 1987 แต่พลาดท่าปืนโตด้วยฝีเท้าของชาร์ลี นิโคลัส ที่ยิงแซงให้อาร์เซนอลชนะลิเวอร์พูลไป 2-1 จนมาถึงฤดูกาล 1994-95 10 ปีที่ห่างหายจากแชมป์ลีกคัพ ลิเวอร์พูลก็ได้สตีฟ แม็คมานามาน ยิง 2 ประตูให้ลิเวอร์พูลเอาชนะโบลตัน ไปได้ 2-1 เป็นแชมป์ลีกคัพเป็นสมัยที่ 5 ในชื่อสมัยนั้นว่า โคคาโคล่าลีกคัพ และมีผู้จัดการคือ รอย อีแวนส์ ซึ่งถือว่าเป็นผู้จัดการทีมจากบู๊ทรูมสต๊าฟคนสุดท้ายของสโมสรที่คว้าแชมป์ลีกคัพได้ ปีมิลเลนเนียม ปีแห่ง 5 แชมป์ สมัยที่ 6 ฤดูกาล 2000-01 ฟุตบอลลีกคัพในชื่อ เวิร์ธธิงตันลีกคัพ นัดชิงชนะเลิศจัดขึ้นต้อนรับปี 2000 ที่สนามมิลเลนเนี่ยม เมืองคาดิฟฟ์ ประเทศเวลส์ เนื่องจากสนามเวมบลีย์ปิดปรับปรุง ซึ่งก่อนเกมส์แฟนๆ ลิเวอร์พูลคิดว่าน่าจะได้แชมป์ได้ไม่ยากเนื่องจากคู่ชิงเป็นทีมจากลีกดิวิชั่น 1 (หรือแชมเปี้ยนชิพในปัจจุบัน) อย่าง เบอร์มิงแฮมซิตี้ ซึ่งเดอะกีอด ร๊อบบี้ ฟาวเลอร์ก็ตอกย้ำให้มั่นใจเมื่อยิงให้หงส์แดงออกนำ 1-0 ในนาทีที่ 30 และน่าจะคว้าได้แชมป์แน่ๆ แล้ว ก่อนจะเสียจุดโทษ แล้วโดนเบอร์มิงแฮมยิงตีเสมอในนาทีสุดท้าย ต้องต่อเวลาพิเศษออกไป เกมส์ยืดยื้อจนถึงฎีกาด้วยการดวลจุดโทษ ซึ่งเป็นลิเวอร์พูลที่แม่นโทษ ชนะไปได้ 5-4 ประตู คว้าแชมป์ลีกคัพสมัยที่ 6 มาครองได้สำเร็จ ซึ่งในฤดูกาลนี้ เชราร์ อุลลิเยร์ พาลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ได้ถึง 5 แชมป์เลยทีเดียว (ชาริตี้ชิลด์ / ยูโรเปี้ยนซุปเปอร์คัพ / ลีกคัพ / เอฟเอคัพ / ยูฟ่าคัพ) สไปซ์บอยส์ผู้ฆ่าผีแดง สมัยที่ 7 ฤดูกาล 2002-03 2 ปีถัดมา ลิเวอร์พูลกลับมาที่มิลเลนเนียมอีกครั้ง ในนัดชิงเวิร์ธธิงตันลีกคัพ ที่ลิเวอร์พูลเปิดศึกแดงเดือดกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุคของเซอร์อเล็ก เฟอร์กูสัน ที่สร้างผีแดงได้อย่างเกรียงไกร ที่มีนักเตะอย่าง เดวิด เบ็คแฮม พอล สโคลส์ ไรอัน กิ๊ก รวมทั้ง รุด ฟานนิสเตอรอย ซึ่งในฤดูกาลดีเอโก้ ฟอร์ลัน กดสองลูกพายูไนเต็ดเฉือนลิเวอร์พูลถึงแอนฟิลด์มาแล้ว 2-1 แต่นัดในชิงนี้ลิเวอร์พูลได้ สตีเว่น เจอร์ราด กับ ไมเคิล โอเว่น ที่ช่วยกันทำคนละประตู ให้ลิเวอร์พูลชนะไปได้ด้วยสกอร์ 2-0 คว้าแชมป์สมัยที่ 7 ได้อย่างสมใจ รีเทิร์นออฟเดอะคิงส์ (เคนนี่) สมัยที่ 8 ฤดูกาล 2011-12 ลิเวอร์พูลได้พบกับคู่ชิงจากลีกแชมเปี้ยนชิพอีกครั้ง คือ คาร์ดิฟฟ์ทีมจากเวลส์ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะทีมคาร์ดิฟฟ์ออกนำลิเวอร์พูล 1-0 ก่อนที่มาร์ติน สเคอร์เทล ตีเสมอให้ลิเวอร์พูล 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไป ซึ่งในช่วงต่อเวลา เดิร์ก เคาท์ทำให้ลิเวอร์พูลออกนำออก 2-1 ในนาทีที่ 108 แต่อีกสองนาทีจะหมดเวลา เบน เทอร์เนอร์ ก็มาตีเสมอให้คาร์ดิฟฟ์ได้ต่อลมหายใจไปดวลจุดโทษกัน ในการดวลจุดโทษ แม้เจอร์ราด กับชาร์ลี อดัมส์ จะยิงไม่เข้า แต่เดิร์ก เคาท์ สจ๊วต ดาวน์นิ่ง และ เกล็น จอห์นสัน ก็ไม่พลาด พาทีมดวลจุดโทษชนะคาร์ดิฟฟ์ไปได้ 3-2 คว้าแชมป์คาร์ลิงลีกคัพ และเป็นการเฉลิมฉลองให้กับการกลับมาคุมทีมเป็นคำรบสองของคิงส์เคนนี่ เคนนี่ เดลกลิชอีกด้วย จุดโทษ 11-10 !!! สมัยที่ 9 ฤดูกาล 2021-22 มาถึงยุคของเจอร์เก้น คลอปป์ ในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลลีกคัพ ในชื่อคาราบาวคัพ หรือที่เราเรียกกันเล่นๆ ว่า "ถ้วยน้าแอ๊ด" ต้องโคจรมาพบกับสิงโตน้ำเงินครามเชลซี ทีมแกร่งจากลอนดอน ที่ก่อนเกมส์ลิเวอร์พูลถูกสั่นคลอนความเป็นเจ้าแห่งถ้วยลีกคัพจากเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ซิตี้ ที่คว้าแชมป์ 4 สมัยติด ตั้งแต่ปี 2018-2021 ทำให้สถิติครองแชมป์มาเท่ากันที่ 8 สมัย เลยทำให้เกมส์นี้เข้มข้นจนในเวลาปกติและช่วงต่อเวลาพิเศษทำอะไรกันไม่ได้เสมอกันไป 0-0 ต้องดวลจุดโทษตัดสิน ซึ่งคราวนี้ถือว่าเป็นการดวลจุดโทษกันอย่างมาราธอน และดวลกันครบทีม 11 คนเลยทีเดียว เมื่อประตูเสมอกันอยู่ที่ 10-10 เกปา อาร์ริซาบาลากา ผู้รักษาประตูของเชลซียิงเป็นคนที่ 11 ยิงเหินข้ามคานออกไป แล้วก็เป็น ควีวีน เคลเลเฮอร์ ผู้รักษาประตู น้องลูกหมีของลิเวอร์พูล ลุกขึ้นยิงปิดท้ายให้ลิเวอร์พูลชนะดวลจุดโทษ 11-10 ทำให้ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์เป็นสมัยที่ 9 แซงหน้าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ได้สำเร็จ ของขวัญแด่เจอร์เก้น คลอปป์ สมัยที่ 10 ฤดูกาล 2023-24 ลิเวอร์พูลโคจรมาพบกับคู่ปรับเก่าจากนัดชิงคาราบาวคัพฤดูกาล 2021-22 นั่นก็คือเชลซี ซึ่งนัดชิงปีนี้มีความพิเศษที่จะเป็นการส่งท้ายให้กับ เจอร์เก้น คลอปป์ ที่ประกาศจะอำลาทีมหลังจบฤดูกาล และนั่นทำให้เกมส์นี้ขับเคี่ยวเข้มข้นจนต้องต่อเวลาพิเศษอีกครั้ง และทำท่าว่าอาจจะต้องฉายหนังซ้ำนัดชิงคราวก่อนอยู่แล้ว แต่เป็น เวอร์จิล ฟานไดค์ ที่โหม่งลูกเตะมุมจากคอสตาส ซิมิกาส ในนาทีที่ 118 ส่งให้ลิเวอร์พูลเป็นแชมป์ลีกคัพ สมัยที่ 10 และเป็นถ้วยใบสุดท้ายให้เจอร์เก้น คลอปป์ และขยับหนีความเป็นเจ้าแห่งถ้วยลีกคัพต่อไป ขอขอบคุณกาพประกอบบทความจาก Facebook : Liverpool FC ภาพปก / 10 แชมป์ / สมัยที่ 1 / สมัยที่ 2 / สมัยที่ 3 / สมัยที่ 4 / สมัยที่ 5 สมัยที่ 6 / สมัยที่ 7 / สมัยที่ 8 / สมัยที่ 9 / สมัยที่ 10/1 / สมัยที่ 10/2 ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !