แม้จะไม่มีกองหน้าเพชรฆาตวัยร้อนอย่างเออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรสำหรับแมนซิตี้ แม้จะโดนลิเวอร์พูลนำไปก่อนในครึ่งแรก แต่สุดท้ายก็สามารถแซงชนะในช่วงครึ่งหลังไปได้ โดยลิเวอร์พูลขึ้นนำก่อนในเกมนี้จากจังหวะการทำเกมขึ้นบุกจากแนวรับ บอลหยอดโด่งจากเทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ มาถึงดิโอโก้ โจต้าได้สปีดหนีตัวประกบแต่ไม่มีจังหวะจะยิงเลยบังบอลแล้วสะกิดต่อให้โมฮาเหม็ด ซาลาห์ได้วิ่งเข้ามายิงอัดเต็มข้อเข้าประตูไปอย่างสวยงาม และแมนซิตี้ก็มาได้ประตูตีเสมอจากจังหวะทำเกมบุกต่อเนื่อง บอลมาถึงแจ็ค กรีลิช แล้วปาดบอลต่อให้ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ได้ชาร์จบอลจ่อๆเข้าไปอย่างง่ายดาย จบครึ่งแรก ทั้งสองทีมเสมอกันอยู่ที่ 1-1เริ่มในช่วงครึ่งหลังไม่กี่นาที แมนซิตี้ก็ได้ประตูขึ้นนำอย่างเร็ว จากจังหวะขึ้นเกมบุกของแมนซิตี้ แล้วเกิดช่องโหว่ในแนวรับของลิเวอร์พูล ทำให้ริยาห์ด มาห์เรซ เล่นได้ง่ายดายมาก จนเปิดบอลให้เควิน เดอ บรอยได้วิ่งเข้ามาชาร์จจ่อๆอีกแล้ว จนกระทั่งอีกประมาณ 6 นาทีต่อมาก็มาได้ประตูที่สามจากจังหวะต่อบอลในกรอบเขตโทษของแมนซิตี้ที่บอลไปถึงฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ได้ยิงแต่ก็ติดบล็อค จนบอลกระดอนมาถึงอิลคาย กุนโดกันได้ยิงซ้ำเข้าไปอีกที และมาได้ประตูปิดท้ายในเกมนี้จากจังหวะที่เควิน เดอ บรอย เล่นชิ่งบอลกับแจ็ค กรีลิช ได้วิ่งสลัดหนีตัวประกบแล้วเปิดช่องให้ส่งบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษ และเป็นกรีลิชที่วิ่งเข้ามายิงจ่อๆเข้าประตูไปอย่างง่ายดายอีกครั้ง และก็จบเกมนี้ เป็นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่สามารถเอาชนะลิเวอร์พูลไปได้ 4-1ทำให้สถานการณ์ตารางคะแนนล่าสุดตอนนี้แมนซิตี้เก็บแต้มเพิ่มเป็น 64 คะแนน ทำคะแนนไล่จี้จ่าฝูงอย่างอาร์เซนอลเหลือแต้มห่างเพียง 5 แต้มเท่านั้น ส่วนลิเวอร์พูลอยู่อันดับที่ 6 ตามเดิม มี 42 คะแนน คะแนนห่างจากอันดับ 4 ที่มีลุ้นไปเล่นยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีกอยู่ 7 คะแนน สถานการณ์ยังคงเปิดกว้างและให้มีลุ้นอยู่เสมอหลังจากยังเหลือเกมอยู่ 10 เกมเป็นอย่างต่ำเมื่อมองดูภาพรวมของเกมนี้ก็ต้องยอมรับก่อนเลยว่า "ห่างชั้นกันอย่างสิ้นเชิง" หากเป็นเมื่อก่อนที่ลิเวอร์พูลในวันที่ฟอร์มสดใสร้อนแรง คลาสบอลของทีมที่ดูดุดันไม่เกรงใจใครในหลายๆตำแหน่งกลับไม่มีเหลือเค้าเดิมเลยในเกมนี้ และปล่อยให้เล่นเหมือนไม่มีกำลังใจจะสู้ต่อ ปล่อยให้ผู้เล่นของแมนซิตี้ได้โชว์ศักยภาพ โชว์สกิลการต่อบอลแบบง่ายๆ เหมือนบอลมัธยมเจอกับบอลมืออาชีพ ซึ่งก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่าลิเวอร์พูลจะกลายเป็นแบบนี้ได้ จริงๆเมื่อมองดูจุดต่างๆที่น่าติก็มีเยอะไปหมด ทั้งกองกลางที่ไม่สามารถคุมเกมได้เลยในหลายๆจังหวะ กองหลังที่ดูหละหลวมไปหมด ไม่ยอมเข้าสกัดหรือกดดันคู่แข่งให้เก้ๆกังๆ หรือแม้แต่แผงแนวรุกที่ไม่อยู่ในฟอร์มที่สมบูรณ์เลยแม้แต่คนเดียว กระทั่งความกดดันทั้งหมดของทีมและจากแฟนบอลนั้น ไปยัดใส่ไว้ในโมฮาเหม็ด ซาลาห์คนเดียว ทำให้วันนี้เขาก็เล่นไม่ออกไปเลยหลังจากที่ยิงประตูได้ ส่วนทางฝั่งก็แมนซิตี้นั้นก็สามารถคลายความกดดันไปได้ในช่วงที่โดนนำห่างของช่องว่างคะแนนไป 8 คะแนน แถมยังมีความกังวลเรื่องของการขาดทั้งเออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ และฟิล โฟเด้นที่ฟอร์มกำลังดีอยู่ด้วย ก็ต้องชมเป๊ป กวาร์ดิโอล่าที่ปรับแผนและใช้นักเตะที่มีอยู่ในทีมได้คุ้มค่าและส่งผลในทางบวกให้กับทีมในตอนนี้ที่ต้องเร่งไล่จี้จ่าฝูงเพื่อป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีกต่อไปในฤดูกาลหน้า หากลิเวอร์พูลยังคงอยู่ภายใต้การคุมทีมของเจอร์เกน คล็อปป์เหมือนเดิม บอร์ดบริหารต้องพยายามช่วยซัพพอร์ตให้กับคล็อปป์อย่างมาก เพราะเห็นชัดแล้วในฤดูกาลนี้ว่า จะพึ่งพาแต่นักเตะชุดเดิมๆต่อไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ต้องมีการเปลี่ยนถ่ายและเสริมเข้ามาอย่างจริงๆจังๆมากกว่าเดิม ไม่เขว ไม่เละเทะแบบในฤดูกาลนี้ ไม่อย่างงั้น ลิเวอร์พูลอาจจะต้องไปลุ้นแบบนี้เหมือนเดิมเรื่อยๆและวนเวียนในการลุ้นพื้นที่เล่นเกมยุโรปแบบเมื่อก่อนนี้ต่อไปขอขอบคุณภาพประกอบบทความภาพที่ 1 จาก Facebook Manchester Cityภาพที่ 2 จาก Facebook Manchester Cityภาพที่ 3 จาก Facebook Liverpool FCภาพที่ 4 จาก Facebook Liverpool FCภาพปกประกอบบทความ จาก Facebook Manchester CityCommunity ฟุตบอล ถกประเด็นร้อนฟุตบอลทุกลีก ใครตัวเต็ง ใครฟอร์มตก ต้องเคลียร์