Europa League รอบลีกเฟส นัดที่ 1 แข่งครบแล้วทุกทีม เราส่องผลงาน 2 ทีมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คือ สเปอร์ส กับ แมนยู ที่ลงล่าแชมป์รายการนี้กันว่า แต่ละทีมผลงานเป็นอย่างไร แมนยู สำหรับคู่แข่งที่ แมนยู ต้องต่อกรด้วย 8 ทีมในรอบลีกเฟส มีดังนี้ ทเวนเต้ (เหย้า) 25 กันยายน 2024 ปอร์โต้ (เยือน) 3 ตุลาคม 2024 เฟเนร์บาห์เช่ (เยือน) 24 ตุลาคม 2024 พีเอโอเค (เหย้า) 7 พฤศจิกายน 2024 โบโด กลิมท์ (เหย้า) 28 พฤศจิกายน 2024 วิคตอเรีย พัลเซ่น (เยือน) 12 ธันวาคม 2024 กลาสโกว์ เรนเจอร์ส (เหย้า) 23 มกราคม 2025 สเตอัว บูคาเรสต์ (เยือน) 30 มกราคม 2025 ซึ่งในนัดแรก แมนยู เปิดสนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ดต้อนรับการมาเยือนของ ทเวนเต้ จากเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นทีมเก่าที่ อีริก เทน ฮาก เคยปั้นมาก่อนที่จะมาคุมทัพผีแดง โดยเกมนี้ เทน ฮาก ส่งตัวรุกลงถึง 5 ตัว ทั้ง คริสเตียน อีริคเซ่น, บรูโน เฟอร์นันเดส, อามาด ดียาโล, มาร์คัส แรชฟอร์ด และ โจชัว ซีร์กเซ่ หวังประเดิม 3 แต้มแรกในบ้าน รูปเกมแมนยู ทำได้ดีกว่าครองบอลได้มากกว่า มีโอกาสยิงมากกว่า ขึ้นนำก่อนในนททีที่ 34 จากอีริคเซ่น แต่ทีมเยือนตีเสมอได้ในนาทีที่ 67 จากแซม แลมเมอร์ส ที่ฉกบอลจากอีริคเซ่น เข้าไปยิงยัดเสาแรกเป็นประตูตีเสมอให้ทีมเยือน หลังถูกตีเสมอเจ้าบ้านพยายามบุกหนักแต่ก็ไม่สามารถยิงผ่านมือ ลาร์ส อุนเนอร์ชตัล นายทวารทีมเยือนเข้าประตูได้ จบเกมแบ่งแต้มกันไปคนละแต้ม เป็นที่น่าผิดหวังของแมนยู ที่พลาดถูกตีเสมอเพราะขาดความเด็ดขาด ไม่ยอดตัดเกมจังหวะที่ บาร์ต ฟาน รอยจ์ กองหลังทเวนเต้ ที่กระชากบอลจากแดนหลังทะลวงฝั่งซ้ายผ่านผู้เล่นของเจ้าบ้านถึง 5 คน จนถึงพิ้นที่อันตราย อูการ์เตต้องข้ามฝั่งมาเสียบสกัดบอลมาเข้าเท้าอีริคเซ่นที่พยายามพลิกบอล แต่ดันพลิกไปเข้าทางแลมเมอร์ส เลยถูกแลมเมอร์สฉกบอลเข้าไปยิงยัดเสาแรกเป็นประตูตีเสมอให้ทีมเยือน การที่เสีย 2 แต้มจากการเล่นในบ้านกับทีมที่ชื่อชั้นเป็นรองนี้อาจจะส่งผลถึงการผ่านเข้ารอบต่อไปของแมนยูก็เป็นได้ สเปอร์ส สำหรับคู่แข่งที่ สเปอร์ส ต้องต่อกรด้วย 8 ทีมในรอบลีกเฟส มีดังนี้ คาราบัค (เหย้า) 26 กันยายน 2024 เฟเรนซ์วารอส (เยือน) 3 ตุลาคม 2024 อาเซ อัลค์มาร์ (เหย้า) 24 ตุลาคม 2024 กาลาตาซาราย (เยือน) 7 พฤศจิกายน 2024 โรม่า (เหย้า) 28 พฤศจิกายน 2024 เรนเจอร์ส (เยือน) 12 ธันวาคม 2024 เอลฟ์บอร์ก (เหย้า) 30 มกราคม 2025 ฮอฟเฟ่นไฮม์ (เยือน) 23 มกราคม 2025 ในเกมนัดแรกรับการมาเยือนของ คาราบัค ซึ่งชื่อชั้นเป็นรองเจ้าบ้านหลายขุม แต่เมื่อ ราดู ดรากูชิน CB เจ้าบ้านโดนใบแดงตั้งแต่ต้นเกม ทำให้รูปเกมกลับมาสูสีกันมากขึ้น แต่ก็เป็นฝ่ายเจ้าบ้านที่ครองเกมได้มากกว่า และมีประสิทธิภาพในการทำประตูมากกว่า เป็นฝ่ายชนะไป 3-0 จากการทำประตูของ เบรนแนน จอห์นสัน นาทีที่ 12 ปาป ซาร์ นาทีที่ 52 และ โดมินิก โชลังเก ปิดท้ายในนาทีที่ 68 ที่ต้องชมอีกคนหนึ่งก็คือ กูเยลโม วิคาริโอ ที่เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมนี้ ประกอบกับ คาราบัค ที่ไม่คมขนาดจุดโทษยังยิงไม่เข้า ทำให้เกมนี้เจ้าบ้านคว้า 3 แต้มเต็มไว้ได้ แม้เหลือผู้เล่นเพียง 10 คนตั้งแต่นาทีที่ 8 ก็ตาม ด้วยแข่งขันรูปแบบใหม่ในระบบลีก จาก 36 ทีม โดยทีมที่จบอันดับ 1-8 เข้ารอบต่อไปทันที ทีมที่ได้อันดับ 9-24 เพลย์ออฟกันเอง แข่งแบบเหย้า-เยือน (อันดับ 9-16 ได้เล่นในบ้านนัดที่สอง) และทีมที่จบอันดับ 25-36 ตกรอบทันทีจากฟุตบอลยุโรปทุกรายการ ไม่มีการหล่นไปเล่นยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก ทำให้ทุกคะแนนที่ควรได้สำคัญกับการเข้ารอบ ถ้าจบอันดับ 1-8 เข้ารอบต่อไปทันที แต่ถ้าจบอันดับ 9-24 ต้องเพลย์ออฟกันเอง แบบเหย้า-เยือน ก็จะทำให้มีเกมที่ทีมต้องลงเล่นเพิ่มมากขึ้นซึ่งอาจจะส่งผลต่อการแข่งขันในฤดูการที่เหลือด้วย การทำแต้มหลุดมือแบบแมนยู อาจจะส่งผลเสียกับทีมในที่สุดก็เป็นได้ เครดิตภาพ europaleague : ภาพปก/ ภาพประกอบ 1/ ภาพประกอบ 5/ ภาพประกอบ 10 manchesterunited : ภาพประกอบ 2/ ภาพประกอบ 3 fctwente : ภาพประกอบ 4 spursofficial : ภาพประกอบ 6/ ภาพประกอบ 7/ ภาพประกอบ 8 guglielmovicario : ภาพประกอบ 9 Community ฟุตบอล ถกประเด็นร้อนฟุตบอลทุกลีก ใครตัวเต็ง ใครฟอร์มตก ต้องเคลียร์