ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ในที่สุดก็ได้ผู้ที่เข้าสู่รอบชิงเป็นทีมแรกเรียบร้อยแล้ว เป็นทางด้านของทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล ที่ผ่านบียาร์เรอัลเข้ารอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จไปรอผู้ชนะระหว่าง เรอัล มาดริค และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่จะเตะในคืนวันพุธ เริ่มเกมมา เป็นทางเจ้าบ้านอย่าง บียาร์เรอัล ที่บุกกดดันใส่ทีมผู้มาเยือน ลิเวอร์พูล จนได้ประตูตั้งแต่ต้นเกมในนาทีที่ 3 ของการแข่งขัน จาก บูลาย ดิยา ทำให้พวกเขาเหมือนมีแรงกระตุ้นมากยิ่งขึ้นในช่วงเวลาที่เหลือ จนในที่สุดก็มาได้ประตูที่สอง จากจังหวะที่ เอเตียง กาปู เปิดบอลทางเข้าเขตโทษให้ ฟร็องซิส โกเกอแล็ง โหม่งเข้าประตูไป ช่วยให้เจ้าบ้านหนีห่างเป็น 2-0 ก่อนหมดเวลาครึ่งแรก เหมือนโมเมนตัมตอนนี้จะเทมาทางฝั่งเจ้าบ้านหมดแล้ว ครึ่งหลังเป็นเหมือนหนังคนละม้วน เมื่อเป็นทางฝั่งลิเวอร์พูลที่บุกข้าใส่กดดันบ้าง จนมาได้ประตูแรกในนาทีที่ 62 จากลูกยิงของฟาบินโญ่ และอีก 5 นาทีต่อมาลิเวอร์พูลก็มาได้ประตูตีเสมอ 2 ประตูต่อ 2 จากจังหวะโหม่งของหลุยส์ ดิอาส บียาร์เรอัลพยายามบุกเอาคืนจนมาโดนจังหวะสวนกลับมาจาก ซาดิโอ มาเน หลุดไปแตะหลบ เคโรนิโม รูญี และ ฮวน ฟอยธ์ พร้อมกับยิงประตูเข้าไป ขึ้นนำ 3 ประตูต่อ 2 สถานการณ์ของทางเจ้าบ้านก็แย่ลงเข้าไปใหญ่เมื่อพวกเขาต้องมาเหลือผู้เล่น 10 คน จากการที่ เอเตียง กาปู โดนใบแดง และจบลงด้วยสกอร์นี้บทสรุป ลิเวอร์พูลผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จด้วยสกอร์รวม 5 ประตูต่อ 2 เข้าไปรอพบผู้ชนะจากอีกคู่ระหว่าง เรอัลมาดริค กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พูดคุยหลังเกมลิเวอร์พูลทำได้ดีกว่าและเหมาะสมจะเป็นผู้ชนะในรอบนี้ ในตอนแรกดูเหมือนว่าบียาร์เรอัลจะกลับมาได้จากการที่สามารถกลับมาตีเสมอในสกอร์รวมได้สำเร็จในครึ่งเวลาแรก แต่แล้ว เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็โชว์การแก้เกมที่ยอดเยี่ยมพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่าเขาเป็นหนึ่งในสุดยอดโค้ชอย่างแท้จริง จนพาลิเวอร์พูลกลับมาขึ้นนำในเกมได้ แต่ว่านี่ก็เป็นเส้นทางที่มาไกลมากของทีม เรือดำน้ำสีเหลือง บียาร์เรอัล ที่สามารถทะลุเข้ามาถึงในรอบ 4 ทีมสุดท้าย พวกเขาสามารถผ่านทั้ง ยูเวนตุส ยอดทีมจากอิตาลี และ บาเยิร์น มิวนิค แชมป์บุนเดสลีกาสิบสมัยติดต่อกัน ไม่ใช่เรื่องน่าอายเลยที่มาแพ้ในรอบนี้ ภาพบรรยากาศที่แฟนบอลปรบมือให้หลังจากจบเกมเป็นสิ่งที่บ่งบอกแล้วว่าทีมของพวกเขาทำได้ดีแล้ว หลังจากนี้ก็ต้องมาดูต่อกันว่าคู่ชิง ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกในปีนี้ จะเป็นอีกครั้งที่ทีมจากประเทศอังกฤษเข้าชิงกันเอง หรือว่า จะเป็นการแย่งชิงแชมป์ สมัยที่ 14 กับ สมัยที่ 7 ระหว่าง เรอัลมาดริค กับ ลิเวอร์พูล https://twitter.com/VillarrealCF/status/1521607887231062018ขอบคุณรูปภาพและวีดีโอจาก Twitter Official : Uefa Champions League, Liverpool, Villarreal CF ที่มาของข้อมูล : ข้อมูล 1 เครดิตภาพปก : ภาพที่ 1, ภาพที่ 2 เครดิตรูปภาพประกอบ : ภาพที่1, ภาพที่2, ภาพที่3, ภาพที่4ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !