5 อดีตนักฟุตบอลดาวรุ่งพุ่งไปไม่ถึงฝัน ในโลกฟุตบอลที่มีนักเตะชื่อดังระดับโลกมากมาย บางคนกว่าจะสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองได้ ก็เมื่อถึงช่วงพีคของการค้าแข้งในวัย 25 ปีขึ้นไป แต่ก็มีนักเตะหลายคนที่สามารถสร้างชื่อให้ตัวเองได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ถูกเรียกว่าเป็น Wonder Kids แห่งวงการลูกหนังที่ใครต่างจับตามอง แต่จะมีนักเตะดาวรุ่งสักกี่คน ที่สามารถฝ่าด่านความกดดัน ชื่อเสียงเงินทองที่หลั่งไหลเข้ามาตั้งแต่อายุน้อย ก้าวขึ้นมาเป็นซุปเปอร์สตาร์ของเกมฟุตบอลยืนระยะได้ยาวนานจริงๆ ธีโอ วัลค็อตต์ (Theo Walcott ) นักเตะชาวอังกฤษ ที่สร้างความประหลาดใจให้ใครหลายคนในปี 2006 ด้วยการถูกเรียกตัวติดทีมชาติชุดลุยฟุตบอลโลกที่เยอรมัน จากผู้จัดการทีม สเวน โกรัน อีริคส์สัน ใครๆต่างตั้งข้อสงสัยว่าเขาเห็นอะไรในตัวเด็กหนุ่มคนนี้ ที่อายุเพียง 17 ปี และเพิ่งขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ของอาร์เซน่อล ธีโอ วัลค็อตต์ เป็นเด็กฝึกหัดในอะคาเดมี่ของทีมนักบุญเซาแธมป์ตัน โดยทำสถิติลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ด้วยวัย 16 ปี 143 วัน ก่อนที่ทีมไอ้ปืนใหญ่อาร์เซน่อลจะดึงตัวมาร่วมทีมในปี 2005 ด้วยค่าตัว 5 ล้านปอนด์บวกออปชั่นพิเศษ ในตอนนั้นชื่อของ ธีโอ วัลคอตต์ กลายเป็นที่พูดถึงว่า นักเตะดาวรุ่งคนนี้ในอนาคตจะต้องกลายเป็นนักเตะระดับโลก ยิ่งกับการอยู่ในความดูแลของกุนซืออย่าง อาร์แซน เวนเกอร์ ที่สร้างนักเตะชื่อดังมามากมาย จนหลายคนคาดว่าเข้าจะกลายเป็น นิวอองรี ในถิ่นไฮบิวรี่ (สนามเหย้าเดิมของอาร์เซน่อล) แต่แล้วตลอดเวลาที่เขาอยู่กับทีมไอ้ปืนใหญ่ แม้จะมีหลายช่วงเวลาที่สามารถโชว์ผลงานได้ดี แต่เจ้าตัวกลับไม่สามารถยืนระยะเป็นตัวจริงในทีมได้ เพราะหากเจ้าตัวโชว์ฟอร์มดีเมื่อไหร่ ก็มักจะมีอาการบาดเจ็บเข้าแทรก ทำให้ไม่สามารถลงเล่นได้อย่างสม่ำเสมอ ตลอดระยะเวลา 12 ปีที่อยู่กับอาร์เซน่อล 270 นัด เจ้าตัวสามารถทำประตูไปได้ 65 ประตู แม้จะเป็นผลงานที่ไม่ถึงกับย่ำแย่ แต่ภาพจำของแฟนบอลโดยทั่วไปยังคงมองว่า เขาไม่สามารถก้าวข้ามความเป็น”ดาวรุ่ง”ของตัวเองได้ เพราะไม่ว่าจะผลงาน ฝีเท้า สไตล์การเล่นของเขา ไม่ว่าจะตอนนี้หรือเมื่อ 12-13 ปีที่แล้ว ก็ยังเล่นได้เหมือนเมื่อตอนยังเป็นดาวรุ่งอยู่เสมอ ในทีสุดอาร์เซน่อลก็ตัดสินใจปล่อยให้เขา ย้ายมาเล่นกับทีมเอฟเวอร์ตันในปี 2018 ขอบคุณเครดิตรูปภาพจาก : Ronnie Macdonald ภายใต้การอนุญาต CC BY 2.0 Link : ที่มา อองโตนี่ เลอตัลเล็ก (Anthony Le Tallec) นักเตะชาวฝรั่งเศสอดีตศูนย์หน้าของทีมหงส์แดงลิเวอร์พูล เจ้าของฉายาที่สื่อกีฬาตั้งให้ว่าเป็น นิวซีดาน หลังจากเจ้าตัวและคู่หูอย่าง ฟลอร็องต์ ซินาม่า ปงโกลล์ จากทีมเลอ อาฟร์ ในลีกฝรั่งเศส พาทีมชาติฝรั่งเศสชุดอายุไม่เกิน 17 ปีคว้าแชมป์โลก พ่วงด้วยตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมของทัวร์นาเม้น ก่อนที่ทีมหงส์แดงจะคว้าตัวทั้งคู่เข้าสู่สโมสร ในสองฤดูกาลแรกพวกเขาถูกปล่อยให้เลอ อาฟร์ สโมสรเดิมยืมตัวใช้งานไปก่อน จนกระทั้งปี 2003 อองโตนี่ เลอตัลเล็กและฟลอร็องต์ ซินาม่า ปงโกลล์ ก็ได้ย้ายมาสวมเครื่องแบบหงส์แดงอย่างเป็นทางการ แต่ตลอดระยะเวลาของสัญญากับทีมลิเวอร์พูล ตั้งแต่ปี 2001-2008 เจ้าตัวลงเล่นให้กับทีมหงส์แดงไปเพียง 17 นัด และไม่สามารถทำประตูได้แม้แต่ลูกเดียว หากเทียบผลงานของเขากับคู่หูที่ย้ายมาพร้อมกัน ฟลอร็องต์ ซินาม่า ปงโกลล์ ยังดูมีภาษีดีกว่าด้วยซ้ำ จากการลงสนามไป 38 นัด ปงโกลล์ ยังสามารถทำได้ 4 ประตู เลอตัลเล็ก กลายเป็นเพียงนักเตะที่ถูกปล่อยให้ทีมอื่นยืมตัวไปเรื่อยๆ จนกระทั่งหมดสัญญาในปี 2008 เขากลายเป็นนักเตะจอมพเนจร ตระเวนค้าแข้งหลายสโมสรในฝรั่งเศสจนถึงปัจจุบัน กลายสภาพจากนักเตะ ฉายานิวซีดาน ดาวรุ่งที่น่าจับตามองคนหนึ่งในโลกฟุตบอลขณะนั้น ที่ภาพจำของแฟนบอลทั่วไปคงเหลือเพียงว่า เขาเป็นนักเตะดาวรุ่งคู่หูกับ ฟลอร็องต์ ซินาม่า ปงโกลล์ ที่ย้ายมาหงส์แดงแบบแพ็คคู่เท่านั้นเองขอบคุณเครดิตรูปภาพจาก : Maley ภายใต้การอนุญาต CC BY 2.0 Link : ที่มา ฮาเวียร์ ซาวิโอล่า (Javier Saviola) ศูนย์หน้าชาวอาร์เจนไตน์ ที่สมัยยังเป็นดาวรุ่งเจ้าตัวได้รับการคาดหมายว่า จะกลายเป็นนักเตะซุปเปอร์สตาร์ระดับโลก ในปี 2001 เขาและเพื่อนร่วมทีมสามารถพาทีมชาติอาร์เจนติน่าชุดอายุไม่เกิน 21 ปี (ภายหลังรายการเปลี่ยนมาเป็นชุด U-20)คว้าแชมป์โลกได้แบบ Out Class แทบไม่มีทีมไหนในทัวร์นาเม้นท์ต่อกรได้ แถมเจ้าตัวยังคว้ารางวัลรองเท้าทองคำไปด้วยจำนวน 11 ประตู และคว้ารางวัลโกลเด้น บอล นักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเม้นท์ได้อีกด้วย ทำให้ทีมใหญ่อย่างเจ้าบุญทุ่มบาร์เซโลน่าไม่รีรอที่จะคว้าตัวมาร่วมทีม แต่ตลอดระยะเวลาที่อยู่กับทีมเจ้าบุญทุ่ม เจ้าตัวกลับไม่สามารถทำผลงานได้อย่างที่สโมสรคาดหวังไว้ ทำให้ตกเป็นตัวสำรองหรือไม่ก็ถูกปล่อยยืมตัวเป็นส่วนใหญ่ หลังจากหมดสัญญากับทีมเจ้าบุญทุ่มแล้ว นักเตะเจ้าของฉายา”เจ้ากระต่ายน้อย”ตัดสินใจเซ็นสัญญา 3 ปีย้ายข้ามฝากมาอยู่กับทีมราชันชุดขาว เรอัล มาดริด คู่ปรับตลอดกาลของบาร์เซโลน่า ทว่าตลอดระยะเวลา 3 ปีเขาลงสนามไปเพียงแค่ 17 นัดและซัดได้เพียง 4 ประตูเท่านั้น หลังจากหมดสัญญากับทีมชุดขาวแล้ว ซาวิโอล่า ตระเวนค้าแข่งไปอีกหลายสโมสร ที่ดูจะปักหลักค้าแข้งได้นานเห็นจะเป็น "เหยี่ยวลิสบอน" เบนฟิก้าสโมสรชั้นนำในลีกโปรตุเกส ก่อนตัดสินใจกลับบ้านเกิดไปแขวนสตั๊ดกับริเวอร์เพลทในปี 2016 ปิดตำนานเจ้าของฉายา”เจ้ากระต่ายน้อย” ขอบคุณเครดิตรูปภาพจาก : José Goulão/LUSA - El Conejo ภายใต้การอนุญาต CC BY-SA 2.0 Link : ที่มา ริคาร์โด้ กวาเรสม่า (Ricardo Quaresma) สิงห์ไซด์ก้อยนักเตะชาวโปรตุเกส ครั้งหนึ่งเขาเคยได้รับการคาดหมายว่า จะก้าวขึ้นมาทดแทนรุ่นพี่ตำนานทีมชาติอย่าง หลุยส์ ฟิโก้ ในตำแหน่งปีกขวา เจ้าตัวแจ้งเกิดกับทีมสปอร์ติงลิสบอนในโปรตุเกส รุ่นราวคราวเดียวกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก่อนย้ายไปร่วมทีมบาร์เซโลน่าในปี 2003 เพื่อสานต่อความสำเร็จของ หลุยส์ ฟิโก้ ที่ตัดสินใจย้ายข้ามฟากไปร่วมทีมราชันชุดขาว คู่ปรับตลอดกาลของบาร์เซโลน่าในปี 2000 แต่ กวาเรสม่า กลับไม่สามารถปรับตัวในสภาพแวดล้อมใหม่ได้ จนมีปัญหาฟอร์มการเล่นทำให้อยู่กับทีมเจ้าบุญทุ่มได้เพียง 2 ปี ก็ตัดสินใจย้ายกลับโปรตุเกสมาอยู่กับทีมปอร์โต้แทน เมื่อได้กลับมาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย กวาเรสม่าสามารถกลับมาเล่นได้ดีอีกครั้ง แถมคราวนี้ยังสร้างความฮือฮาด้วยการขยันโชว์ทักษะเล่นลูกเล่นปั่นไซด์ก้อย จนกลายเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าตัวไปโดยปริยาย ทำให้ทีมอินเตอร์ มิลาน ในยุค โชเซ่ มูริญโญ่ นึกอยากลองของขึ้นมา ตัดสินใจซื้อเจ้าตัวมาร่วมทีม แต่ก็เป็นอีกครั้งที่ กวาเรสม่า ไม่สามารถพิสูจน์ตัวเองกับทีมใหญ่ได้ เขากลายเป็นนักเตะตัวยืมกับเชลซีที่ลงเล่นเพียงแค่ 4 นัด ก่อนกลายเป็นเพียงนักเตะจอมพเนจร ที่ใครๆต่างจดจำเขาในฐานะนักเตะจอมปั่นไซด์ก้อยเท่านั้น ขอบคุณเครดิตรูปภาพจาก : Ludovic Péron ภายใต้การอนุญาต CC BY-SA 3.0 Link : ที่มา เดนิลสัน (Denílson) นักเตะชาวบราซิลอดีตเจ้าของค่าตัวสถิติโลก ในปี 1998 หลังจากย้ายมาอยู่กับเรอัล เบติส ในลีกสเปนด้วยค่าตัว 21.5 ล้านปอนด์ เดนิลสัน แจ้งเกิดกับสโมสรเซาเปาโลในบ้านเกิด โดยลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ในวัย 17 ปี และเป็นที่จับตามองในฟุตบอลโลกปี 1998 แต่หลังจากย้ายมาเล่นในยุโรปเจ้าตัวมีปัญหาในการปรับตัว ในฤดูการแรกแม้จะได้ลงเล่นไปถึง 35 เกมแต่ก็ทำไปเพียง 2 ประตูเท่านั้น จนต้นสังกัดตัดสินใจปล่อยตัวยืม กลับไปยังบราซิลกับทีมฟลาเมงโก้ในปี 2000 ทว่าหลังจากกลับมาสู่ทีมเรอัล เบติส อีกครั้ง เจ้าตัวก็ยังไม่สามารถโชว์ฟอร์มได้สมกับค่าตัวสถิติโลก และดูเหมือนว่าการที่ทีมไม่มีเขามันจะเป็นผลดีมากกว่า เมื่อฤดูกาล 2004-2005 ฤดูกาลสุดท้ายของเจ้าตัวกับทีม เรอัล เบติส สามารถจบอันดับที่ 4 ในลีกคว้าโควต้าไปเล่นรายการยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกได้ แต่เจ้าตัวออกสตาร์ทเป็นตัวจริงแค่เพียง 3 เกมและลงเล่นไปเพียง 290 นาทีเท่านั้น หลังจากนั้นเขาก็กลายเป็นนักเตะจอมพเนจร เคยย้ายมาเล่นกระทั่งลีกเวียดนามกับทีมไฮ ฟง ซีเมนต์ ในวัย 31 ปีเท่านั้น แต่ก็ลงสนามแค่เพียงครึ่งเกม(ย้ำว่าครึ่งเกม)ก่อนมีอาการบาดเจ็บและขออำลาทีมหลังจากเล่นไปได้เพียง 45 นาที ก่อนเขาจะมาแขวนสตั๊ดกับทีม Kavala F.C. ในลีกกรีซ โดยเจ้าตัวไม่เคยลงสนามให้กับทีมเลยสักนัดเดียว ขอบคุณเครดิตรูปภาพจาก : Thiago Souza ภายใต้การอนุญาต CC BY-SA 3.0 Link : ที่มา สาเหตุที่ผมเลือกรายชื่อนี้มา เนื่องจากนักเตะทั้ง 5 คนต่างประสบความสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอัน สามารถจับต้องได้ในช่วงอายุน้อยจริงๆ มีศักยภาพ มีโอกาสได้ย้ายไปพิสูจน์ตัวเองกับทีมยักษ์ใหญ่ จากทั้งหมด 5 รายชื่อนี้จะสังเกตได้อย่างหนึ่งว่า นักเตะเหล่านี้ล้วนย้ายทีมตั้งแต่อายุยังน้อยและไม่สามารถปรับตัวได้ ยิ่งกับนักเตะอเมริกาใต้ด้วยแล้ว มีนักเตะดาวรุ่งหลายรายมากกว่าใน 5 รายชื่อนี้ด้วยซ้ำ ที่มีฝีเท้าในระดับสามารถก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะแถวหน้าระดับโลกได้ อย่างเช่น อันเดรส ดาเลสซานโดร นักเตะอาร์เจนไตน์รุ่นเดียวกับซาวิโอล่า หรือคนที่ได้รับการคาดหมายว่าเป็น นิวเปเล่ อย่าง โรบินโญ่ แม้นักเตะทั้งสองคนนี้อาจไม่ถึงกับล้มเหลว แต่พวกเขาก็ไม่สามารถก้าวไปถึงศักยภาพสูงสุดของตัวเองได้ ในอาชีพนักฟุตบอลที่อายุการค้าแข่งสั้นแบบนี้ จังหวะกับโอกาสจึงเป็นเรื่องสำคัญ หากมันไม่ลงตัวทั้งสองอย่างแล้วล่ะก็ ชีวิตการค้าแข้งของนักฟุตบอลสักคนหนึ่ง ก็อาจไม่สามารถไปถึงฝั่งฝันได้สำเร็จ ขอบคุณเครดิตรูปภาพหน้าปกจาก : https://pixabay.com/ โดย danielkirsch Link : ที่มา เขียนโดยแอดมิน เพจ ปีนรั้วดูหนัง