รีเซต
อิตาลี บู๊ อังกฤษ กับ 20 สถิติที่คุณอาจยังไม่รู้ก่อนเกมนัดชิงยูโร 2020

อิตาลี บู๊ อังกฤษ กับ 20 สถิติที่คุณอาจยังไม่รู้ก่อนเกมนัดชิงยูโร 2020

อิตาลี บู๊ อังกฤษ กับ 20 สถิติที่คุณอาจยังไม่รู้ก่อนเกมนัดชิงยูโร 2020
KiTTiSaK
11 กรกฎาคม 2564 ( 05:30 )
1.5K
1

อุ่นเครื่องกันก่อนเกมเดิมพันแชมป์ยูโร 2020 ระหว่าง “อิตาลี VS อังกฤษ” คืนนี้ ตีสอง ด้วย 20 สถิติที่น่าสนใจ ซึ่งคุณอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อน 

 

คืนนี้ อาทิตย์ที่ 11 กรกฏาคม วงการฟุตบอลทั่วโลกต้องจับจ้องไปที่สนามเวมบลีย์ ซึ่งเป็นสังเวียนแข้งของศึก ยูโร 2020 นัดชิงชนะเลิศ ระหว่าง "อัซซูรี่" ทีมชาติอิตาลี ปะทะ "สิงโตคำราม" ทีมชาติอังกฤษ ถ่ายทอดสดทาง NBT2 HD , True Sports HD 3 ซึ่งก่อนจะไปติดตามชมเกมเดิมพันแชมป์ยุโรปครั้งนี้ เรามาอุ่นเครื่องกันด้วยสารพัดข้อมูลและสถิติที่น่าสนใจเป็นการเรียกน้ำย่อยกันก่อน

1. อิตาลีเคยได้สัมผัสแชมป์ยูโรมาแล้ว 1 สมัย ในปี 1968 หรือเมื่อ 53 ปีมาแล้ว ซึ่งหลังจากนั้น ทีมอัซซูรี่ได้เข้าชิงอีก 2 ครั้ง แต่อกหักทั้งหมด ได้แก่ศึกยูโร 2000 ซึ่งแพ้ ฝรั่งเศส 1-2 จากลูกยิงโกลเด้นโกลของ ดาวิด เทรเซเก้ต์ จากนั้นพ่ายยับต่อ สเปน 0-4 ในนัดชิงยูโร 2012

2. อังกฤษยังไม่เคยได้สัมผัสแชมป์ฟุตบอลยูโรเลยแม้แต่ครั้งเดียว และเกมนี้ถือเป็นเกมนัดชิงชนะเลิศในฟุตบอลรายการเมเจอร์ครั้งแรกในรอบ 55 ปีของทัพนักเตะผู้ดี หลังจากได้เข้าชิงครั้งสุดท้ายในศึกฟุตบอลโลก 1966 และอังกฤษก็ได้แชมป์โลกไปครองในปีนั้น

3. อังกฤษ และ อิตาลี เจอกันมาแล้วทั้งสิ้น 27 นัดในทุกรายการ ปรากฏว่า อิตาลี ชนะ 11 นัด อังกฤษชนะ 8 และเสมอกัน 8 นัด

4. อย่างไรก็ตาม ถ้านับเฉพาะแมตช์การแข่งขันระดับเมเจอร์ (ฟุตบอลยูโร หรือ ฟุตบอลโลก) ทั้งคู่เจอกันมา 7 ครั้ง ผลคือ อิตาลีชนะถึง 6 เสมอ 1 และอังกฤษไม่ชนะเลย 

5. แมตช์ระดับเมเจอร์ล่าสุดที่ทั้งคู่เจอกันคือ ฟุตบอลโลก 2014 ที่แอฟริกาใต้ ซึ่ง อิตาลี เฉือนชนะ 2-1 โดย เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ ยิงให้อิตาลีออกนำก่อน จากนั้น แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ซัดให้อังกฤษตามตีเสมอ ก่อนที่ มาริโอ บาโลเตลลี่ จะโหม่งประตูชัยให้กับทัพอัซซูรี่

6. ผู้เล่นในทีมชุดนั้นที่ยังหลงเหลือมาจนถึงชุดปัจจุบัน ได้แก่ ราฮีม สเตอร์ลิง, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ ลุค ชอว์ ของฝั่งอังกฤษ ส่วนอิตาลีมี มาร์โก แวร์รัตติ, เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่, จอร์โจ้ คิเอลลินี่, ลอเรนโซ่ อินซินเญ่ และ ชิโร อิมโมบิเล่

7. ทีมชาติอิตาลีไม่แพ้ใครมา 33 นัดติดต่อกันในทุกรายการ (ชนะ 28 เสมอ 5) โดยนัดสุดท้ายที่พวกเขาลิ้มรสความปราชัยต้องย้อนไปไกลถึงเกมที่แพ้ โปรตุเกส 0-1 ในศึกยูฟ่า เนชั่นส์ลีก เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2018 หรือเกือบ 3 ปีที่แล้ว

8. กุนซือทั้งสองฝั่ง โรแบร์โต้ มันชินี กับ แกเรธ เซาธ์เกต ยังไม่เคยวัดกึ๋นดวลฝีมือกันมาก่อน โดย “มันโช่” ยังไม่เคยพาลูกทีมลงสนามปะทะอังกฤษเลย ส่วน เซาธ์เกต เคยพาแข้งผู้ดีลงปะทะอิตาลีมาแล้ว 1 นัด ในเกมอุ่นเครื่องเมื่อวันที่ 27 มี.ค. 2018 ที่เวมบลีย์ ซึ่งเกมจบลงด้วยผลเสมอ 1-1 โดยอิตาลีชุดนั้นมี ลุยจิ ดิ เบียโจ้ ทำหน้าที่กุนซือขัดตาทัพหลังจากพวกเขาเพิ่งปลด จานปิเอโร่ เวนตูร่า พ้นตำแหน่ง 

9. ก่อนหน้าที่จะมาขึ้นขี่หลัง “สิงโตคำราม” เซาธ์เกต เคยผ่านงานคุมทีมเพียงแค่สโมสรมิดเดิ้ลสโบรห์ กับทีมชาติอังกฤษชุดยู-21 เท่านั้น และยังไม่เคยประสบความสำเร็จพาทีมคว้าแชมป์ใดๆได้เลย ซึ่งไม่แน่ว่าแชมป์แรกของเฮดโค้ชวัย 50 ปีรายนี้อาจจะเป็นโทรฟี่ใบใหญ่อย่าง “ยูโร 2020” เลยก็เป็นได้

10. ขณะที่ โรแบร์โต้ มันชินี่ ผ่านประสบการณ์คุมสโมสรดังๆ มาอย่างโชกโชน และพาทีมสัมผัสแชมป์มาหลายรายการ โดยเฉพาะสมัยคุม “งูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน ซึ่งได้แชมป์กัลโช่ เซเรีย อา 3 ปีซ้อน ในซีซั่น 2005-06, 2006-07 และ 2007-08 นอกจากนี้ยังนำทัพ “เรือใบสีฟ้า” แมนฯ ซิตี้ ผงาดแชมป์พรีเมียร์ลีก 2011-12 และแชมป์เอฟเอ คัพ 2010-11 อีกด้วย

11. ค่าเฉลี่ยอายุนักเตะของทีมชาติอังกฤษในศึกยูโร 2020 อยู่ที่ 25.4 ปี ส่วนอิตาลี 27.8 ปี

12. Transfermarkt ประเมินมูลค่าของนักเตะทีมชาติอังกฤษชุดนี้ไว้ที่ 1.26 พันล้านยูโร ส่วนทัพอิตาลีอยู่ที่ 751 ล้านยูโร

13. นักเตะอังกฤษที่มูลค่าสูงสุดในทีมคือ แฮร์รี่ เคน หัวหอกสเปอร์ส ถูกประเมินไว้สูงถึง 120 ล้านยูโร ส่วนฝั่งอิตาลีเป็น นิโกโล่ บาเรลลา มิดฟิลด์ของอินเตอร์ มิลาน 65 ล้านยูโร

14. ในศึกยูโร 2020 อิตาลีเป็นทีมที่ “ล้ำหน้า” มากที่สุดถึง 23 ครั้ง ทิ้งห่างอันดับ 2 ไกลลิบ คือ อังกฤษ, สวิตเซอร์แลนด์ และ โครเอเชีย ซึ่งล้ำหน้าไป 13 ครั้งเท่ากัน ซึ่งสถิตินี้อาจบ่งชี้ได้ว่า บรรดาแนวรุกอิตาลีมักอาศัยการชิงจังหวะกับแนวรับคู่แข่งเข้าไปยิงประตู ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแท็คติกที่อันตรายของทัพอัซซูรี่ชุดนี้

15. เลโอนาร์โด สปินาซโซลา แบ็กซ้ายจอมลุยของอิตาลี เป็นผู้เล่นที่สปีดได้เร็วที่สุดในยูโร 2020 ด้วยสถิติ 33.8 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่น่าเสียดายที่เกมนี้ เจ้าตัวหมดสิทธิลงช่วยทีม เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บและทำได้เพียงให้กำลังใจเพื่อนๆอยู่ที่ข้างสนาม

16. อิตาลีใช้งานผู้เล่นไปแล้วถึง 25 จากทั้งหมด 26 คนในศึกยูโรครั้งนี้ โดยผู้เล่นคนเดียวที่ยังไม่ได้ลงสัมผัสเกมเลยคือ อเล็กซ์ เมเรต นายทวารมือ 3 จากนาโปลี 

17. ส่วนอังกฤษใช้งานผู้เล่นไป 21 จาก 26 คน โดยมี 5 คนที่ยังไม่ได้ลงสนาม ได้แก่ 2 ผู้รักษาประตูตัวสำรอง แอรอน แรมสเดล กับ แซม จอห์นสตัน และ 3 แนวรับ คอเนอร์ โคอาดี้, เบน ชิลเวลล์ และ เบน ไวท์

18. อังกฤษยังไม่เสียประตูในจังหวะโอเพ่นเพลย์เลยในศึกยูโร 2020 ซึ่งตลอด 6 นัดที่ผ่านมา ทัพ "ทรี ไลออนส์" โดนเจาะตาข่ายไปแค่ลูกเดียวเท่านั้น ซึ่งเป็นการซัดฟรีคิกของ มิคเคล ดามสการ์ด ตัวรุกทีมชาติเดนมาร์ก

19. เฟเดริโก้ เคียซา, เลโอนาร์โด สปินาซโซลา (อิตาลี) และ แฮร์รี่ เคน (อังกฤษ) เป็นผู้เล่นที่คว้าตำแหน่ง "แมน ออฟ เดอะ แมตช์" มากที่สุดในยูโร 2020 หลังจากได้ไปคนละ 2 ครั้ง นอกจากนี้ยังมี เซร์คิโอ บุสเกตส์ (สเปน) เดนเซล ดัมฟรีส์ (เนเธอร์แลนด์) และ โรเมลู ลูกากู (เบลเยียม) ที่ได้รางวัลนี้ 2 ครั้งเช่นกัน

20. สำหรับผู้ตัดสินในแมตช์ชิงดำศึกยูโร 2020 คือ บียอร์น คุยเปอร์ส ผู้ตัดสินชาวดัตช์วัย 48 ปี ซึ่งมีประสบการณ์ผ่านทัวร์นาเมนต์ใหญ่มาหมดแล้ว ทั้งยูโร ฟุตบอลโลก นัดชิงยูโรป้าลีก นัดชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และอื่นๆอีกมากมาย

ทั้งนี้ คุยเปอร์ส เคยลงตัดสินเกมของทีมชาติอิตาลีมาแล้ว 4 นัด ผลลัพธ์คือ ชนะ 1 เสมอ 1 และแพ้ 2 ส่วนเกมของทีมชาติอังกฤษ คุยเปอร์สลงเป่ามา 3 นัด ปรากฏว่าแข้งผู้ดีชนะ 2 แพ้ 1 นอกจากนี้ "ท่านเปาคุยเปอร์ส" เคยลงทำหน้าที่เกมระหว่าง อังกฤษ ปะทะ อิตาลี มาแล้ว นั่นคือเกมฟุตบอลโลก 2014 รอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งแมตช์นั้นจบลงด้วยชัยชนะของแข้งอิตาเลียน 2-1 แมตช์ที่ "เกรียนโอ้" โขกประตูชัยที่ได้กล่าวไว้ในข้อ 5. นั่นเอง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

-------------------------------------------------

ดูสดฟรี!! ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ทุกสัปดาห์ พร้อมกีฬาชั้นนำระดับโลกแบบจัดเต็ม ต้อง App TrueID เท่านั้น

รวมข้อมูลแก้ไขปัญหาการใช้งาน รับชม หรือโปรโมชันกิจกรรมต่างๆ >> คลิกที่นี่

อัพเดทข่าว ผลบอล พรีเมียร์ลีก แบบทันใจ พร้อมวิเคราะห์คู่เด่นในรอบสัปดาห์ ส่งถึงมือคุณ
คลิกเลย!! bit.ly/2PsYXMG หรือ กด *301*32# โทรออก

ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
สัมผัสโลกไร้ขีดจำกัดกับทรูไอดี