ผมเชื่อว่าจนถึงตอนนี้แฟนๆ เดอะ ค็อปทั่วโลกก็ยังคงช็อคไม่หายกับข่าวใหญ่ที่ช็อคแฟนบอลทั่วโลก สำหรับการประกาศอำลาทีมหลังจบฤดูกาล 2023/2024 ของผู้จัดการอันที่รักของแฟนๆ อย่าง "เยอร์เกน คล็อปป์" เอาจริงๆ ตอนนี้ตอนที่ผมพิมพ์บทความนี้อยู่ผมก็ยังช็อคอยู่เหมือนกัน มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนคนอกหักแบบไม่ทันตั้งตัว จู่ๆ โดนแฟนมาบอกว่าเดี๋ยวกลางปีเราคงต้องเลิกกันแล้วนะ เหมือนฟ้าผ่ากลางใจ ใจมันสลาย ความฝันที่จะได้ไปดูบอสคุมลิเวอร์พูลที่แอนฟิลด์ซักครั้งในชีวิตมันสิ้นสุดลงแล้ว ฝันสลายจริงๆ เข้าใจความรู้สึกของแฟนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดตอนที่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันประกาศอำลาทีมกลางฤดูกาล 2012/2013 เลย เข้าใจความรู้สึกอย่างถ่องแท้เลยแต่สุดท้ายแล้วทุกคนก็ต้องมูฟออนครับ ยังมีเวลาอีก 4 เดือนให้เราได้ดื่มด่ำและเสพย์บรรยากาศการมีคล็อปป์คุมทีมอยู่ข้างสนาม รวมถึงตัวผมด้วยเช่นกันที่ก็ต้องทำใจและฮีลทั้งความรู้สึกและสภาพจิตใจกันซักพัก แต่ระหว่างนี้ก็อยากจะลองวิเคราะห์เหตุผล สาเหตุอันใดที่ทำให้คล็อปป์ถึงเลือกที่จะโบกอำลาสโมสรที่เขารักขนาดนี้กลางซีซันและสิ้นสุดตำนานเพียงฤดูกาลนี้ ทั้งๆ ที่ก็ยังมีสัญญาที่เพิ่งต่อออกไปจนถึงปี 2026 ซึ่งผมก็ได้ลองวิเคราะห์อยู่ 4 เหตุผลที่คล็อปป์ถึงตัดสินใจแบบนี้ จะมีเหตุผลอะไรบ้างไปดูกันเลยครับแตกหักกับ FSGนี่คือหนึ่งในสาเหตุที่แฟนหงส์แดงหลายๆ คนตั้งประเด็นข้อสงสัยมากที่สุด เพราะตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปีที่ร่วมงานกับกลุ่มเจ้าของทีมอย่าง Fenway Sports Group ถึงแม้จะประสบความสำเร็จในทุกแชมป์ มีทุ่มซื้อนักเตะราคาแพงๆ ไม่ว่าจะเป็นเวอร์จิล ฟาน ไดจ์ก, อลิซอนหรือดาร์วิน นูนเญซแต่การจะจ่ายเงินก้อนโตขนาดนี้ต้องรอนาน นานๆ ที่จะเห็นดีลแบบนี้ งบประมาณที่ FSG ให้คล็อปป์ใช้จ่ายในการซื้อนักเตะเรียกได้ว่าค่อนข้างจำกัดจำเขี่ยพอสมควร ไม่ทุ่มเงินแบบแมนเชสเตอร์ ซิตีหรือทีมเงินถุงเงินถัง ทั้งๆ ทีมก็ไม่ได้จนหรือไม่เงินอะไร ต้องยอมรับว่าต่อให้คล็อปป์เก่งแค่ไหน แต่ถ้าหากขาดสานต่อความสำเร็จด้วยการเติมผู้เล่นที่สดใหม่เข้ามาตลอด ทีมก็ต้องมียวบเป็นธรรมดา ดังที่เราได้เห็นในฤดูกาลที่แล้วที่กองกลางมีปัญหาจนฟอร์มของทีมดิ่งลงไปคุณลองคิดภาพว่าคล็อปป์นั้นได้ย้ายไปอยู่เปเอสเช, บาเยิร์น มิวนิค, เรอัล มาดริดหรือแม้กระทั่งแมนซิตี้ที่พร้อมซัพพอร์ตเรื่องเงิน เสริมทัพตามที่ต้องการไม่ว่าแพงขนาดนไหนก็พร้อมทุ่ม ทีมของคล็อปป์ยิ่งใหญ่ขนาดไหนแต่เมื่องานสัมภาษณ์ตอน 4 ทุ่มหลังจากที่มีแถลงการณ์จากสโมสรไปเมื่อช่วงเย็น คล็อปป์ก็ยืนยันว่าไม่ได้ปัญหาอะไรกับกลุ่มเจ้าของทีม แถมลินดา พิซซูติ ภรรยาของจอห์น ดับเบิลยู เฮนรีก็ออกมาโพสต์ภาพในอินสตาแกรมขอบคุณคล็อปป์และมีประเด็นอย่างหนึ่งคือหลังจากที่ลินดาโพสต์ไปก็มีแฟนๆ เข้าไปคอมเมนท์บอกว่า FSG ต้องรับผิดชอบกับการที่คล็อปป์อำลาทีมซึ่งลินดาก็ได้ตอบกลับไปว่าพวกเรา (FSG) พยายามเขาแล้ว พวกเราก็เสียใจมากเช่นกัน นั่นอาจจะแสดงให้เห็นว่าทั้งคล็อปป์และ FSG นั้นยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอยู่แต่มันก็อดคิดไม่ได้จริงๆ ว่าจะไม่มีรอยร้าวระหว่างทั้งสองฝั่งเลยหรอ เพราะถ้าผมเป็นคล็อปป์ก็คงอยากมีเงินมาต่อยอดความสำเร็จในทุกๆ ปี แต่ผู้บริหารทั้งหลายนั้นขี้งกเหลือเกิน จะใช้เงินแต่ละอย่างต้องรอแล้วรออีก ต้องมีคนออกไปก่อนเท่านั้นถึงจะซื้อ เป็นผมก็คงหมดความอดทนเหมือนกัน และไม่แน่ว่านี่ก็อาจจะเป็นสาเหตุแบบที่คล็อปป์บอกก็ได้ว่าหมดไฟ หมดแรงในการทำงานแล้ว แต่ถ้าคล็อปป์บอกว่าไม่มีปัญหาอะไรกับ FSG ส่วนตัวผมก็เคารพคำพูดของคล็อปป์เหมือนกันอิ่มตัวแล้วนับตั้งแต่ที่คล็อปป์เข้ามารับงานคุมทีมลิเวอร์พูลเมื่อเดือนตุลาคม 2015 ปีนี้ก็เข้าปีที่ 9 แล้ว วันนั้นกับวันนี้มันช่างต่างกันเหลือเกิน ลิเวอร์พูลจากที่เกือบเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก แต่ให้หลังปีเดียวทีก็แตกเป็นเสี่ยงๆ และก็ค่อยๆ ลดระดับลงมาเรื่อยๆ จนความมืดมนมันกลับมาที่แอนฟิลด์อีกครั้ง แต่ในวันที่คล็อปป์นั้นเข้ามา แสงสว่างก็ส่องมาที่ลิเวอร์พูลอีกครั้ง เพียงช่วงเวลาที่เหลือของฤดูกาลนั้น คล็อปป์สามารถพาทีมเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วยได้ 2 รายการ (คาราบาว คัพและยูโรปา ลีก) แต่ก็ต้องอกหักไปทั้งคู่พอมาฤดูกาล 2017/2018 ก็สามารถเข้าชิงยูฟา แชมเปียนส์ลีกได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2006/2007 แต่สุดท้ายก็พ่ายต่อเรอัล มาดริดไป ใครๆ ก็คิดว่านี่อาจจะเป็นผลงานที่ดีที่สุดของคล็อปป์แล้ว แต่ใครจะไปเชื่อว่าในฤดูกาลถัดมา (2018/2019) คล็อปป์ก็จะพาทีมเข้าสู่รอบชิงถ้วยหูโตได้อีกครั้งและในครั้งนี้เขาก็สามารถเป็นผู้ชนะได้เสียที หลังจากที่ 2 ครั้งก่อนหน้านี้ (รวมตอนที่คุมดอร์ทมุนด์) ด้วยเขาอกหักมาตลอด ในที่สุด "Third Time Lucky" ก็ทำสำเร็จ และนั่นคือจุดเริ่มต้นความสำเร็จของทุกแชมป์ต่อมาครับฤดูกาลถัดมา (2019/2020) คล็อปป์ก็พาลิเวอร์พูลกวาด 3 แชมป์ในฤดูกาลเดียว เริ่มตั้งแต่แชมป์ยูฟา ซูเปอร์คัพ, แชมป์สโมสรโลกและปิดท้ายด้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกที่รอคอยกันมา 30 ปี สิ้นสุดการรอคอยที่นานแสนนาน แต่มันน่าเสียดายที่กว่าจะได้ก็ต้องเจอโรคระบาดโควิด 19 ทำเอางานเลี้ยงกร่อยไปเลย ไม่ได้แห่ถ้วยพรีเมียร์ลีกฉลองอะไรเลย เป็นการคว้าแชมป์ที่รอคอยมานานมากๆ ที่ซึมที่สุด หลังจากนั้นอีก 2 ฤดูกาลคล็อปป์ก็พาทีมได้ดับเบิลแชมป์บอลถ้วยในประเทศทั้งเอฟเอ คัพและคาราบาว คัพและเปิดฤดูกาล 2022/2023 ด้วยการเป็นแชมป์คอมมูนิตี ชิลด์ซึ่งเท่ากับว่าคล็อปป์นั้นสามารถพาลิเวอร์พูลนั้นความแชมป์ระดับเมเจอร์ได้ครบทุกรายการเป็นที่เรียบร้อย ครบหมดทุกแชมป์เท่าที่ผู้จัดการทีมคนนึงจะทำให้ทีมได้ มันไม่มีอะไรติดค้างต่อกันแล้วจริงๆ ซึ่งนี่ก็อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้คล็อปป์หมดแรง หมดไฟแล้วเหมือนกัน เพราะให้เมื่อคุณไม่มีชาเลนจ์อะไรให้ต้องพิชิตอีกแล้ว จะหมดไฟ เบิร์น เอาท์ก็ไม่แปลก นี่แหละครับ ทำไม "จุดอิ่มตัว" มันถึงน่ากลัวเหนื่อย หมดไฟ หมดแรงนี่คือสาเหตุที่คล็อปป์บอกว่าทำไมเขาถึงต้องอำลาทีม ทั้งๆ ที่ทีมกำลังทำผลงานได้ดี "ลิเวอร์พูล 2.0" ที่กำลังสร้างก็กำลังไปได้สวย กำลังมีลุ้น 4 แชมป์ พรีเมียร์ลีกก็นำเป็นจ่าฝูงอยู่ด้วย มันควรมีแรง มีไฟทำทีมต่อไม่ใช่หรอ ทำไมถึงรู้สึกหมดแรงแบบนี้ได้ล่ะ แต่ถ้าบอกว่าเป็นเพราะหมดแรงแล้วก็ไม่แปลกใจ เพราะอย่างที่ทราบๆ กันว่างาน "ผู้จัดการทีมฟุตบอล" คือหนึ่งในงานที่เครียดที่สุดในโลก ทุกๆ งานล้วนแล้วแต่มีความเครียดทั้งนั้นครับ แต่กับงานนี้ผมว่าคนที่ดูฟุตบอลจะเข้าใจว่ามันเครียดยังไง การต้องคิดแทคติก คิดถึงเรื่องฟุตบอลในแทบจะทุกวินาทีมันก็เครียดอยู่แล้ว นี่ยังต้องมาบริหารคนในองค์ที่มีมูลค่าเป็นพันเป็นหมื่นล้านอีก มันจะหมดไฟก็ไม่แปลกสำหรับผมข้อนี้มันอาจจะมีส่วนเชื่อมโยงกับในข้อแรก เพราะปกติงานนี้มันก็เครียดอยู่แล้ว ยิ่งมีการสนับสนุนในเรื่องเงินทุนแบบที่ควรจะเป็นไม่ได้ มันก็ยิ่งบั่นทอนจิตใจไปเรื่อยๆ คล็อปป์คงต้องแบกรับความกดดันมหาศาลแบบเกินกว่าที่เราจะคิดได้จริงๆ แหละครับ โอเคแหละถ้าเทียบกันแล้ว FSG นั้นก็ยังบริหารทีมได้ดีกว่าเจ้าของทีมหลายๆ ทีมในพรีเมียร์ลีก ถ้ายกตัวอย่างแบบชัดเจนก็แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในยุคของตระกูลเกลเซอร์นี่แหละ ในตอนนี้การบริหารทีมแบบ FSG นั้นทำให้ทีมไม่ต้องเสี่ยงหรือกังวลในการใช้เงินจ่ายเลย ในขณะที่หลายๆ ทีมนั้นต้องคิดแล้วคิดอีกในการใช้เงิน บางทีมซื้อเพิ่มไม่ได้ไม่พอยังต้องขายทิ้งเพื่อให้ตัวเลขในบัญชีดีขึ้นมาอีกด้วย แต่ถึงแม้ว่าจะบริหารดียังไงก็ตามแต่ บางครั้ง FSG ก็บริหารขัดใจแฟนๆ อยู่เหมือนกันในหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะการเสริมทัพที่ค่อนข้างซื้อยากพอสมควร แต่สุดท้ายแล้วก็ทำงานกับคล็อปป์มาได้ถึงเกือบ 10 ปีก็เท่ากับว่ามีดีมากกว่าแย่และคล็อปป์ก็ยอมรับในเงื่อนไขเรื่องนี้ได้ถึงได้ทำงานร่วมกันนานขนาดนี้สำหรับผม เหตุผลนี้คงเป็นเหตุผลที่เมคเซนส์ที่สุดแล้วกับการตัดสินใจโบกลาหลังจบฤดูกาลนี้ของบอส หลายๆ อย่างมันถาโถมใส่บอสมาตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปีที่อยู่กับทีมมา ตั้งแต่ทีมไม่มีอนาคตใดๆ จนสร้างขึ้นมาใหม่ จนประสบความสำเร็จ จนต้องเริ่มต้นยุคใหม่ มันกดดันหลายๆ ด้าน เหนื่อยจนหมดแรงก็ไม่แปลกต้องการมีเวลาให้ครอบครัวhttps://www.youtube.com/watch?v=6cpqybFgy2kในปี 2022 ที่มีการขยายสัญญากับทีมไปถึงปี 2026 คล็อปป์ได้สัมภาษณ์แบบติดตลกว่าก็ถ้าเมื่ออูลลา (ภรรยา) บอกว่ายังอยากอยู่ (ลิเวอร์พูล) ต่อ ในฐานะสามีที่ดีคุณจะทำอย่างไรล่ะ? ก็ต้องอยู่ต่อสิ ใช่ครับ มันอาจจะเป็นการพูดติดตลกหรืออาจจะเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ตอนนั้นคล็อปป์ขยายสัญญาออกไปอีก สุดท้ายแล้วมันก็จบด้วยการที่คล็อปป์อยู่กับทีมต่อมาจนถึงตอนนี้และจะสิ้นสุดในฤดูกาลนี้ (ตามสัญญาเดิม)"ครอบครัว" คือสิ่งหนึ่งที่สำคัญกับคนๆ หนึ่ง โดยยิ่งกับอาชีพนักฟุตบอลหรือผู้จัดการทีมฟุตบอล เพราะพวกเขานั้นเป็นอาชีพที่แทบไม่มีวันหยุดเลย ปีๆ นึงพวกเขาต้องทำงานเกือบทั้งปี แค่การแข่งขันก็กินเวลาไปแล้ว 9 เดือน ได้พักเดือนเดียวเดี๋ยวก็ตั้งไปเก็บตัวพรีซีซันแล้ว นี่ยังไม่รวมกับปีที่มีทัวร์นาเมนต์ทีมชาติหลังจบฤดูกาลนะ นี่มันคืออาชีพที่มีวันหยุดน้อยกว่าเหล่าคนที่ทำงานที่แท่นขุดเจาะกลางทะเลอีกนะ พวกเขายังได้ทำงานแบบครึ่งปี พักครึ่งปีแต่กับนักเตะหรือบุคลากรฟุตบอลตีกลมๆ มีเวลาพักแค่ 1 เดือนจากทั้งหมด 12 เดือนเลย มันจึงไม่แปลกเลยที่ครอบครัวจะเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของคนวงการฟุตบอล เป็นทั้งแรงกายแรงใจของตัวเองในการทำงานครั้งหนึ่งเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันเคยประกาศวางมือจากการคุมทีมแมนยูในปี 2002 แต่ก็เป็นเคธี เฟอร์กูสัน ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากของป๋าเป็นคนบอกให้ป๋ากลับไปคุมทีม จนอีกสิบปีให้หลัง การจากไปของน้องสาวของเคธี ทำให้เซอร์อเล็กซ์นั้นตัดสินใจเลิกคุมแมนยูและกลับมาให้เวลากับภรรยาของเขาเสียที ถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องใช้ชีวิตในช่วงวัยชรากับคนรักและครอบครัวของตัวเองเสียทีกับคล็อปป์ ผมก็เชื่อว่าครอบครัวของเขาก็คือหนึ่งในเหตุผลที่เขาตัดสินแบบนี้เหมือนกัน ทั้งอูลลาและลูกของคล็อปป์อาจจะไม่ได้บอกให้คล็อปป์เลิกคุมลิเวอร์พูล แต่คล็อปป์คงอยากมีเวลาให้กับครอบครัวมากขึ้นเท่านั้นเอง อาจจะเลิกคุมสโมสรแล้วไปคุมทีมชาติเยอรมัน เพราะอย่างน้อยการคุมทีมชาติก็จะมีเวลาให้กับครอบครัวมากกว่าการคุมสโมสรแน่ๆ แถมได้กลับไปอยู่ที่เยอรมัน บ้านเกิดเมืองนอนที่จากมาเกือบสิบปีด้วยสุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเหตุผลไหนก็ตาม เราแฟนบอลชาวเดอะ ค็อปก็ต้องยอมรับและเคารพการตัดสินใจของบอส บอสทุ่มเทและให้ทุกสิ่งทุกอย่างกับทีมจนหมดแล้วจริงๆ มอบทั้งพลังงานกาย พลังงานใจให้กับลิเวอร์พูลจนหมดแรงเค้นแล้วจริงๆ ผมเชื่อว่าแฟนบอลลิเวอร์พูลไม่ต้องการอะไรจากคล็อปป์อีก เพราะคล็อปป์ให้ไปหมดแล้วแบบที่บอกไป หลังจากนี้ช่วงเวลาที่เหลือก็คือช่วงเวลาที่จะเก็บทุกความทรงจำให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ใครที่พอจะมีทุนทรัพย์บินไปส่งคล็อปป์ในนัดสุดท้ายของฤดูกาล ถ้าทำได้ทำเลยครับ ไปเสพโมเมนต์อำลาบอสที่เป็นที่รักของเรากันครับขอบคุณภาพประกอบจากOfficial Facebook และ Instagram ของลิเวอร์พูล (@liverpoolfc)ภาพปก 1, ภาพปก 2, ภาพปก 3, ภาพประกอบ 1, ภาพประกอบ 2, ภาพประกอบ 3 และภาพประกอบ 4 ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !