⚽ เชื่อเหลือเกินว่าแฟนฟุตบอลยุคนี้ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของยอดกุนซืออย่างเป๊ป กวาร์ดิโอล่าที่สร้างยุคทองให้กับทั้งสโมสรบาร์เซโลนา, บาเยิร์น มิวนิคและแมนเชสเตอร์ ซิตี้พร้อมกับกวาดแชมป์ต่างๆเยอะแยะมากมายกับ 14 โทรฟี่ใน 4 ฤดูกาลกับเจ้าบุญทุ่ม บาร์เซโลนา, 7 โทรฟี่ใน 3 ฤดูกาลกับเสือใต้ บาเยิร์น มิวนิคและกำลังเดินหน้ากวาดแชมป์มากมายในเกาะอังกฤษกับแมนฯซิตี้โดยที่เป๊ปพึ่งพาเรือใบสีฟ้าคว้าทริปเปิลแชมป์ไปเมื่อฤดูกาล 2022-2023 ที่ผ่านมา.🔑 กุญแจสำคัญที่ทำให้ทุกทีมที่เป๊ป กวาร์ดิโอล่าคุมประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากนอกจากเรื่องแทคติกที่สุดยอดแล้วนั้นนั่นก็คือการนำเข้านักเตะที่มีความเหมาะสมเข้ากับระบบที่ส่วนใหญ่แล้วเข้ามาก็เล่นได้ดีทันทีเลยหรือใช้เวลาปรับตัวไม่นานและหลายๆคนก็ก้าวขึ้นไปยังจุดสูงสุดเป็นนักเตะระดับโลกประดับวงการฟุตบอลได้ในที่สุด.⚽ แต่แน่นอนว่าตลอดการคุมทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่าหลายสิบปีก็ใช่ว่านักเตะทุกคนที่นำเข้าทีมมานั้นจะประสบความสำเร็จไปซะทุกคนบทความนี้จะพาผู้อ่านไปสำรวจดีลที่น่าผิดหวังภายใต้การคุมทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า 5 รายด้วยกันทั้งในช่วงเวลาที่บาร์เซโลนา, บาเยิร์น มิวนิคและแมนฯซิตี้.🟢 1.) ซลาตัน อิบราฮิโมวิช⚽ ช่วงเวลาในบาร์เซโลนาของหัวหอกชาวสวีเดนที่เป็นหนึ่งในกองหน้าที่สร้างสีสันให้กับโลกฟุตบอลอย่างมากอย่างอิบราฮิโมวิชก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างน่าผิดหวังทีเดียว.🏟️ อิบราฮิโมวิชย้ายมาร่วมทัพเจ้าบุญทุ่ม บาร์เซโลนาในตลาดซื้อขายช่วงซัมเมอร์ปี 2009 หลังจากที่เป๊ป กวาร์ดิโอล่านำทัพเจ้าบุญทุ่มคว้าทริปเปิลแชมป์ทั้งแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก, แชมป์ลาลีกาสเปนและโกปาเดลเรย์อย่างยิ่งใหญ่ในฤดูกาล 2008/2009 เพื่อลุยสู้ศึกฤดูกาล 2009/2010 จากสโมสรอินเตอร์ มิลานโดยเป็นดีลการสลับตัวกับซามูเอล เอโต้ซึ่งย้ายข้ามฟากจากบาร์เซโลนาไปยังอินเตอร์ มิลานบวกกับเงินที่บาร์เซโลนาต้องจ่ายเพิ่มเติมให้กับอินเตอร์ มิลานอีกกว่า 40 ล้านยูโร.⚽ อิบราฮิโมวิชอยู่กับบาร์เซโลนาภายใต้การคุมทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่าเพียงแค่ 1 ฤดูกาลเท่านั้นก่อนที่จะต้องย้ายออกไปและถึงแม้ว่าในฤดูกาลนั้นอิบราฮิโมวิชจะซัดประตูได้ถึง 22 ลูกกับอีก 13 แอสซิสต์ในทุกรายการด้วยกันซึ่งถือว่าไม่เลวเลยทีเดียวสำหรับกองหน้าตัวเป้าและเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยพาบาร์เซโลนาคว้าแชมป์ลาลีกา สเปนได้อย่างยิ่งใหญ่ในที่สุดแต่เมื่อมาคิดถึงเรื่องที่ว่าบาร์เซโลนาต้องเสียซามูเอล เอโต้บวกกับเงินอีกกว่า 40 ล้านยูโรให้กับอินเตอร์ มิลานแลกกับนักเตะเพียงคนเดียวที่อยู่กับทีมได้แค่ 1 ฤดูกาลก็ถือว่าเป็นดีลที่ค่อนข้างน่าผิดหวังเลยทีเดียว.⚽ ยิ่งไปกว่านั้นซามูเอล เอโต้ที่ย้ายไปอยู่อินเตอร์ มิลานนั้นกลับเป็นส่วนสำคัญที่พาทัพงูใหญ่ อินเตอร์ มิลานคว้าทริปเปิลแชมป์ได้ในฤดูกาลเดียวกันนั่นเองภายใต้การคุมทีมของโจเซ่ มูริญโญ่ซึ่งเป็นเรื่องน่าคิดทีเดียวว่าถ้าในวันนั้นไม่เกิดดีลสลับตัวนี้ขึ้นและซามูเอล เอโต้ยังอยู่กับบาร์เซโลนาและอิบราฮิโมวิชยังอยู่กับอินเตอร์ มิลานต่อไปจะเป็นอย่างไรแต่โลกของฟุตบอลก็เหมือนโลกแห่งความจริงนั่นก็คือทุกอย่างต่างก็มีจังหวะและเวลาของมันการมาคิดถึงสถานการณ์สมมติต่างๆก็จะชวนให้ปวดหัวไม่น้อยเลยทีเดียว.🟢2.) ดิมิโทร ชิกรินสกี้⚽ หลังจากที่เป๊ป กวาร์ดิโอล่านำทัพเจ้าบุญทุ่ม บาร์เซโลนาคว้าทริปเปิลแชมป์ทั้งแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก, แชมป์ลาลีกาสเปนและโกปาเดลเรย์อย่างยิ่งใหญ่ในฤดูกาล 2008/2009 แล้วนั้นในตลาดซื้อขายช่วงซัมเมอร์ปี 2009 นอกจากบาร์เซโลนาจะนำเข้าซลาตัน อิบราฮิโมวิชเพื่อเสริมแนวรุกทางสโมสรยังได้เสริมแกร่งในแนวรับด้วยการดึง ดิมิโทร ชิกรินสกี้เซ็นเตอร์แบ็คสัญชาติยูเครนมาจากสโมสรชักตาร์ โดเน็ตส์กในลีกยูเครนด้วยค่าตัว 25 ล้านยูโรด้วยกัน.🏟️ ชิกรินสกี้ถูกวางให้เป็นตัวตายตัวแทนระยะยาวของกองหลังกัปตันทีมอย่างคาร์เลส ปูโยลที่อายุเริ่มเยอะขึ้นซึ่งซักวันหนึ่งบาร์เซโลนาหวังจะให้ชิกรินสกี้มายืนคู่กับเคราร์ด ปิเก้และเป็นหัวใจให้กับแนวรับของทีมต่อไปในอนาคตอีกหลายปี. บาร์เซโลนาต้องการตัวชิกรินสกี้เป็นอย่างมากถึงขั้นที่โจน ลาปอร์ตาที่เป็นประธานสโมสรในขณะนั้นได้ออกมาบอกว่าชิกรินสกี้เป็นเป้าหมายแรก, เป้าหมายที่สองและเป้าหมายที่สามในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คของเราซึ่งก็หมายความเป็นนัยว่าบาร์เซโลนาต้องการตัวชิกรินสกี้เท่านั้นโดยไม่มีการมองถึงตัวเลือกอื่นๆเลยแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจของโจน ลาปอร์ตาที่มีต่อชิกรินสกี้เป็นอย่างมากและในท้ายที่สุดบาร์เซโลนาก็สามารถดึงชิกรินสกี้มาเข้าสู่ทีมได้ชนิดที่ว่าต้องรอถึงวันสุดท้ายของตลาดซื้อขายช่วงซัมเมอร์ปี 2009 เลยทีเดียว.⚽ แต่ทุกอย่างกลับพลิกผันจากการที่ชิกรินสกี้ถูกมองว่าจะเข้ามาเป็นตัวตายตัวแทนระยะยาวของคาร์เลส ปูโยลและจะอยู่กับทีมไปอีกหลายปีแต่ชิกรินสกี้กลับอยู่กับสโมสรได้เพียง 1 ฤดูกาลและได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงไปเพียง 10 เกมจากทุกรายการเท่านั้นก่อนที่สุดท้ายเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลจะถูกขายกลับไปยังทีมเก่าอย่างสโมสรชักตาร์ โดเน็ตส์กด้วยราคาที่ขาดทุนราว 10 ล้านยูโร.📑 ชิกรินสกี้ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อ The Athletic ในภายหลังถึงสาเหตุที่เขาคิดว่าทำให้เขาไม่ประสบความสำเร็จในถิ่นคัมป์ นูโดยมีใจความสำคัญว่า “การย้ายเข้ามาสู่ทีมในวันสุดท้ายของตลาดซื้อขายในขณะที่การแข่งขันฤดูกาลใหม่เริ่มต้นขึ้นแล้วนั้นเป็นเรื่องที่ยากที่สุดสำหรับผมเพราะทำให้ผมไม่มีเวลาในการปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนร่วมทีม, โค้ชอย่างเป๊ป กวาร์ดิโอล่าและแผนการเล่นเลย. ผมย้ายเข้ามาและต้องลงเล่นเลยนั่นเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผมไม่สามารถจะเล่นได้ดีและไม่ประสบความสำเร็จกับสโมสรในท้ายที่สุด”.🟢 3.) มาริโอ เกิทเซ่⚽ แม้ว่าเป๊ป กวาร์ดิโอล่าจะไม่สามารถคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกกับบาเยิร์น มิวนิคได้แต่ช่วงระยะเวลา 3 ฤดูกาลที่เขาคุมทัพเสือใต้ตั้งแต่ปี 2013-2016 นั้นก็ถือเป็นช่วงเวลาที่บาเยิร์น มิวนิคครองความยิ่งใหญ่ในลีกได้อย่างเบ็ดเสร็จซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญที่ทำให้ทัพเสือใต้ครองความยิ่งใหญ่ในบุนเดสลีกาต่อมาอีกนับ 10 ปี.⚽ ในช่วงระยะเวลายุคทองของเป๊ป กวาร์ดิโอล่าที่บาเยิร์น มิวนิคนั้นก็มีการเซ็นสัญญาที่ยอดเยี่ยมมากมายแต่มีนักเตะหนึ่งคนที่ค่อนข้างทำผลงานได้น่าผิดหวังนั่นก็คือมาริโอ เกิทเซ่ มิดฟิลด์อินทรีเหล็กทีมชาติเยอรมัน. ในกรณีของมาริโอ เกิทเซ่นั้นจะเรียกว่าการเซ็นสัญญาในยุคของเป๊ป กวาร์ดิโอล่าก็พูดได้ไม่เต็มปากซะทีเดียวเพราะทางบาเยิร์น มิวนิคได้จ่ายค่าฉีกสัญญาจำนวน 37 ล้านยูโรของมาริโอ เกิทเซ่ให้กับทางโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์หลายเดือนก่อนที่เป๊ปจะเข้ามาคุมทีมเพราะทางบาเยิร์น มิวนิคก็ได้วางมาริโอ เกิทเซ่ไว้ให้เป็นขุนพลคนสำคัญของเป๊ปในการช่วยสร้างยุคใหม่ให้แก่ทัพเสือใต้ซึ่งหลายๆฝ่ายทั้งสื่อและแฟนบอลต่างก็คาดหมายว่ามาริโอ เกิทเซ่จะกลายมาเป็นนักเตะระดับโลกได้เพราะได้ย้ายมาอยู่ทีมใหญ่อย่างบาเยิร์น มิวนิคและอยู่ภายใต้การคุมทีมของยอดกุนซือแห่งยุคอย่างเป๊ป กวาร์ดิโอล่าแต่ถึงแม้จะอยู่ในมือของเป๊ป กวาร์ดิโอล่านั้นมาริโอ เกิทเซ่ก็กลับไปไม่ถึงการเป็นนักเตะระดับโลกได้ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังเป็นอย่างมาก.🏟️ แต่ตลอดระยะเวลา 3 ฤดูกาลของมาริโอ เกิทเซ่ในถิ่นอัลลิอันซ์อาเรนานั้นก็ถือว่าไม่ได้เลวร้ายอะไรซักทีเดียวโดยเขาซัดประตูไปได้ 36 ลูกกับอีก 24 แอสซิสต์ในทุกรายการก่อนที่การเข้ามาของคาร์โล อันเชล็อตติในปี 2016 ที่มองเขาเป็นส่วนเกินของทีมจนเขาต้องย้ายกลับไปยังดอร์ทมุนด์ในท้ายที่สุด.🟢 4.) เคลาดิโอ บราโว่ ⚽ เป็นที่รู้กันอย่างดีว่าหนึ่งในสิ่งสำคัญของแท็คติกการครองบอลหรือ possession-based ของเป๊ป กวาร์ดิโอล่านั่นก็คือการตั้งบอลขึ้นมาตั้งแต่หน้าปากประตูโดยผู้รักษาประตู. การตั้งเกมโดยผู้รักษาประตูนั้นส่งผลกระทบต่อผู้รักษาประตูยุคเก่าๆเป็นอย่างมากเพราะผู้รักษาประตูสมัยก่อนก็เน้นแค่ฝึกซ้อมเรื่องการเซฟประตูที่เป็นหน้าที่หลักและไม่ค่อยเชี่ยวชาญเรื่องการตั้งเกมจากหน้าปากประตูหรือก็คือการใช้เท้าได้ดีนั่นเอง.🏟️ ซึ่งเมื่อเป๊ป กวาร์ดิโอล่าเข้ามาคุมแมนฯซิตี้ในปีแรกนั้นขณะนั้นผู้รักษาประตูมือหนึ่งของแมนฯซิตี้ก็คือโจ ฮาร์ทผู้รักษาประตูชาวอังกฤษที่ก็ถือเป็นผู้รักษาประตูยุคเก่าที่ไม่ค่อยมีความเชี่ยวชาญเรื่องการใช้เท้ามากนักทำให้เป๊ป กวาร์ดิโอล่าได้ตัดสินใจนำเข้าผู้รักษาประตูคนใหม่เข้ามาแทนนั่นก็คือเคลาดิโอ บราโว่ มือกาวชาวชิลีที่เคยพิสูจน์ตัวเองในการเล่นในแนวทางที่เป๊ป กวาร์ดิโอล่าต้องการที่บาร์เซโลนามาก่อนแล้วเข้ามาสู่ทีมแมนฯซิตี้.⚽ แต่ทุกอย่างก็เหมือนจะไม่ได้เป็นดั่งที่เป๊ป กวาร์ดิโอล่าวาดฝันเอาไว้เพราะเคลาดิโอ บราโว่เสียความมั่นใจไปประมาณนึงในช่วงที่มาเล่นให้กับแมนฯซิตี้และเริ่มก่อความผิดพลาดขึ้นจนบางครั้งก็นำไปสู่การเสียประตูจนถึงขั้นที่ในตลาดซัมเมอร์ปีถัดมานั้นเป๊ป กวาร์ดิโอล่าต้องนำเข้าแอเดอร์ซอน ผู้รักษาประตูชาวบราซิลคนใหม่ที่สุดท้ายแล้วกลายมาเป็นผู้รักษาประตูคู่บุญของเป๊ป กวาร์ดิโอล่าที่ช่วยเข้ามาเติมเต็มให้แท็คติกของเป๊ป กวาร์ดิโอล่าสมบูรณ์แบบและนำมาสู่ยุคทองของแมนฯซิตี้ได้ในที่สุด.🟢 5.) คาลวิน ฟิลลิปส์⚽ คาลวิน ฟิลลิปส์เป็นหัวใจในแดนกลางของทัพยูงทอง ลีดส์ ยูไนเต็ดภายใต้การคุมทีมของมาร์เซโล บิเอลซาที่มีสไตล์การเล่นเกมรุกที่ดุดันเร้าใจที่แฟนๆฟุตบอลหลายคนคงชื่นชอบและเขายังเป็นหนึ่งในขุนพลสำคัญของทีมชาติอังกฤษในชุดลุยฟุตบอลยูโร 2020 (ที่จัดขึ้นในปี 2021) ที่จัดขึ้นในกว่า 11 ประเทศทั่วยุโรปซึ่งหลายๆคนคงจะจดจำนัดชิงชนะเลิศระหว่างทีมชาติอังกฤษและอิตาลีที่ลุ้นกันสนุกถึงการดวลจุดโทษที่ในท้ายที่สุดเป็นทีมชาติอิตาลีที่คว้าแชมป์ไปครองแต่ผลงานของคาลวิน ฟิลลิปส์ในการช่วยคุมแดนกลางให้กับทีมชาติอังกฤษตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์จนถึงนัดชิงชนะเลิศนั้นค่อนข้างที่จะโดดเด่นเป็นอย่างมากเลยทีเดียว.⚽ นั่นทำให้ในซัมเมอร์ปี 2023 ทางเรือใบสีฟ้าได้ตัดสินใจดึงตัวคาลวิน ฟิลลิปส์มาจากลีดส์ ยูไนเต็ดด้วยค่าตัว 45 ล้านปอนด์เพื่อหวังที่จะช่วยในการคุมแดนกลางร่วมกับกับโรดรี้แต่จากการได้ลงสนามไปเพียงแค่ 911 นาทีจากทั้งหมดกว่า 18 เดือนที่เขาอยู่กับสโมสรนั้นก็ถือว่าค่อนข้างน่าผิดหวังทีเดียวซึ่งดูเหมือนว่าเป๊ป กวาร์ดิโอล่าก็จะไม่ค่อยให้ความไว้วางใจในตัวคาลวิน ฟิลลิปส์ซักเท่าไหร่แม้ในหลายๆเกมที่เขาฟิตสมบูรณ์พร้อมลงเล่นแต่เป๊ป กวาร์ดิโอล่าก็กลับให้โอกาสกับคนอื่นๆแทนจนในที่สุดแล้วทางเรือใบสีฟ้าก็จำเป็นต้องปล่อยยืมมิดฟิลด์ชาวอังกฤษวัย 28 ปีคนนี้ให้กับเวสต์แฮมในตลาดหน้าหนาวในปี 2024 ในที่สุดซึ่งก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าคาลวิน ฟิลลิปส์จะสามารถงัดฟอร์มเก่งออกมาและกลับมาเล่นให้กับแมนฯซิตี้ได้หรือไม่หรือว่าเส้นทางของเขากับแมนฯซิตี้จะสิ้นสุดลงไปแล้ว. เครดิตภาพรูปปก: ภาพประกอบที่ 1 จาก Manchester City Official X, รูปประกอบที่ 2 จาก FC Barcelona official Facebook, รูปประกอบที่ 3 จาก Borussia Dortmund official X, รูปประกอบที่ 4 จาก FC Barcelona official X, รูปประกอบที่ 5 จาก Kalvin Phillips Official Instagram, รูปประกอบที่ 6 จาก FC Barcelona official X, ภาพประกอบ: ภาพประกอบที่ 1 จาก Manchester City Official X, ภาพประกอบที่ 2 จาก FC Barcelona official Facebook, ภาพประกอบที่ 3 จาก Borussia Dortmund official X, ภาพประกอบที่ 4 จาก FC Barcelona official X, ภาพประกอบที่ 5 จาก Kalvin Phillips Official Instagram. ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !