ยิงระเบิด!! เปิดประวัติ วิคตอร์ โยเคเรส หัวหอกที่ใครๆ ก็อยากได้ตัว

ฟุตบอลลีกยุโรปฤดูกาล 2024-25 เดินทางมาถึงในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาลแล้ว โดยเฉพาะพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ลีกอันดับหนึ่งที่มีแฟนบอลติดตามมากที่สุดในโลก ก็ใกล้ที่จะได้บทสรุปเข้ามาทุกที
แน่นอนว่าแชมป์ไม่น่าจะหลุดมือไปจาก ลิเวอร์พูล แน่ๆ หลังจบเกมนัดที่ 33 แล้วพวกเขาก็ยังคงนำอันดับ 2 อย่าง อาร์เซน่อล ห่างถึง 13 คะแนน นั่นหมายความว่าทีมหงส์แดงขออีกแค่ 3 คะแนนจาก 5 เกมที่เหลือ ก็จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ไปครองในทันที
ทำให้หลายๆ ทีม คงต้องไปปรับปรุงทีมกันอีกครั้งในตลาดนักเตะช่วงซัมเมอร์นี้ เพื่อกลับมาแข่งขันกันใหม่ในฤดูกาลหน้า ซึ่งถ้าดูเฉพาะทีมใหญ่ๆ ด้วยกันแล้ว มีอยู่ 2 ทีมที่มีปัญหาเรื่องการขาดแคลนกองหน้าชัดเจน และต้องทำการเสริมทัพในส่วนนี้ นั่นก็คือ อาร์เซน่อล และ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ยังคงจนปลักอยู่อันดับที่ 14 ของตารางคะแนน แม้ว่าฤดูกาลใกล้จะจบลงแล้วก็ตาม
อาร์เซน่อล อาจจะยิงประตูได้มาก จนไม่ได้รู้สึกว่าพวกเขามีปัญหาเกมรุก หลังยิงได้ถึง 61 ประตูจาก 33 นัดในลีกที่ผ่านมา สูงเป็นอันดับที่ 4 ของลีก แต่ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าพวกเขามีกองหน้าที่เป็นหมายเลข 9 ธรรมชาติอยู่ในทีม ไม่แน่ว่าอาจจะแข่งขันกับ ลิเวอร์พูล ได้สูสีกว่านี้ แถมฤดูกาลนี้ยังโชคร้าย กองหน้าที่มีอยู่ดันบาดเจ็บไปเกือบหมดด้วย
นั่นทำให้ทีมปืนใหญ่จะเป็นทีมแรกๆ ที่ต้องมองหากองหน้าในช่วงซัมเมอร์นี้อย่างแน่นอน เช่นเดียวกันกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่อาการหนักสุดๆ เพราะพวกเขาทำได้แค่ 38 ประตูเท่านั้นจาก 33 เกมที่ผ่านมา นี่ไม่ใช่เกมรุกของทีมที่จะแข่งขันแย่งความสำเร็จในพรีเมียร์ลีกแน่ๆ ขณะที่กองหน้าตัวเป้าในทีมอย่าง ราสมุส ฮอยลุนด์ ก็โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าผิดหวังสุดๆ
ทั้งๆ ที่มีโอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่อง แต่กองหน้าวัย 22 ปีรายนี้กลับทำได้เพียง 3 ประตูกับ 1 แอสซิสต์เท่านั้น จากการลงสนามในลีก 28 เกม และถ้านับรวมทุกรายการ ฮอยลุนด์ ยิงได้แค่ 8 ประตูจากทั้งหมด 45 นัด เป็นอะไรที่น่าผิดหวังสุดๆ และผลงานตกลงไปอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับฤดูกาลที่แล้ว ที่เจ้าตัวยิงไป 16 ประตูจาก 43 นัด
นั่นจึงเป็นที่มาว่าทำไม กองหน้าจอมถล่มประตูอย่าง วิคตอร์ โยเคเรส ถึงกลายเป็นเป้าหมายของทีมอย่าง อาร์เซน่อล และ แมนฯ ยูไนเต็ด ในช่วงหน้าร้อนนี้ เพราะนี่คือคนที่น่าจะก้าวเข้ามาแก้ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นกับทั้งสองทีมอย่างแท้จริง
วันนี้เราจะมาทำความรู้จัก โยเคเรส กันหน่อยว่า ก่อนจะมีสถิติถล่มประตูอันน่าทึ่งกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน นั้น ก่อนหน้านี้เขาเริ่มต้นอาชีพที่ไหน และบางคนอาจจะไม่เคยรู้เลยด้วยว่า โยเคเรส เคยเล่นกับทีมในพรีเมียร์ลีกมาก่อน...
วิคตอร์ โยเคเรส เกิดเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ปี 1998 ที่กรุงสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ซึ่งอันที่จริงแล้วเจ้าตัวมีเชื้อสายฮังกาเรียน จากการที่มีบรรพบุรุษอพยพถิ่นฐานมาอาศัยอยู่สวีเดนมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ นั่นทำให้เขานั้นถือสองสัญชาติ คือ ฮังการี และ สวีเดน แถมคุณพ่อของเขา สเตฟาน โยเคเรส ก็เคยเป็นนักฟุตบอลอาชีพมาก่อน โดยค้าแข้งกับ ออสเตอร์ซุนด์ และ สตูกุน ในช่วงระหว่างยุค 80-90
โยเคเรส เริ่มต้นการเป็นนักฟุตบอลในปี 2004 ด้วยการอยู่ในทีมเยาวชนของสโมสร อาสพุดเด้น-เทลลุส ในตอนที่มีอายุแค่ 5 ขวบเท่านั้น และอยู่ที่นี่จนถึงอายุ 14 ปี ฟอร์มก็ไปเตะตาทีมที่ใหญ่ขึ้นอย่าง บรอมมาโพจ์การ์น่า ก่อนจะดึง โยเคเรส ไปปลุกปั้นต่อ ซึ่งเจ้าตัวก็ใช้เวลาในทีมเยาวชนแค่ 2 ปี ก่อนจะได้เลื่อนขึ้นสู่ชุดใหญ่ และทำประตูแรกในเกมอย่างเป็นทางการได้ในวันที่ 20 สิงหาคม ปี 2015 ในเกม สวีดิช คัพ ที่ บรอมมาโพจ์การ์น่า เอาชนะ ซิลเวีย ไป 3-0 ซึ่ง โยเคเรส ทำคนเดียว 2 ประตูในเกมนัดดังกล่าว ก่อนที่ทั้งฤดูกาลจะทำไปทั้งสิ้น 3 ประตูจากการลงเล่น 12 นัดรวมทุกรายการ
โยเคเรส อยู่กับ บรอมมาโพจ์การ์น่า ทั้งสิ้น 3 ฤดูกาล ในระหว่างปี 2015-2017 ทำไปทั้งสิ้น 25 ประตูกับอีก 9 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 67 เกมรวมทุกรายการ พร้อมกับมีส่วนช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ ซูเปอเรทแทน หรือแชมป์ลีกดิวิชั่น 2 ของสวีเดน ในฤดูกาล 2017 พร้อมกับพาทีมเลื่อนชั้นขึ้นไปสู่ ออลสเวนส์คาน หรือลีกสูงสุดของสวีเดนได้สำเร็จ
ในวัย 19 ปี ฟอร์มของ โยเคเรส ไปเข้าตา ไบรท์ตัน ทีมจากพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งทีมนกนางนวลก็ไม่รอช้า จัดการเซ็นสัญญาคว้าตัวล่วงหน้าตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2017 ด้วยค่าตัวเพียง 1 ล้านยูโร หรือราว 38 ล้านบาท เซ็นสัญญากัน 2 ปีครึ่ง โดยให้ โยเคเรส อยู่กับทีมไปจนจบฤดูกาล และจะย้ายมายังถิ่น เอเม็กซ์ สเตเดี้ยม ในวันที่ 1 มกราคม 2018
หลังจบภารกิจกับ บรอมมาโพจ์การ์น่า แล้ว โยเคเรส ก็ได้ย้ายมายังพรีเมียร์ลีกอย่างที่ตกลงกันไว้ โดยเริ่มต้นกับทีมระดับ ยู 23 ของ ไบรท์ตัน ก่อน และได้ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในศึก ลีก คัพ ในวันที่ 28 สิงหาคม ซึ่ง โยเคเรส ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง แต่ ไบรท์ตัน พ่ายต่อ เซาธ์แฮมป์ตัน ไป 1-0 ซึ่งในฤดูกาล 2018-19 นั้น กองหน้าสวีดิชได้ลงเล่นไปเพียง 5 เกม ซึ่งเป็นเกม เอฟเอ คัพ 4 นัด และ ลีก คัพ อีก 1 นัด ขณะที่ในเกมพรีเมียร์ลีกนั้น โยเคเรส ไม่ได้โอกาสลงสนามเลยแม้แต่เกมเดียว
นั่นทำให้เจ้าตัวเริ่มต้นชีวิตการเป็นนักเตะ "ตัวยืม" โดยในฤดูกาลถัดมา 2019-20 โยเคเรส ถูก ซังต์ เพาลี ที่ตอนนั้นอยู่ใน ลีกาสอง เยอรมนี ยืมตัวไปใช้งาน ซึ่งเจ้าตัวทำผลงานพอใช้ได้ หลังยิงไป 7 ประตูจากการลงเล่น 28 นัด
จากนั้นในฤดูกาล 2020-21 โยเคเรส กลับจากยืมตัวมาอยู่ที่ ไบรท์ตัน อีกครั้ง และสามารถยิงประตูแรกให้กับทีมนกนางนวลได้ในวันที่ 17 กันยายน 2020 ในเกม ลีก คัพ ที่ ไบรท์ตัน ถล่ม พอร์ทสมัธ ขาดลอย 4-0 อย่างไรก็ตาม ในฤดูกาลนี้ โยเคเรส ก็ยังคงไม่ถูกใช้งานในพรีเมียร์ลีกอยู่ดี ก่อนที่ในเดือนตุลาคมจะถูกปล่อยให้ สวอนซี ซิตี้ ทีมจาก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ยืมตัวไปใช้งานจนกระทั่งจบฤดูกาล
แต่หลังจากลงเล่นให้ สวอนซี ไปเพียงแค่ 2 เดือนครึ่ง ซึ่ง โยเคเรส ยิงไปเพียง 1 ประตูจากการลงสนาม 12 เกม ไบรท์ตัน ก็เรียกตัว โยเคเรส กลับคืนสู่ทีมในวันที่ 14 มกราคม 2021 และปล่อยให้ โคเวนทรี ซิตี้ ทีมจาก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ อีกทีมยืมไปใช้งานในช่วงที่เหลือของซีซั่น ซึ่งที่นี่เองคือจุดเริ่มต้นที่ โยเคเรส ได้เริ่มต้นสร้างผลงาน
ทั้งนี้ การยืมตัวกับ โคเวนทรี จนกระทั่งจบฤดูกาล 2020-21 นั้น โยเคเรส ทำไป 3 ประตูจากการลงเล่น 19 นัดในลีก อาจจะยังไม่น่าประทับใจเท่าไหร่นัก แต่ทีมช้างกระทืบโรงก็ตกลงที่จะซื้อนักเตะมาร่วมทีมเป็นการถาวร ด้วยค่าตัวเพียง 1.2 ล้านยูโร หรือราว 45.5 ล้านบาทเท่านั้น
ซึ่ง โยเคเรส ที่เวลานั้นอายุ 23 ปี ก็ไม่ได้ทำให้ โคเวนทรี ผิดหวัง ก่อนจะระเบิดฟอร์มยิง 18 ประตูกับ 5 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 48 เกมรวมทุกรายการ ต่อด้วยอีก 22 ประตูในอีกหนึ่งฤดูกาลถัดมา รวมแล้ว โยเคเรส ทำไป 43 ประตูกับอีก 17 แอสซิสต์ จาการลงเล่นให้ โคเวนทรี 116 เกมรวมทุกรายการ ตลอด 2 ปีครึ่งในถิ่น ริโก้ อารีน่า
แม้ว่าจะไม่ได้ช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จอะไร นอกจากการพา โคเวนทรี ติดอันดับที่ 5 ใน เดอะ แชมเปี้ยนชิพ พร้อมกับไปถึงรอบชิงชนะเลิศของการเพลย์ออฟเลื่อนชั้น ก่อนที่สุดท้ายจะพ่ายจุดโทษต่อ ลูตัน ทาวน์ และอดเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกไปอย่างน่าเสียดาย แต่ด้วยฟอร์มส่วนตัวที่ยอดเยี่ยม ทำให้ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ที่ตอนนั้นมี รูเบน อาโมริม เป็นกุนซือ จัดการทุ่มเงิน 24 ล้านยูโร หรือราว 910 ล้านบาท คว้าตัวไปร่วมทีมทันที
ซึ่งที่ สปอร์ติ้ง ลิสบอน นี่เอง ที่ทำให้ โยเคเรส โด่งดังเป็นพลุแตก เพียงแค่ฤดูกาลแรก โยเคเรส ก็ยิงไปถึง 43 ประตูจากการลงเล่น 50 นัดรวมทุกรายการ พาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของโปรตุเกสมาครองได้ในทันที พร้อมกับกวาดรางวัลทั้งดาวซัลโวสูงสุดที่จำนวน 29 ประตู, นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของลีกโปรตุเกส และติดทีมยอดเยี่ยมแห่งฤดูกาลอีกด้วย
ขณะที่ผลงานในปีต่อมา หรือในฤดูกาลปัจจุบัน โยเคเรส ยังเหนือชั้นมากขึ้นไปกว่าเดิม เมื่อจัดการซัดไปแล้ว 47 ประตูจากการลงสนาม 46 เกมรวมทุกรายการ พา สปอร์ติ้ง ลิสบอน นำเป็นจ่าฝูงของลีกอยู่ในเวลานี้ หลังเก็บไปแล้ว 72 แต้มจาก 30 เกม แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขายังต้องลุ้นต่อในอีก 4 เกมที่เหลือ เนื่องจาก เบนฟิก้า ที่อยู่อันดับ 2 ก็มี 72 คะแนนเท่ากัน เพียงแต่ผลต่างประตูได้เสียของ สปอร์ติ้ง นั้นเหนือกว่า
อย่างไรก็ดี ไม่ว่าฤดูกาลนี้จะจบลงอย่างไร แต่เชื่อว่า โยเคเรส น่าจะได้ย้ายออกจากถิ่น เอสตาดิโอ โชเซ่ อัลวาลาเด้ แน่นอน เพราะผลงานส่วนตัวที่น่าทึ่งอย่างมาก หลังทำไปแล้วถึง 90 ประตูกับอีก 26 แอสซิสต์ จากการลงเล่นให้ สปอร์ติ้ง ลิสบอน 96 นัดรวมทุกถ้วย
บนวัย 26 ปี และกำลังจะครบ 27 ปีในช่วงหน้าร้อนนี้ โยเคเรส พร้อมแล้วที่จะกลับมาท้าทายในลีกที่แข็งแกร่งอย่าง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อีกครั้ง แต่จะเป็น อาร์เซน่อล ที่มีความพร้อมในการลุ้นแชมป์มากกว่าได้ตัวไป หรือจะเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ที่มีเจ้านายเก่าที่เข้าใจกันดีอย่าง รูเบน อาโมริม ที่รอร่วมงานด้วยกันอีกครั้ง หรือแม้แต่ เชลซี ที่แอบจ้องมองอยู่ห่างๆ ก็มีลุ้นเช่นกัน แฟนๆ ทั้ง 3 ทีมคงต้องติดตามกันอย่างใจจดใจจ่อว่าท้ายที่สุดแล้ว โยเคเรส จะเลือกย้ายไปอยู่กับทีมใดในซัมเมอร์นี้...