หากจะพูดถึงผู้จัดการทีมที่มีผลกระทบมากที่สุดต่อ ลิเวอร์พูล ในยุค 2000 ชื่อของ ราฟาเอล เบนิเตซ (Rafael Benítez) คงติดอันดับต้น ๆ อย่างไม่ต้องสงสัย เขาคือกุนซือชาวสเปนที่นำพาความสำเร็จระดับยุโรปกลับคืนสู่ถิ่นแอนฟิลด์ และเป็นผู้ที่วางรากฐานให้ทีมกลายเป็นทีมที่มีเอกลักษณ์ด้านแท็กติกอันแข็งแกร่ง ราฟาเข้ามาคุมทีมลิเวอร์พูลในปี 2004 หลังจากพา บาเลนเซีย คว้าแชมป์ลาลีกาและยูฟ่าคัพได้อย่างยิ่งใหญ่ ช่วงเวลาที่เขาคุมลิเวอร์พูลคือยุคที่เต็มไปด้วยความทรงจำดี ๆ และแน่นอนว่ามันเริ่มต้นด้วยค่ำคืนแห่งปาฏิหาริย์ที่อิสตันบูลในปี 2005 รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! 1. ปาฏิหาริย์อิสตันบูล: จุดเริ่มต้นของตำนาน ในฤดูกาลแรกของราฟา ลิเวอร์พูลสามารถผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ได้สำเร็จ และคู่ต่อสู้ของพวกเขาคือ เอซี มิลาน ซึ่งในเวลานั้นถือเป็นหนึ่งในทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในยุโรป เกมในครึ่งแรกจบลงด้วยสกอร์ ลิเวอร์พูล 0-3 เอซี มิลาน แฟนบอลหลายคนคงหมดหวังไปแล้ว แต่ราฟาแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปลุกเร้าลูกทีมและปรับแท็กติกอย่างยอดเยี่ยม ด้วยการเปลี่ยนมาใช้ระบบหลังสาม และส่ง ดีทมาร์ ฮามันน์ ลงมาเสริมแดนกลาง ผลคือ ลิเวอร์พูลยิงคืนได้ 3 ประตูในครึ่งหลัง ก่อนจะเอาชนะในการดวลจุดโทษ คว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 5 ไปครองได้อย่างปาฏิหาริย์ 2. ความเป็นยอดแท็กติก: ผู้วางแผนเกมรับอันแข็งแกร่ง จุดเด่นของราฟาอยู่ที่ความสามารถในการวางแผนเกมรับที่รัดกุมและมีวินัยสูง โดยเฉพาะในการเจอกับทีมที่เหนือกว่า เขามักจะใช้แผนการเล่นที่เน้นความเหนียวแน่นในแดนกลาง พร้อมกับการโจมตีด้วยเกมสวนกลับที่รวดเร็ว นักเตะหลายคนในยุคของราฟา เช่น ชาบี อลอนโซ่, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, และ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ล้วนแต่เป็นฟันเฟืองสำคัญที่ทำให้ระบบของราฟาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะ เจอร์ราร์ด ที่ราฟามักจะใช้ในบทบาท “หน้าต่ำ” เพื่อสร้างความอันตรายในเกมรุก 3. การซื้อตัวนักเตะ: ทั้งดีและพลาด ราฟามีสายตาที่แหลมคมในการซื้อนักเตะหลายคน เช่น เฟร์นันโด ตอร์เรส: กองหน้าชาวสเปนที่ราฟาดึงตัวมาจากแอตเลติโก มาดริด กลายเป็นเครื่องจักรสังหารประตู และเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดของพรีเมียร์ลีก ชาบี อลอนโซ่: เพลย์เมคเกอร์ผู้บัญชาเกมแดนกลางที่ทำให้ลิเวอร์พูลมีความหลากหลายในการเล่น ฮาเวียร์ มาสเคราโน่: กองกลางตัวรับผู้เป็นกำแพงชั้นแรกของทีมในการหยุดเกมรุกคู่แข่ง แต่ในขณะเดียวกัน ราฟาก็มีการซื้อตัวที่ล้มเหลวเช่นกัน เช่น อันเดรีย ดอสเซน่า, ร็อบบี้ คีน และ อัลแบร์โต้ อาควิลานี่ ซึ่งไม่สามารถสร้างผลงานได้ตามความคาดหวัง 4. ยุคที่ยากลำบาก: การเมืองภายในสโมสร แม้ว่าผลงานในสนามของราฟาจะยอดเยี่ยม แต่เขาต้องเผชิญกับปัญหาภายในสโมสรอย่างหนักในยุคที่เจ้าของทีมคือ ทอม ฮิคส์ และ จอร์จ ยิลเล็ตต์ ซึ่งมีปัญหาการบริหารและความขัดแย้งกับราฟาบ่อยครั้ง ส่งผลให้ทีมไม่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินอย่างเต็มที่ และทำให้ราฟาต้องยุติบทบาทผู้จัดการทีมในปี 2010 5. ผลกระทบที่มีต่อสโมสร แม้ว่าหลังจากราฟาจะออกจากทีมไป ลิเวอร์พูลจะเข้าสู่ยุคที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จ แต่สิ่งที่เขาทิ้งไว้คือรากฐานด้านแท็กติกที่แข็งแกร่ง และนักเตะหลายคนที่เติบโตขึ้นมาในยุคของเขา เช่น เจอร์ราร์ด, ตอร์เรส, และ อลอนโซ่ ยังคงเป็นขวัญใจของแฟนบอลจนถึงทุกวันนี้ 6. การกลับมาสู่แอนฟิลด์ในฐานะคู่แข่ง หลังจากอำลาลิเวอร์พูล ราฟาได้ไปคุมทีมหลายทีม ทั้ง อินเตอร์ มิลาน, เชลซี, นาโปลี, และ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด โดยหนึ่งในช่วงเวลาที่น่าจดจำคือการกลับมาเยือนแอนฟิลด์ในฐานะผู้จัดการทีมเชลซี ซึ่งแฟนบอลลิเวอร์พูลยังคงให้การต้อนรับเขาอย่างอบอุ่น 7. สรุป: จอมแท็กติกแห่งแอนฟิลด์ ราฟาเอล เบนิเตซ คือผู้จัดการทีมที่สร้างความสำเร็จและความทรงจำอันยิ่งใหญ่ให้กับลิเวอร์พูล เขาคือผู้ที่นำทีมคว้าแชมป์ยุโรปด้วยแท็กติกอันชาญฉลาด และความสามารถในการดึงศักยภาพของนักเตะออกมาได้อย่างเต็มที่ แม้ว่าจะมีช่วงเวลาที่ล้มเหลวและผิดหวัง แต่ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า ราฟา คือหนึ่งในกุนซือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของลิเวอร์พูล ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ค่ำคืนแห่งอิสตันบูล และชื่อของ ราฟาเอล เบนิเตซ จะยังคงถูกจดจำในฐานะตำนานแห่งแอนฟิลด์เสมอ 💪🔴 ภาพจาก Facebook Liverpool FC ภาพที่ 1 ภาพที่ 2 ภาพที่ 3 ภาพที่ 4 ภาพที่ 5 ภาพหน้าปก ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !