จบเกมแดงเดือดนัดแรกที่สนามOld Trafford เจ้าบ้านแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เก็บชัยชนะเหนือ ลิเวอร์พูล 2-1 โดยแมนยูได้ประตูจาก จาดอน ซานโช่ นาที 16 และมาร์คัส แรชฟอร์ด นาที 53 ส่วนลิเวอร์พูลได้ประตูคืนมาจาก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ นาที 81 แต่สุดท้ายก็ไล่ไม่ทัน ทำให้ผ่านมาแล้วสามเกมลิเวอร์พูล ยังไม่ชนะใครเลยมีเพียงแค่ 2 คะแนนเท่านั้นเองความพ่ายแพ้ในเกมนี้นอกจากจะทำให้อันดับจมเกือบท้ายตารางแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงจุดอ่อนของลิเวอร์พูลที่ยังเหมือนเดิม และถ้าไม่รีบแก้ไขบางทีฤดูกาลนี้อาจจะไม่สวยงามอย่างที่คิดไว้แล้วก็ได้วันนี้ NPK Footballstyle จะพามาดู 5 จุดบกพร่องของลิเวอร์พูล ที่ถูกเปิดแผลให้เห็นหลังเกมแดงเดือดว่ามีตรงไหนบ้าง ?1. ช่องว่างในเกมรับเกมรับกลายเป็นจุดบอดของทีมในตอนนี้เลยก็ว่าได้ การเสียประตูก่อนทุกเกมทำให้ทีมเล่นยากขึ้นไปหมด ช่องว่างระหว่างคู่เซ็นเตอร์เป็นจุดอ่อนที่คู่แข่งใช้โจมตีแล้วได้ผลตลอด ทั้งประตูของ อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช, วิลฟรีด ซาฮา และมาร์คัส แรชฟอร์ด ทั้งหมดนี้เกิดจากการแทงบอลทะลุช่องผ่านคู่เซ็นเตอร์เข้ามาแบบง่ายๆ และก็กลายเป็นประตูทั้งหมด เมื่อปีที่แล้วลิเวอร์พูลจัดการกับวิธีแบบนี้ได้ด้วยการเช็คล้ำหน้าที่แม่นยำ แต่ในปีนี้ผ่านมาสามเกมแล้วกับดักล้ำหน้าของลิเวอร์พูลได้ถูกทำลายลงอย่างย่อยยับ 2.แดนกลางแดนกลางที่เคยเป็นจุดแข็งของลิเวอร์พูล ปีนี้กลับเริ่มต้นได้อย่างอ่อนปวกเปียกไปหมด ทั้งปัญหาอาการบาดเจ็บ, นักเตะหลักอายุมากขึ้น และดาวรุ่งก็ยังทดแทนได้ไม่เต็มที่ ทำให้ลิเวอร์พูลต้องเปลี่ยนกองกลางตลอดทั้งสามเกมที่ผ่านมา จากจุดแข็งจึงกลายเป็นจุดอ่อน ในเกมแดงเดือดแม้ว่าจะครองบอลได้มากกว่า แต่ก็เป็นอีกเกมที่แดนกลางสู้คู่แข่งไม่ได้เลย ทั้งการออกบอลช้าเกินไป บอลจากกลางไปไม่ถึงหน้า พอโดนคู่แข่งบีบเร็วก็มักจะจ่ายบอลเสียกันง่ายอีก ทำให้บอลไม่ต่อเนื่องทำได้แค่ถ่ายบอลกันไปมาตรงกลางสนาม3. การจ่ายบอลประสิทธิภาพในการจ่ายบอลในปีนี้ลดลงไปเยอะมาก นักเตะถูกบีบให้เล่นยากจนจ่ายบอลเสียเองบ่อยเกินไป เทรนต์ -อาร์โนลด์ และแอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน สองแบ็คตัวทำเกม ก็เหมือนจะโดนคู่แข่งจับทางได้ไม่ยอมปล่อยให้มีเวลาได้เปิดบอลง่ายๆ ในจังหวะอันตรายจะโดนเข้าถึงตัวเร็วตลอดทำให้ต้องรีบเปิดจนความแม่นยำหายไปเยอะ ยิ่งแดนกลางขาดนักเตะอย่าง ติอาโก้ อัลคันทารา ทำให้บอลจากกลางไปหน้าก็ขาดหายไปด้วย 4. เกมรุกริมเส้นเกมรุกเป็นอีกจุดของทีมที่ด้อยประสิทธิภาพลงไปอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเกมรุกจากริมเส้นทั้งสองข้างที่เป็นทีเด็ดมาโดยตลอด ปฎิเสธไม่ได้ว่าการเสีย ซาดิโอ มาเน่ เริ่มส่งผลต่อเกมรุกของทีม ทั้งหลุยส์ ดิอาท และโมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดูจะถูกปล่อยให้โดดเดี่ยวอยู่ริมเส้นมากเกินไป ไม่มีนักเตะที่จะเข้าไปต่อบอล หรือช่วยดึงตัวประกบออกมาให้ ทำให้ต้องเจอสถานการณ์โดนคู่แข่งตามประกบอยู่ตลอด และเมื่อไม่มี ดาร์วิน นูเญซ อยู่ในกรอบเขตโทษแล้วด้วย การจะเลี้ยงผ่านกองหลังเข้าไปหาจังหวะยิงก็ทำได้ยากไปกันใหญ่ เราจึงจะเห็นว่าเกมรุกลิเวอร์พูลบ่อยครั้งที่จะไปตันอยู่ด้านข้างจนเสียบอลไปเอง5. อาการบาดเจ็บปัญหาใหญ่ที่ยากเกินกว่าจะควบคุมได้ การที่ทีมมีนักเตะเจ็บไม่สามารถลงเล่นได้ 10 กว่าคนย่อมไม่ใช่เรื่อปกติแน่นอน และยิ่งอาการบาดเจ็บกระจายไปในทุกตำแหน่งของทีมทั้งกองหลัง กองกลาง กองหน้า จึงได้รับผลกระทบไปทั่วทั้งสนาม การขาดนักเตะตัวจริงหลายคน และก็ไม่มีนักเตะสำรองที่พร้อมจะลงมาช่วยเปลี่ยนเกม เป็นอีกเหตุผลสำคัญที่มีผลกระทบโดยตรงต่อฟอร์มการเล่นของทีมในเวลานี้ตอนนี้ดูเหมือนว่าในฤดูกาลนี้คู่แข่งหลายๆทีมในลีกเริ่มจับทาง และโจมตีจุดอ่อนของลิเวอร์พูล ได้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับนักเตะตัวหลักบาดเจ็บกันเยอะ ทำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่มีทางเลือกมากนักในการจัดทีม หลังจากนี้ลิเวอร์พูลน่าจะต้องเจอเกมที่เล่นยากลำบากไปอีกหลายเกม จนกว่าจะหาวิธีอดรอยรั่วได้ หรือไม่ก็ต้องรอให้ผู้เล่นหลักจะหายเจ็บกลับมาพร้อมหน้าอีกครั้งเครดิตภาพ Liverpool FC , Manchester Unitedภาพปก Liverpool/Liverpool/Liverpoolภาพ ManUnited/Liverpoolภาพ Liverpool/LiverpoolCommunityคอบอล ถกประเด็นร้อนฟุตบอลทุกลีก ใครตัวเต็ง ใครฟอร์มตก ต้องเคลีย