วิเคราะห์เชลซี ฤดูกาล 2024-25 กับ 4 ประเด็นหลักก่อนเริ่มซีซั่นฟุตบอลพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2024/25 กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว สโมสรเชลซี มีการเปลี่ยนแปลงมากมายในทีมทั้ง ผู้จัดการทีม นักเตะใหม่ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของเชลซีและนี่เข้าสู่ฤดูกาลที่ 3 ภายใต้เจ้าของทีมใหม่อย่างกลุ่ม Clearlake Capitol โดยมีผู้จัดการทีมคนที่ 4 เป็น เอ็นโซ่ มาเรสก้า หลังจากที่พาเลสเตอร์ ซิตี้ กลับขึ้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีกในฐานะแชมป์เดอะแชมเปียนชิพ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว มาในปีนี้ กุนซือชาวอิตาลีจะใช้ประสบการณืที่เข้ามีพาเชลซี กลับมาได้หรือไม่ ด้วยสภาพทีมในตอนนี้ เชลซีใช้เงินเสริมทัพ ในช่วงภายใต้เจ้าของใหม่ทะลุไปกว่าหลัก "พันล้าน" แต่ก็มีทั้งขาออกปกติทั่วไปเหมือนทุก ๆ ทีม โดยพวกเขาสามารถบริหารช่องโหว่ของกฏกำไรและความยั่งยืน (PSR) ถึงกระนั้น สโมสรดูเหมือนจะไม่หวั่นไหวเรื่องนี้ เพราะทีมสิงห์บลู เซ็นสัญญานักเตะใหม่ไม่ต่ำกว่าเก้าคน และอาจมีนักเตะ อีกหลายคนที่จะย้ายออกไปมาร์เรสก้า จะสามารถสร้างทีมตามแบบแผ่นสไตล์ของเขาได้เร็วแค่ไหน ?มีการพูดถึงปรัชญาของผู้จัดการทีมคนใหม่ของเชลซีอย่างมาเรสก้าอย่างมาก โดยเน้นไปที่รูปแบบการเล่นที่นำมาใช้ในเกมอุ่นเครื่องช่วงปรีซีซั่นที่ผ่านมา เนื่องจาก มาเรสก้า มาจากการเป็นผู้ช่วยของ เป๊บ กวาดิโอลล่า จึงไม่น่าแปลกใจที่เขาชอบเล่นบอลสไตล์คล้าย เป๊บ การบิ้วอัพเกมส์ จากผู้รักษาประตูหรือแม้กระทั่งการเล่นแบบอินเวิร์ส ฟูลแบ็ค รีซ เจมส์ หรือ มาโล กุสโต้ ถูกใช้งานในตำแหน่งอินเวิร์สฟูลแบ็ค ซึ่งบางคนอาจบอกว่าไม่ใช่จุดแข็งของทั้งคู่ เอาไปเล่นแนวอินเวิร์สแล้วเสียของ เนื่องจากพวกเขามีความสามารถฐานะแบ็คขวาธรรมชาติที่เติมเกมบุกได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนเองก็เห็นด้วยว่าไม่เหมาะ แต่ในฐานะโค๊ชอย่าง มาเรสก้า เข้ามีสไตล์การทำทีมแบบนี้นักเตะก็ต้องพยายามปรับตัวให้เข้ากับแผนโค๊ชให้ได้ ไม่อย่างนั้นพวกเข้า อาจจะต้องออกจากทีมไปด้วยเหตุผลที่ไม่เข้ากับแผ่นของโค๊ช ดังนั้น ในช่วงอุ่ยเครื่องปรีซีซั่น 6 นัดที่ผ่านมา เราจะได้เห็น นักเตะเชลซีได้เรียนรู้แผ่นได้ลองเล่น รูปแบบใหม่ในตำแหน่งที่ไม่ถนัดอยู่บ้างในบางคน ซึ่งต้องค่อย ๆ ปรับกันไป ก่อนที่พวกเขาจะเปิดศึกพรีเมียร์ลีก พบกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่า ซึ่งในช่วงอุ่นเครื่องพวกเข้าได้เจอกันมาแล้วและเชลซีก็พ่ายแพ้ไปอย่าบงย่อยยับ 4-1 มาเรสก้าต้องพยายามหาวิธีจูนนักเตะให้เล่นเข้าระบบให้ได้อย่างรวดเร็ว เชลซียุคนนี้จะแตกต่างจากฤดูกาลที่แล้วอย่างไร ?ช่วงเวลาเดียวกันนี้เมื่อปีที่แล้ว โปเช็ตติโน่ อยู่ในสถานการณ์ที่คล้ายกับ มาเรสก้า ในตอนนี้เขาพยายามถ่ายทอดแนวคิดแผ่นของเขาให้กับลูกทีมเชลซีที่ อายุน้อยอ่อนประสบการณ์หลายคน เพื่อใช้ในการสู้ศึกพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะถึงนี้ย้อนกลับไปฟอร์มช่วงต้นฤดูกาลก่อนของเชลซีไม่ค่อยดีนัก ชนะเพียงหนึ่งในห้าเกมแรก (เสมอ 2 แพ้ 2) แต่พวกเขาพัฒนาขึ้นหลังจากเข้าช่วงปีใหม่เป็นต้นมา โดยเชลซีแพ้เพียงครั้งเดียวใน 15 นัดสุดท้ายของลีก (ชนะ 9 เสมอ 5) และเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ คาราบาว คัพ และรอบรองชนะเลิศ เอฟเอ คัพ และจบฤดูกาล 2023-24 ด้วยการชนะ 5 นัดติดต่อกันและจบอันดับที่ 6 ของตารางได้ตั๋วไปเล่นฟุตบอลยูโรปถ้วยเล็กสุดได้สำเร็จ เป็นที่ทราบกันดีว่าเชลซีจะพยายามปรับไปใช้สไตล์การเล่นที่เน้นการครองบอลด้วยความรัดกุมภายใต้การคุมทีมของ มาริก้า แต่หากดูจากสถิติของเชลซีเทียบกับฤดูกาลที่แล้วอาจจะไม่ได้ต่างกันมากนัก หากดูจากจำนวนการผ่านบอล จังหวะการเล่นและความเร็วในการเคลื่อนที่ของบอลขึ้นหน้าของเชลซีและเลสเตอร์ จะเห็นว่าไม่มีความแตกต่างกันมากนักในวิธีการเล่นของทั้งสองทีมในฤดูกาลที่แล้ว เมื่อพิจารณาจากการต่อบอลขึ้นเกมของเชลซี (และข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น) ในเกมอุ่นเครื่องที่ผ่านมา เทียบกับฤดูกาลก่อนพวกเขาเน้นโยนบอลยาวเป็นส่วนใหญ่และสิ่งที่พวกเขากำลังปรับเปลี่ยนในฤดูกาลนี้ ต่างออกไปจากเดิมพอสมควรภายใต้การคุมทีมของมาเรสก้า แต่นั้นเป็น้พียงแค่เกมอุ่นเครื่องที่ มาเรสก้าอาจจะลองแผนการเล่นก็เป็นได้ ในจังหวะที่ทีมเชลซีไม่ได้ครองบอล มาเรสก้า ไม่ได้ให้ลูกทีมของเขาบีบเพลสสูงและดุดันเหมือนที่ โปเช็ตติโน่ ทำกับเชลซีในฤดูกาลก่อน แต่มีสถิติตัวเลขที่แสดงให้เห็นว่าเชลซีมีค่าเฉลี่ยการเพลสต่อเกมมากกว่าเลสเตอร์ (12.2 ต่อเกม) (11.3) ในฤดูกาลที่แล้ว รวมถึงการแย่งบอลในแดนบนต่อเกมมากกว่า (เชลซี - 9, เลสเตอร์ - 7.9) อย่างไรก็ตาม เลสเตอร์มีประสิทธิภาพมากกว่าในการบีบเพลสจนนำไปสู่การได้ประตู โดยทำได้ 12 ครั้ง (สูงสุดในลีก) เทียบกับ 5 ครั้งของ สิงห์บลู แม้ว่าอาจจะใช้เทียบกันไม่ได้เท่าไรนักเพราะลีกและองค์ประกอบทีมต่างกัน แต่นี่น่าจะพอแสดงให้เห็นภาพลาง ๆ ได้ถึงสไตล์การบีบเพลสซิ่งของเชลซียุคมาเรสก้ากุญซื่ออย่าง มาเรสก้า ดูเหมือนจะชอบให้ทีมของเขาถอยร่นลงรับต่ำเล็กน้อยและแย่งบอลกลับมาในพื้นที่กลางสนาม มากกว่าที่จะกดดันสูง โดยทีมเลสเตอร์ของเขาแย่งบอลกลับมาในพื้นที่ส่วนกลางสนามของ 23 ครั้งต่อเกมในฤดูกาลที่แล้ว เทียบกับ 19 ครั้งของเชลซี สิ่งนี้ดูเหมือนจะสะท้อนเหตุผลบางอย่างของกุนซือชาวอิตาลีเกี่ยวกับแนวรับที่ดันสูงจนเกินไปจนนำมาสู่การเสียหลายประตูในช่วงปรีซีซั่นที่ผ่านมาของเชลซี การแข่งขันฟุตบอลยุโรป ยูฟ่า คอนเฟอร์เล้น ลีก ส่งผลดีต่อเชลซีหรือไม่ ? ความแตกต่างที่สำคัญอย่างหนึ่งในฤดูกาลนี้เมื่อเทียบกับฤดูกาลที่แล้วคือ เชลซีจะเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลยุโรปในรายการ ยูฟ่า คอนเฟอร์เล้น ลีก ซึ่งหมายความว่าพวกเข้าจะมีจำนวนเกมที่มากขึ้นกว่าปีก่อน อาจเป็นได้ทั้งข้อดีและข้อเสีย ขึ้นอยู่กับว่าจะมองมุมไหนโปรแกรมการแข่งขันที่มากขึ้นจะทำให้เกิดการโรเตชั่นนักเตะมากขึ้น และผู้จัดการทีมจะต้องมีความไว้วางใจในทีมของตัวเองระดับหนึ่ง เขาหวังว่าทีมจะมีผลงานที่ดีทั้งในลีกและบอลถ้วยควบคู่กันไป ในทางกลับกัน นักเตะดาวรุ่ง บางคนจะได้รับโอกาสลงเล่นในฟุตบอลยุโรปเป็นครั้งแรกเพื่อเก็บประสบการณ์เพื่ออนาคต และได้รับโอกาสในการแสดงผลงานให้โค๊ชเห็นว่าพวกเขาทำอะไรได้บ้างผลงานดีแค่ไหน สามารถพัฒนาต่อไปได้หรือไม่ แต่ทั้งหมดนี้หมายความว่า มาเรสก้า จะต้องใช้ระยะเวลาในการหาสมดุลของทีมให้ได้โดยเร็วแน่นอนว่า คอนเฟอร์เล้น ลีก จะส่งผลดีต่อภาพรวมของทีมโดยตรงหรือไม่ อาจขึ้นอยู่กับวิธีที่พวกเขาจัดการทีมได้ดีแค่ไหน หาก มาเรสก้า ไม่อยากที่จะโรเตชั่นนักเตะ เหล่าบรรดาผู้เล่นตัวหลักอาจเหนื่อยล้าและส่งผลในระยะยาวต่อทั้งฤดูกาลได้ จนอาจลามมาถึงพรีเมียร์ลีกอีกด้วยหากพิจารณาจากขุมกำลังเชิงลึกของทีมเชลซีในแง่ของจำนวนผู้เล่น ตัวสำรองของพวกเขาในทางทฤษฎีอย่างน้อยก็น่าจะดีพอที่จะพาพวกเขาผ่านรอบแบ่งกลุ่มของการแข่งขันฟุตบอลยุโรปปถ้วยเล็กสุดได้อย่างไม่ยากเย็นนักใครจะเป็นดาวเด่นของทัพสิงห์บลูในฤดูกาลนี้ ?แม้จะเซ็นสัญญากันมาตั้งแต่ซัมเมอร์ที่แล้ว แต่ คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู ก็เหมือนเป็นนักเตะใหม่ของทีมเชลซีในฤดูกาลนี้ เพราะฤดูกาลก่อนเข้าใช้ชีวิตอยู่ที่โรงพยายาบเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บเป็นส่วนใหญ่ นักเตะชาวฝรั่งเศสลงเป็นตัวจริงเพียง 2 เกมในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่แล้ว และลงเล่นทั้งหมด 11 นัด (437 นาที) ทำได้ 3 ประตูในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ นอกจากนี้เขายังทำประตูได้ 3 ประตู ในเกมอุ่นเครื่องช่วงปรีซีซั่นอีกด้วย ซึ่งบ่งบอกว่าเขาพร้อมแล้วสำหรับฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะเริ่มขึ้นในวัย 26 ปี เอนคุนคู เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่อายุมากที่สุดและมีประสบการณ์มากที่สุดในทีมเชลซี โดยเขาย้ายมาจาก อาร์บี ไลป์ซิก โดยมาพร้อมกับชื่อเสียงและสถิติการมีส่วนร่วมกับประตู (70 ประตูและ 45 แอสซิสต์ใน 172 เกมในทุกรายการ) ซึ่งถือว่ายอดเยี่ยมอย่างมากเชลซีมีนักเตะมากถึง 35 คนที่แตกต่างกันได้ลงเดบิวต์ในพรีเมียร์ลีกให้กับเชลซีในช่วงสองฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งมากกว่าทีมอื่น ๆ ในลีก ถึง 11 คน (ไม่รวมทีมที่เลื่อนชั้น) จะมีอีกหลายคนที่จะมาในฤดูกาล 2024/25 ด้วยแรงกดดันจากทั้งภายในและภายนอกอย่างต่อเนื่อง มันจะเป็นงานที่ใหญ่สำหรับผู้จัดการทีมคนใหม่อย่างเอ็นโซ่ มาเรสก้า ในการนำทางทัพสิงห์บลูชุดนี้ กลับสู่ฟอร์มและความยิ่งใหญ่ที่ควรจะเป็น เพื่อตอบตอบสนองความคาดหวังของแฟน ๆ และเจ้าของทีมปัจจุบันให้ได้ โดยที่หวังว่าเข้าจะไม่โดนปลดซะก่อนสุดท้ายนี้หากผู้อ่านทุกท่านชื่นชอบบทความของผมรบกวนฝากกดแชร์บทความ Like เพจเฟสบุ๊คด้านล่างให้หน่อยนะครับขอบคุณคร๊าบบบบช่องทางการติดตามผู้เขียน : รวมพลังส้มตำไก่ย่างhttps://www.facebook.com/profile.php?id=100035569525894&mibextid=ZbWKwLบทความแนะนำhttps://sport.trueid.net/detail/9Gr150bWbODlhttps://sport.trueid.net/detail/yPvGYA9bVAlahttps://sport.trueid.net/detail/gBKX72gl2oz0ขอบคุณภาพประกอบจาก : Chelsea FC ภาพปก 1 / ภาพปก 2 / ภาพปก 3 / ภาพปก 4 / ภาพประกอบ 1 / ภาพประกอบ 2 / ภาพประกอบ 3 / ภาพประกอบ 4 / ภาพประกอบ 5 / ภาพประกอบ 6 / ภาพประกอบ 7 / ภาพประกอบ 8 / ภาพประกอบ 9 ห้องพูดคุยฟุตบอล วิเคราะห์นักเตะ