หลังจากตามจีบอยู่นาน สนใจตั้งแต่เจ้าตัวยังอยู่ทีลีกของเนเธอร์แลนด์ ในที่สุด "หงส์แดง" ลิเวอร์พูลก็สามารถพาตัวกองกลางดาวรุ่งชาวดัตช์อย่าง "ไรอัน กราเฟนแบร์ค" มาร่วมทีมได้สำเร็จด้วยค่าตัว 40 ล้านยูโร แอดออนอีก 5 ล้านยูโร (34.6 ล้านปอนด์+4.6 ล้านปอนด์) เซ็นสัญญากัน 5 ปี สวมหมายเลข 38 แถมยังเป็นดีลที่ตื่นเต้น ระทึกใจอีกด้วยกว่าจะได้มา และวันนี้ผมจะพาคุณผู้อ่านทุกคนไปทำความรู้จักกับมิดฟิลด์ดาวรุ่งคนใหม่ของทีมว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร สถิติเป็นยังไงบ้าง และความตื่นเต้นเร้าใจในดีลนี้มันจะเป็นอย่างไร ผมจะสรุปไว้ให้ในที่นี่ครับ ไปดูกันเลยครับไรอัน กราเฟนแบร์คนั้นเกิดที่เมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอแลนด์ เกิดวันที่ 16 พฤษภาคม 2002 ปัจจุบันอายุ 21 ปี เขาเริ่มต้นการเล่นฟุตบอลกับทีมเยาวชนของ AVV Zeeburgia ก่อนที่จะย้ายไปร่วมทีมเยาวชนของอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัมในปี 2010 และไต่เต้าขึ้นมาเรื่อยๆ จนถูกเรียกติดชุดใหญ่ในปี 2019 ในยุคของเอริก เทน ฮาก กุนซือของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคนปัจจุบันที่ตอนนั้นเขายังคุมทัพยอดทีมจากแดนกังหันลมอยู่ เขาลงสนามให้อาแจ็กซ์ไปทั้งหมด 103 นัด ยิงได้ 12 ประตูและ 13 แอสซิสต์ กราเฟนแบร์คนั้นถือว่าเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามองที่สุดคนนึงของยุโรปและถ้าหากใครที่เป็นคอเกม Football Manager ก็น่าจะรู้จักดีสำหรับกราเฟนแบร์ค แถมบางคนยังต้องเคยซื้อเขามาร่วมทีมด้วย (ผมคือหนึ่งในนั้น555555555555)แต่สุดท้ายบาเยิร์น มิวนิคคือทีมที่คว้าตัวเขาไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 35 ล้านยูโรในปี 2022 ส่วนกับทีมชาติเนเธอแลนด์ เขาลงเล่นตั้งแต่ชุด U-15 ลากยาวจนมาถึง U-21 และลงเล่นให้กับทีมชาติชุดใหญ่นัดแรกในวันที่ 24 มีนาคม 2021 ในเกมฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนยุโรปในเกมที่พบกับทีมชาติตุรกี โดยตอนนี้เขาลงเล่นให้กับทีมชาติชุดใหญ่ไปแล้ว 11 นัด ยิงได้ 1 ประตู ส่วนผลงานของเขากับบาเยิร์น มิวนิคนั้นเรียกได้ว่าไม่สามารถความประทับใจได้เลย เขาลงเล่นไป 34 เกม ยิง 1 และแอสซิสต์ 1 เท่านั้นทีนี้มาดูสถิติของกราเฟนแบร์คกันดีกว่าครับว่าเป็นอย่างไรบ้าง เรามาเริ่มตั้งแต่ที่เขาเล่นให้กับอาแจ็กซ์กันเลยดีกว่าครับกราเฟนแบร์คลงเล่นให้กับอาแจ็กซ์ ฤดูกาล 2020/2021 ทั้งหมด 2,616 นาที ตำแหน่งส่วนใหญ่คือกองกลางตัวกลาง 79% ที่เหลือ 21% ในตำแหน่งกองกลางตัวรับ ฤดูกาล 2021/2022 ลงเล่นทั้งหมด 2,331 นาที ตำแหน่งที่ลงเล่นมากที่สุดคือ กองกลางตัวรับ73% รองลงมาคือ กองกลางตัวกลางที่ 26% โดยในฤดูกาล 2021/2022 ส่วนใหญ่เขาจะทำเกมรุกในฝั่งซ้ายมากกว่าและส่วนใหญ่ก็อยู่บริเวณริมเส้นด้วย และมีสถิติ 11 ครั้งของการจ่ายบอลก่อนที่จะเป็นแอสซิสต์ เป็นสถิติมากที่สุดของลีกส่วนการลงเล่นให้กับบาเยิร์น มิวนิคนั้น ฤดูกาลที่แล้ว (2022/2023) เขาลงเล่นไปเพียง 559 นาที ส่วนตำแหน่งที่ลงเล่นบ่อยที่สุดคือกองกลางตัวรับที่ 41% รองลงมา 34% ในกองกลางตัวรับ และ 12% ที่กองกลางตัวรุก โดยสถิติต่างๆ ของเขาเมื่อฤดูกาลที่แล้วกับบาเยิร์นเป็นประมาณนี้ครับ สร้างสรรค์โอกาส 1.3 ครั้ง, โอกาสยิง 1.8 ครั้ง, สัมผัสบอลในเขตโทษคู่แข่ง 2.2 ครั้ง, ชนะการดวลกลางอากาศ 0.6 ครั้ง, แย่งบอลมาครอง 9.2 ครั้ง (ทั้งหมด 57 ครั้ง), สัมผัสบอล 82 ครั้ง, โอกาสเลี้ยงบอล 3.4 ครั้ง และส่วนร่วมในการเล่นเกมรับ 8.1 ครั้ง โดยสถิติที่ว่ามีนี้จะเป็นสถิติเฉลี่ยต่อเกมนะครับสถิติบ่งบอกว่ากราเฟนแบร์คนั้นค่อนข้างจะเป็นผู้เล่นที่มีส่วนร่วมทั้งเกมรุกและเกมรับ หลังจากที่ได้เห็นคลิปไฮไลท์เกี่ยวกับเขา ถ้าหากให้นึกถึงภาพของนักเตะลิเวอร์พูลก็คงเหมือนกับจีนี ไวจ์นาดุม อดีตกองกลางหมายเลข 5 ของทีม ที่มักจะพาบอลขึ้นหน้า มีทักษะเฉพาะตัว ครองบอลเหนียวแน่น แถมในฤดูกาล 2020/2021 ตอนที่เล่นอยู่กับอาแจ็กซ์ เขามีสถิติการพาบอลขึ้นหน้าในเกมลีกอยู่ที่ 391 ครั้งและด้วยส่วนสูง 6 ฟุต 3 นิ้วนั้น ไม่แปลกใจที่หลายครั้งถูกจับไปเล่นกองกลางตัวรับหรือกองกลางหมายเลข 6 และทำให้เขาถูกคาดหมายว่าอาจจะถูกเยอร์เกน คล็อปป์จับมาเล่นในตำแหน่งนี้ ซึ่งถ้าหากเราลองไปเปรียบเทียบกับ "โรดรี" ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้แล้วนั้น สถิติถือว่าไม่แย่เลย หากวัดจากฤดูกาลแรกที่โรดรีถูกเป๊ป กวาร์ดิโอลาดึงตัวมา (2019/2020) เขาแย่งบอลคืนมาได้ที่ 8.2 ครั้งต่อเกม มีส่วนร่วมกับเกมรับ 6.4 ครั้งต่อเกม สร้างสรรค์โอกาสก็อยู่ที่ 1.2 ครั้งต่อเกมจะเห็นได้ว่าสถิติใกล้เคียงกันมาก แต่อย่าลืมว่านี่คือการเปรียบเทียบการเล่นต่างลีก และไม่ได้บอกว่ากราเฟนแบร์คจะเป็นโรดรีคนต่อไปของพรีเมียร์ลีก แต่อาจจะเป็นไปได้ว่าความสามารถของเขาจะไปถึงจุดนั้นได้ กราเฟนแบร์คยังต้องพัฒนาอีกพอสมควรกว่าจะไปถึงจุดนั้นได้ เพราะยังมีหลายสถิติที่ยังเป็นรองกองกลางตัวรับเบอร์ 1 ของพรีเมียร์ลีก ทั้งการดวลกลางอากาศ รวมไปถึงการที่เจ้าตัวนั้นชอบเสียบอลง่าย คนละเรื่องกับโรดรีเลยที่ครองบอลเหนียวแน่น เสียบอลยาก กราเฟนแบร์คนั้นเสียบอลเฉลี่ย 14.7 ครั้งต่อเกมเมื่อฤดูกาลที่แล้ว และในฤดูกาลสุดท้ายที่ฮอลแลนด์เขาเสียบอลไปถึง 15.1 ครั้งต่อเกม แถมหากเปรียบเทียบกับฟาบินโญ กลางรับคนเก่าของทีมยิ่งไปกันใหญ่ ห่างกันเกือบ 2 เท่า (ฟาบินโญเสียบอลเมื่อฤดูกาลที่แล้ว 8.3 ครั้งต่อเกม)น่าสนใจเหมือนกันว่าคล็อปป์และทีมงานจะจับกราเฟนแบร์คนั้นเล่นตำแหน่งไหน ถ้าหากเล่นเบอร์ 6 อาจจะต้องเทรนเรื่องเกมรับมากกว่านี้ โดยเฉพาะเรื่องการเสียบอล เพราะถ้าหากเสียบอลทีนึงก็อาจจะโดนคู่แข่งสวนกลับจนเสียประตูก็ได้ ยิ่งกับตำแหน่งกลางรับยิ่งเสียงค่อนสูงเลยทีเดียวอย่างที่ผมได้จั่วหัวไปว่าสำหรับดีลกราเฟนแบร์คกับลิเวอร์พูลนั้นคือดีลที่ตื่นเต้น เร้าใจ พาให้แฟนหงส์ว้าวุ่นใจ ผมจะเล่าให้ฟังครับว่ามันว้าวุ่นใจอย่างไรเริ่มจากการที่ลิเวอร์พูลนั้นสนใจในตัวนักเตะมานานแล้วแต่อย่างที่ทราบกันว่านักเตะเลือกเสือใต้และพอมาในฤดูกาลนี้สบโอกาสที่ทีมปล่อยกองกลางออกจากทีมไปเยอะ ทำให้ต้องเสริมกลับมาเยอะพอสมควร เริ่มตั้งแต่อเล็กซิส แมค อัลลิสเตอร์, โดมินิก โซโบซไล และคนล่าสุดก่อนกราเฟนแบร์คก็คือวาตารุ เอนโด ซึ่งก่อนเอนโดก็มีดีลระทึกใจอย่างมอยเซส ไคเซโดและดีลยืดเยื้อกับโรเมโอ ลาเวียซึ่งสุดท้ายทั้งคู่ก็เลือกที่จะไปเชลซีมากกว่าการย้ายมาลิเวอร์พูลทำให้คราวนี้เกิดความว้าวุ่นใจกับแฟนหงส์เลยว่าจะมีกอกลางเข้ามาอีกหรือไม่ แต่ทั้งคล็อปป์และผู้สื่อข่าวทั้งหลายก็บอกว่ายังไงก็มีแน่นอน แต่รอจนแล้วจนเล่าก็ไม่มีวี่แว่วซักที จนมาในช่วงท้ายของตลาดก่อนปิดตลาด 1-2 วันว่าลิเวอร์พูลสนใจกลับมาดึงตัวกราเฟนแบร์คอีกครั้งถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ทางบาเยิร์นยืนยันว่ายังไงก็ไม่ปล่อย แต่สุดท้ายจนแล้วจนรอดความชัดเจนในดีลนี้มันก็มีมูลมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อทางเสือใต้ก็มีข่าวกับเจา ปาลินญา มิดฟิลด์ของ "เจ้าสัวน้อย" ฟูแลมเหมือนกัน โดยพี่เสือวางปาลินญาเป็นตัวแทนของกราเฟนแบร์ค กลายเป็นดีลตัวตายตัวแทนกันทันทีทีนี้ก็กลายเป็นว่าดีลของกราเฟนแบร์คนั้นมันขึ้นอยู่กับดีลของปาลินญาด้วย ถ้าหากพี่เสือได้ปาลินญาก็เท่ากับว่าพวกเขาได้ตัวแทนกราเฟนแบร์คแล้ว ทีนี้เขาก็จะถูกปล่อยตัวได้ง่ายขึ้น แต่อาจจะลืมไปว่าอีกทีมนึงที่ต้องหาตัวแทนก็คือฟูแลมที่ต้องหาตัวแทนของปาลินญา คราวนี้แหละฝุ่นมันมาเริ่มมาตลบในวันสุดท้ายของตลาดซื้อขาย เริ่มที่ดีลของลิเวอร์พูลกับกราเฟนแบร์คนั้นบรรลุข้อตกลงส่วนตัวเรียบร้อยแล้วและในวันสุดท้ายนักเตะก็บินมาตรวจร่างกายแล้ว ส่วนปาลินญาก็บินไปตรวจร่างกายกับบาเยิร์นแล้วเหมือนกัน ถ่ายภาพรอเปิดตัวเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน ตัดภาพไปที่ฟูแลมนั้นที่เร่งหาตัวแทนของปาลินญาแต่จุดไคล์แมกซ์ของดีลอลวนนี้มันอยู่ที่ตลาดซื้อขายของบุนเดสลีกานั้นปิดก่อนชาวบ้านชาวช่อง ปิดที่ 5 ทุ่มของวันที่ 1 กันยายน (เวลาประเทศไทย) แต่กับลีกอังกฤษนั้นปิดตี 5 ที่เป็นเช้ามืดของวันที่ 2 กันยายน ทีนี้ในเมื่อฟูแลมยังหาตัวแทนไม่ได้ พวกเขาก็ยังไม่ยอมเซ็นอนุมัติในดีลของปาลินญาซักที เวลาล่วงเลยไปจนถึงชั่วโมงสุดท้ายของตลาดบุนเดสก็เริ่มมีรายงานว่าดีลของปาลินญาอาจจะล่ม รวมไปถึงดีลของกราเฟนแบร์คด้วย คราวนี้แหละว้าวุ่นใจกันของจริงแล้ว ยิ่งเวลาเหลือน้อยลงเท่าไหร่ก็เท่ากับว่าอีก 2 ดีลก็มีสิทธิล่มไปพร้อมกัน ซึ่งสุดท้ายแล้วฟูแลมก็หาตัวแทนของปาลินญาไม่ทัน นั่นคือเหตุผลที่ทำให้พวกเขาไม่อนุมัติให้ปาลินญาย้ายไปอยู่กับบาเยิร์น มิวนิค และเวลาเดินทางมาถึง 5 ทุ่ม ตลาดของบุนเดสนั้นปิดตัวลงนั่นเท่ากับว่าพี่เสือพลาดตัวของปาลินญาไปเรียบร้อย ทีนี้ล่ะคนที่เป็นกังวลต่อมาก็คือลิเวอร์พูล ในเมื่อเสือใต้หาตัวแทนกราเฟนแบร์คไม่ได้ พวกเขาก็มีสิทธิที่จะไม่ปล่อยตัวเขาแล้วเหมือนกันความ "ว้าวุ่น" นี้เกิดกับฝั่งกองเชียร์ลิเวอร์พูลประมาณ 1 ชั่วโมง ในที่สุดก็เหมือนมีเสียงสวรรค์มาโปรด เมื่อฟราบิซิโอ โรมาโนรวมไปถึงเหยี่ยวข่าวเทียร์สูงอย่างพอล จอยซ์ ผู้สื่อข่าวสายข่าวของลิเวอร์พูลที่มีความน่าเชื่อถือสูงก็ออกมายืนยันว่าดีลกราเฟนแบร์คยังไงก็ไม่ล่ม ดีลปาลินญาไม่ได้ส่งผลกับดีลของกราเฟนแบร์คและต่อมาทางโรมาโนก็ยืนยัน ตอกย้ำให้แฟนหงส์แดงมั่นใจด้วยการบอกว่าดีลของกราเฟนแบร์คนั้นมันบรรลุทุกอย่างแล้ว รอแค่ลิเวอร์พูลประกาศเปิดตัวแค่นั้นและแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง ตี 3 กับอีก 41 นาที ลิเวอร์พูลโพสต์ภาพเป็นภาพของแบคกราวน์ที่ใช้สำหรับการถ่ายภาพนักเตะ แต่เป็นแบคกราวน์ที่โล่งๆ แค่นั้น ก่อนที่อีก 2 นาทีต่อมาจะทำการเปิดตัวไรอัน กราเฟนแบร์คอย่างเป็นทางการ สิ้นสุดดีลสุดตื่นเต้น เร้าและว้าวุ่นใจและก่อนจากกันไป เป็นธรรมเนียมเหมือนเดิมกับการเขียนถึงนักเตะใหม่ ผมรวบรวมภาพบางส่วนของการเปิดตัวของไรอัน กราเฟนแบร์คมาให้คุณผู้อ่านได้ยลโฉมกัน เอามาเรียกน้ำย่อยกันซักนิด ดูกันไปพลางๆ ระหว่างรอการลงสนามของเจ้าตัวกับลิเวอร์พูล ขอบคุณสำหรับการติดตามจนมาถึงบรรทัดนี้ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ และพบกันในบทความหน้าครับขอบคุณภาพประกอบจากOfficial Instagram ของไรอัน กราเฟนแบร์ค (@ryanjiro_)Official Instagram ของเจา ปาลินญา (@joaopalhinha6)Official Facebook ของลิเวอร์พูลภาพประกอบ 1, ภาพประกอบ 2, ภาพประกอบ 3, ภาพประกอบ 4, ภาพประกอบ 5, ภาพประกอบ 6, ภาพประกอบ 7, ภาพประกอบ 8, ภาพประกอบ 9, ภาพประกอบ 10-13, ภาพประกอบ 14, ภาพประกอบ 15 และภาพประกอบ 16ภาพปก 1, ภาพปก 2 และภาพปก 3Communityคอบอล ถกประเด็นร้อนฟุตบอลทุกลีก ใครตัวเต็ง ใครฟอร์มตก ต้องเคลีย