แมนเชสเตอร์ซิตี้กลับมาจากความตายหลังจากที่โดนนำ 2-0 พลิกนรกกลับมาชนะคริสตัลพาเลซ 4-2 จากการแฮตทริกของ เออร์ลิง ฮาแลนด์ พาเลซขึ้นนำ 2-0 ในครึ่งแรกพวกเค้าเปลี่ยนโอกาสสองครั้งให้เป็นประตูได้ จากการทำเข้าประตูตัวเองของ จอห์น สโตนส์ และโจอาคิม แอนเดอร์เซน ที่โหม่งทำประตู ทำให้กองเชียร์ที่ เอติฮัดสเตเดียมต้องอ้าปากค้าง เนื่องจาก พาเลซ เคยทำแสบใส่ แมน ซิตี้ 2 นัดหลังสุดที่เจอกัน เสมอ 0-0 กับแพ้ 2-0ซิตี้กลับมาอีกครั้งในครึ่งหลัง แบร์นาร์โด ซิลวายิงตีตื้นจากที่ตามหลัง 0-2 เป็น 1-2 จากนั้น เออร์ลิง ฮาแลนด์ ก็ยิงแฮตทริกแซงเป็น 4-2 แบบสุดมันส์ พิสูจน์ให้เห็นว่าเค้าสำคัญต่อทีมมากแค่ไหน ซิตี้ ยังคงไม่แพ้ใคร และตอนนี้มี 10 แต้มจาก 4 นัดในขณะที่พาเลซมี 4 แต้มจาก 4นัด สิ่งที่ผู้ชมทางบ้านอย่างผมเห็นจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ vs คริสตัล พาเลซ ซิตี้ ยังมีข้อผิดพลาดในการป้องกันในแนวรับอยู่ พวกเค้าไม่ค่อยมีสมาธิในเกมรับ พลาดเสียประตู 3 ลูก ที่นิวคาสเซิลเมื่อสัปดาห์ที่แล้วและ 2 ลูกกับพาเลซในวันเสาร์เป็น ความผิดพลาดที่ไม่จำเป็นและจะต้องรีบแก้ไขให้เร็วที่สุด และเป๊ป กวาร์ดิโอล่าอาจจะโฟกัสไปที่ความผิดพลาดหลังเกม พาเลซได้บอลน้อยมากแต่ทำสามารถทำประตูจากโอกาส สองครั้ง ของพวกเค้า นี่เป็นโอกาสที่จะน็อค ซิตี้ ได้หลังจาก พาเลซ นำห่างถึง 2-0 แต่การที่พาเลซขึ้นนำก่อน 2-0 นั้นหมายความว่า ซิตี้ จะโหมบุกหนักแน่นอน แต่ลูกทีมของ ปาทริค วิเอร่า กลับผ่อนเกม เรียกว่าติดประมาทไปหน่อย ซิตี้ พยายามเพื่อสร้างโอกาสในครึ่งแรก เดอบรอยน์ , โฟเด้น และ แบร์นาโด้ ซิลวา ผลัดกันสร้างสรรค์เกมรุกอย่างสนุกสนาน ซิตี้ ครองบอลถึง 75% และ เออร์ลิง ฮาแลนด์ ก็พร้อมที่จะปิดบัญชีโอกาสที่สร้างขึ้นสำหรับเขานักเตะที่โดดเด่นในเกมนี้ เออร์ลิง ฮาแลนด์ ยิงแฮตทริกที่ยอดเยี่ยม ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาสามารถทำประตูได้ทุกรูปแบบ และเป็นแฮตทริกแรกของเขาในสีเสื้อ "ซิตี้เซนส์" นัดต่อไป ซิตี้ จะเป็นเจ้าบ้านพบ น็อตติงแฮมฟอเรสต์ ในวันพุธที่ 31 ส.ค น่าจะไม่ยากสำหรับซิตี้ ขณะที่ พาเลซ จะเป็นเจ้าบ้านเช่นกันพบ เบรนท์ฟอร์ด ในวันอังคารที่ 30 ส.ค แมน ซิตี้ 4 เกมในอาชีพค้าแข้งของ ฮาแลนด์ กับแมน ซิตี้ ทำไป 6 ประตูและ 1 แอสซิสต์ ขึ้นนำดาวซัลโวลีกแบบหล่อๆ โดยที่เควิน เดอ บรอยน์ ออกสตาร์ทอย่างร้อนแรงเช่นเดียวกัน ( 1 ประตูและอีก 3 แอสซิสต์) หลังจากเก็บคลีนชีตติดต่อกัน 2 นัดตอนเริ่มฤดูกาล ค่อนข้างน่าเป็นห่วงที่เห็นแมนฯ ซิตี้ เสียสามประตู ในเกมนิวคาสเซิ่ล และ 2 ประตูเกมล่าสุด แต่เกมรุกก็ทดแทนเกมรับได้อย่างดี นี่แหละครับ "คุณสมบัติ" ทีมที่จะเป็น"แชมป์" ในช่วงเวลาคับขันพวกเค้าก็เอาตัวรอดได้ 3 แต้มในเกมนี้สำคัญสุดๆ ทำให้พวกเค้าตามหลัง อาร์เซน่อล แค่ 2 แต้ม ส่วนอาการบาดเจ็บของเซ็นเตอร์แบ็คเป็นเรื่องที่น่ากังวล โดย อายเมริค ลาปอร์ต คาดว่าจะพักอีกสองสามสัปดาห์ และ นาธาน อาเก้ กำลังต่อสู้กับอาการบาดเจ็บที่ขาหนีบในนาทีที่ 21 กับนิวคาสเซิ่ล รูเบน ดิอาส และ จอห์น สโตนส์ คือกองหลังตัวกลางสองคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ในทีม เป๊ปต้องติวเรื่องเกมรับ เสียประตูง่ายไปหน่อย อาจเป็นเพราะเรื่องสมาธิและความไม่ละเอียดในเกม หลังเกมแนวรับน่าจะโดน เป๊ป สวดยกใหญ่แน่ๆ ส่วนเกมรุกไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง เพราะโหดทุกตัว!!! คริสตัล พาเลซส่วนพาเลซ ผลงานดีขึ้นเรื่อยๆ ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา (แพ้ 2 เสมอ 1 ชนะ 2)รวมทุกรายการ ทีมของปาทริค วิเอร่า เข้าขารู้ใจกันมากขึ้น หลังจากวันเสาร์นี้ พาเลซ จะเล่นในบ้านพบ เบรนท์ฟอร์ด ที่พึ่งเสมอ เอฟเวอร์ตัน และไปเยือน นิวคาสเซิ่ล ก่อนการยกพลไปเยือน แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด การเจอ เบรนท์ฟอร์ด นัดหน้าผมว่าค่อนข้างสูสีกันแต่ พาเลซ ได้เปรียบที่เล่นในบ้าน เบรนท์ฟอร์ด พวกเค้าน่ากลัวยามเล่นในบ้าน เวลาเป็นทีมเยือนก็พร้อมจะแพ้ได้ทุกทีมเช่นกัน วิลฟรีด ซาฮา คือความหวังในแนวรุกและเป็นดาวซัลโวของทีม เกมรับอาจจะต้องรัดกุมกว่านี้เนื่องจากการเสียถึง 4 ประตูในเกมล่าสุดไม่ใช่เป็นเพราะ นักเตะ แมน ซิตี้ เก่งอย่างเดียว แต่มันแสดงให้ วิเอร่า เห็นจุดอ่อนในแนวรับ เพื่อจะได้แก้ไขได้ทันท่วงที นัดต่อไปบอลออกได้สามหน้าแต่ พาเลซ น่าจะดูดีกว่า ปาทริค วิเอร่า พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเค้าไม่ธรรมดา... เรื่องโดย Toomtam78เครดิตรูปภาพ Twitter/Manchester City ภาพปก รูป1 รูป2 รูป4Facebook/Manchester City ภาพปก2Twitter/Crystal palace FC รูป3 รูป5ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !