ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2018 ชายที่ชื่อ "เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค" ได้ก้าวเข้าสู่สโมสรลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัวปรารกหลังที่สูงที่สุดในเกาะอังกฤษ ณ เวลานั้น ด้วยค่าตัว 75 ล้านปอนด์ จากสโมสรเซาแธมป์ตัน เพื่อแก้ไขปัญหาที่หงส์แดงแดนหลังในช่วงนี้ ซึ่งผู้จัดการทีม เจอร์เกน คล็อปป์ ก็เป็นหัวเรือใหญ่ที่ต้องการคว้าปราการหลังร่างยักษ์รายนี้มาร่วมทีม ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้สาวกลิเวอร์พูลผิดหวังแม้แต่น้อยตลอดช่วงเวลาสี่ปีที่เขาได้รับใช้สโมสรแห่งนี้ ใบบทความนี้จะขอไล่เลียงความสำเร็จและสถิติของ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ตลอดเวลาสี่ปีที่เขาอยู่ในถิ่นแอลฟิลด์มาให้สาวกหงส์แดงได้ชื่นชมในผลงานของปราการหลังรายนี้กัน – ตลอดเวลาวสี่ปีในถิ่นลิเวอร์พูลของเขา เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก, แชมเปี้ยนส์ลีก, ยูฟ่าซูเปอร์คัพและฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพ ซึ่งเมื่อเราทุกรายการรวมกันชายคนนี้ได้แชมป์มากกว่าสโมสรลิเวอร์พูลในช่วง 12 ปี ก่อนหน้าที่เขาจะก้าวเข้ามาสู่แอนฟิลด์ซะอีก – นับตั้งแต่เปิดตัวกับลิเวอร์พูลในเดือนมกราคม 2018 ปราการหลังรายนี้ ลงเล่นให้กับลิเวอร์พูลในพรีเมียร์ลีก 113 โดยชนะ 83 เกม เสมอ 20 เกม แพ้ 10 เกม ซึ่งโดยมีอัตราชนะอยู่ที่เฉลี่ย 73.5% – เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ไม่ได้ลงเล่นให้กับลิเวอร์พูลไป 37 เกมในพรีเมียร์ลีกตั้งแต่ย้ายมายังลิเวอร์พูล ซึ่งเมื่อไม่มีชายคนนี้ในสนาม เมื่อไม่มีเขาในสนามลิเวอร์พูล ชนะ 20 เสมอ 9 แพ้ 8 เกม จาเก 37 เกมที่ไม่มีชายคนนี้โดยมีอัตราชนะเฉลี่ย 54.1% – ในทุกนัดที่ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ลงสนามลิเวอร์พูลเก็บคลีนชีตได้ 54 นัด สียเพียง 93 ประตูจาก 113 เกมในพรีเมียร์ลีก นอกจากนั้นยังมีจุดเด่นเรื่องของลูกกลางอากาศโดยชนะการดวลลูกกลางอากาศมากกว่า 500 ครั้งในพรีเมียร์ลีก พ่วงด้วยสถิติทุกนัดที่แอนฟิลด์ในพรีเมียร์ลีกไม่แพ้มา 56 เกม และย้อนไปเมื่อพรีเมียร์ลีก 2018-19ไม่มีผู้เล่นคนใดเลี้ยงบอลผ่านปราการหลังของลิเวอร์พูลได้สำเร็จตลอดทั้งฤดูกาล – ในฤดูกาล 2018-19 เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ก็กลายเป็นผู้เล่นกองหลังคนที่หกที่ได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ PFA โดยก่อนหน้านี้มี จอห์น เทอร์รี่, พอล แม็คกราธ, แกรี่ พัลลิสเตอร์, โคลิน ท็อดด์ และนอร์แมน ฮันเตอร์ หลังจากพาหงส์แดงคว้าแชมป์แชมเปียนส์ลีกในปี 2018-19 เขากลายเป็นกองหลังคนแรกที่คว้าตำแหน่งผู้เล่นชายยอดเยี่ยมแห่งปีของยูฟ่า และยังเป็นผู้เล่นลิเวอร์พูลคนแรกที่ได้รับรางวัลนี้นับตั้งแต่ปี 2005 ต่อจาก สตีเวน เจอร์ราร์ด ที่เคยได้รางวัลนี้ – ย้อนไปเกมระหว่างลิเวอร์พูล ที่เอาชนะ บาเยิร์น มิวนิคในปี 2019 เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค กลายเป็นผู้เล่นลิเวอร์พูลคนแรกที่ทั้งทำได้ประตูและแอสซิสต์ในเกมเยือนแชมเปี้ยนส์ลีก นับตั้งแต่ปี2007 ต่จาก เคร็ก เบลลามี่ ที่เคยทำได้ ในปี 2019-20 เขาเป็นผู้เล่นเอาท์ฟิลด์คนที่ 5 ที่ได้ลงเล่นทุกนาทีในการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ยิงไปแล้ว 11 ประตูในพรีเมียร์ลีกตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม 2018 ซึ่งไม่มีกองหลังคนไหนทำประตูได้มากกว่าชายคนนี้ในช่วงสีปีที่ผ่าน นั่นคือสถิติทั้งหมดของชายที่ชื่อ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ปราการหลังที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก ณ เวลานี้ โดยสถิติดังกล่าวนี้นับตั้งแต่วันที่เขาได้ก้าวเข้ามาในวันที่ 5 มกราคม 2018 จนถึงวันที่คบเวลาสี่ปีในถิ่นแอนฟิลด์ วันที่ 5 มกราคม 2021 ซึ่งต้องมาติดตามผลงานของชายนี้ต่อต่อไปว่าเขาจะพาสโมสรลิเวอร์พูลก้าวไปคว้าแชมป์ไหนได้บ้างในฤดูกาล 2021 – 2022 นี้ข่าวที่เกี่ยวข้องจัดอันดับ 8 ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล ยุคพรีเมียร์ลีก ผลงานแย่ที่สุดถึงดีที่สุดเจาะจุดแข็ง รู้จุดอ่อน สูตรสำเร็จ ลิเวอร์พูล ลุ้นคว้าแชมป์โค้งสุดท้ายเจาะเหตุผล!! 3 ทีมเต็งแชมป์ "ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2021-2022"4 ประเด็นใหญ่ "ลิเวอร์พูล" กับโอกาสคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2022เครดิตภาพปก twitter.com/LFC :: เวอร์จิล ฟาน ไดจ์คเครดิตภาพประกอบ twitter.com/LFC :: ภาพที่ 1 , ภาพที่ 2 , ภาพที่ 3 , ภาพที่ 4⚽️ แชร์ประสบการณ์ก่อนและหลังรับชมแมตช์สุดมันส์ในTrueID Community ได้เล้ย😆✨เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !