ปืนใหญ่อาร์เซน่อลย้ำชัยชนะเหนือเรอัล มาดริด 2 นัดสกอร์รวม 5-1 ผ่านเขาสู่รอบรองชนะเลิศไปพบปารีส แซงต์ แชร์กแมง อาร์เซนอลคว้าชัยชนะเหนือเรอัล มาดริดในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ทั้ง 2 นัด โดยพวกเขาผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้สำเร็จด้วยการบุกชนะมาดริดถึง 2-1 ณ สนาม ซานติอาโก้ เบร์นาเบว มีเหตุการณ์ไฮไลท์สถิติที่น่าสนใจ อะไรเกิดขึ้นบ้างตามมาชมกันครับ ก่อนเกมมีคำที่ถูกพูดถึงกันอย่างกว้างขว้างจากทาฃฝั่งเรอัล มาดริดว่า "remontada" หรือแปลเป็นภาษาอังกฤษ ว่าการ "Come Back" หรือแปลเป็นไทยว่าการ "พลิกสถานการณ์กลับมา" จากความพ่ายแพ้ยับเยินในนัดแรก แต่ทีมแชมป์เก่าอย่างเรอัล มาดริดกลับสามารถแสดงฟอร์มที่จะทำให้รู้สึกว่าพวกเขาจะกลับมาได้ในเกมนี้ ดูบอลสดพรีเมียร์ลีก กดสมัครแพ็กเกจ TrueVisions Now ผ่าน TrueID คลิกเลย! เรอัล มาดริดต้องเผชิญหน้ากับภารกิจที่ยากลำบากในการที่ต้องเอาชนะอาร์เซน่อลให้ได้ ด้วยการตามหลังถึง 3 ประตู ในเลกแรก หากพวกเขาต้องการผ่านเขาสู่รอบรองชนะเลิศจำเป็นต้องยิงให้ได้ผลต่างถึง 3 ประตู แต่จากสถิติที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์ฟุตบอลยุโรป มีเพียง 4 ทีมเท่านั้นที่สามารถพลิกสถานะการณ์จากการตามหลัง 3 ประตูหรือมากกว่าในเลกแรกได้ แต่ในเกมนี้ทัง้คุณภาพและฟอร์มการเล่นพวกเขาไม่ได้มีความใกล้ได้เลย ในเกมนี้ถึงแม้ว่าาดริดจะประเดิมได้ดีจะการส่ฃบอลเขาไปตุงตาข่ายของคิลิยัน เอ็มบัปเป้ ในช่วงต้นเกม แต่ถูกจับเป็นลูกล้ำหน้า ทำให้สถานการณ์ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จนกระทั่งในนาทีที่ 11 อาร์เซนอลได้โอกาสทองที่จะทำสกอร์ทิ้งห่างออกไปอีก มีสัญญาณแจ้งเตือนจาก VAR ว่ามีการทำฟาล์ว เกิดขึ้นผู้ตัดสินจึงไปดูที่มอนิเตอร์ข้างสนาม เพื่อเช็คเหตุการณ์และดูไม่นานก็ตัดสินให้อาร์เซน่อลได้จุดโทษ จากจังหวะที่ ราอุล อาเซนซิโอ ไปดึง มิเกล มิเกล เมริโน ล้มลงในกรอบเขตโทษในจังหวะเตะมุม ผู้ตัดสินให้เป็นจุดโทษแต่ทว่าบูกาโย ซาก้า ยิงไปติดเซฟ ติโบลต์ กูร์ตัวส์ ทำให้อาร์เซนอลพลาดโอกาสขึ้นนำและหนีห่างในสกอร์รวมไปอย่างน่าเสียดาย จากการเซฟจังหวะนี้ของกูร์ตัวส์ ส่งผลให้เจ้าตัวมีสถิติ เซฟลูกโทษได้ 3 ครั้งจาก 6 ครั้งหลังสุดในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก (ไม่รวมช่วงการดวลจุดโทษ) โดยไม่มีผู้รักษาประตูคนไหนที่เซฟได้มากกว่าเขาเลยนับตั้งแต่เริ่มต้นฤดูกาล 2021/22 นั่นเป็นจุดโทษแรกจาก 17 ครั้ง (รวมการดวลจุดโทษ) ที่ซาก้ายิงให้กับอาร์เซนอลที่ถูกผู้รักษาประตูของฝ่ายตรงข้ามเซฟไว้ได้ จากนั้น 10 นาทีต่อมา มีจังหวะที่ต้องเช็ค VAR อีกครั้ง เมื่อเรอัล มาดริดได้จุดโทษ จากจังหวะที่ดิแคลน ไรซ์สัมผัสเอ็มบัปเป้ ล้มลงในกรอบเขตโทษ โดยจากภาพมีจังหวะที่ไรซ์โอบแขนของเขาไว้ แต่ดูจาก น้ำหนักการสัมผัสดูจะล้มง่ายไปหน่อย ผู้ตัดสิ้นในสนามชี้ไปที่จุดโทษ แต่ผู้ตัดสิน VAR เห็นแย้งมา ซึ่งใช้เวลาตัดสินนานพอสมควร ก่อนที่จุดโทษนี้จะถูกยกเลิกไปโดย VAR แม้ว่าก่อนหน้านี้ ซาก้าจะยิงจุดโทษพลาด แต่เขาก็ยังคงเป็นผู้เล่นอันตรายของอาร์เซนอลเช่นเคย ที่น่าจะกดดันเรอัล มาดริด ได้มากที่สุด เขาพิสูจน์ให้เห็นแล้วด้วยการจบสกอร์ที่ยอดเยี่ยม โดยคราวนี้เขาสามารถชิพยกบอลข้ามกูร์ตัวส์ไปได้อย่างเหนือชั้นไม่มี จากการจ่ายบอลทะลุช่องสุดสวยของมิเกล เมริโน ประตูดังกล่าวส่งผลให้เป็นงานยากสำหรับเรอัล มาดริด ไปอีก อีกทำยังทำให้เสียงเชียร์ในสนามที่ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว เงียบลงไปอีก แต่ว่าหลังจากนั้นไม่นานประมาณ 1-2 นาทีเท่านั้น มีจังหวะที่วิลเลียม ซาลิบา พลาดท่าโดนวินนี ซิอุสฉกบอลเขาไปยิงทำให้ตีเสมอกลับมาอย่างรวดเร็วจนสกอร์กลับมาห่าง 3 ประตูเช่นเดิมในช่วงต้น หลังจากทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดทั้งเกม อาร์เซนอลก็มาได้ประตูตกฝาโลง จากจังหวะหลุดเดียวของกาเบรียล มาร์ติเนลลี จากการจ่ายบอลของมิเกล เมริโน่ตั้งปต่อยู่ในแดนตัวเอง ให้มาร์ตินเนลีหลุดเดียวก็ยิงผ่านกูร์ตัวส์ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ตกย้ำชัยชนะในเกมนี้ ท้ายที่สุดอาร์เซน่อลสามารถบุกมาเอาชนะรอัช มาดริดได้ถึงถิ่น 1-2 รวมผล 2 นัดสกอร์รวม 5-1 ส่งผลให้พวกชนะมาดริดได้แบบไปกลับและผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ไปพบกับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง หลังจากชัยชนะครั้งนี้ อาร์เซนอลก้าวขึ้นมากลายเป็นเต็งที่จะคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกจากการคำนวนของ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ สถิติที่น่าสนใจหลังเกม เรอัล มาดริด พบ อาร์เซน่อล อาร์เซนอลผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกได้เป็นครั้งที่ 3 ในประวัติศาสตร์ของพวกเขา ต่อจากฤดูกาล 2005/06 และ 2008/09 โดยรวมแล้วถือเป็นครั้งที่ 30 ที่ทีมจากอังกฤษผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศของการแข่งขันยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มีเพียงทีมจากสเปน (38) เท่านั้นที่ผ่านเข้ารอบได้มากกว่า อาร์เซนอลมีสถิติชนะรวดนอกบ้านติดต่อกันยาวนานที่สุดในฟุตบอลถ้วยยุโรป/ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก (4) โดยก่อนหน้านี้พวกเขาชนะรวด 4 นัดเท่านั้น โดยนัดที่ 4 ของสถิตินี้ยังเป็นชัยชนะเหนือเรอัลมาดริดที่ซานติอาโก เบร์นาเบวอีกด้วย (1-0 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2006 รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก) การตกรอบ 4 นัดหลังสุดของเรอัล มาดริดในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นการเจอกับทีมจากอังกฤษ (แมน ซิตี้ในฤดูกาล 2019/20 และ 2022/23, เชลซีในฤดูกาล 2020/21 และอาร์เซนอลในฤดูกาล 2024/25) ขณะที่อาร์เซนอลสามารถเขี่ยแชมป์เก่าจากฤดูกาลก่อนหน้านี้ร่วงลงมาได้เป็นครั้งที่สองเท่านั้น (ก่อนหน้านี้คือการเจอกับเอซี มิลานในฤดูกาล 2007/08) มิเกล อาร์เตต้า นายใหญ่ของอาร์เซนอล เป็นผู้จัดการทีมชาวสเปนคนที่ 10 ที่สามารถผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศของยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก โดยมีเพียงอิตาลี (11) เท่านั้นที่มีโค้ชที่แตกต่างกันมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของการแข่งขันรายการนี้ วิลเลียม ซาลิบา เคลียร์บอลได้ 12 ครั้งในเกมที่พบกับเรอัล มาดริดเมื่อคืนนี้ ซึ่งถือเป็นจำนวนมากที่สุดของนักเตะอาร์เซนอลในแมตช์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก นับตั้งแต่ที่แพร์ แมร์เตซัคเกอร์พบกับบาเยิร์น มิวนิค เมื่อเดือนมีนาคม 2014 (12 ครั้ง) #ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก #ฟุตบอล #ไฮไลท์ฟุตบอล #อาร์เซน่อล #เรอัลมาดริด #ดูบอลสด #ผลบอลสด ช่องทางการติดตามผู้เขียน : Tiktok : รวมพลังส้มตำไก่ย่าง Facebook : รวมพลังส้มตำไก่ย่าง บทความแนะนำ https://sport.trueid.net/detail/3anKjwYDYQLr ขอบคุณภาพประกอบจาก : UEFA Champion League / Arsenal ภาพปก 1 / ภาพประกอบ 1 / ภาพประกอบ 2 / ภาพประกอบ 3 / ภาพประกอบ 4 / ภาพประกอบ 5 / ภาพประกอบ 6 ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !