"Manchester is Blue" ครับสำหรับศึกผ่าเมืองแมนเชสเตอร์หรือ "แมนเชสเตอร์ ดาร์บี" ซึ่งทั้งสองเกมในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตีสามารถเอาชนะ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้แบบเบ็ดเสร็จทั้ง 2 นัดครับ ในเกมนี้แมนยูกลายเป็นสโมสรฟุตบอลที่มีแฟนบอลมากที่สุดในโลกเพราะทั้งแฟนลิเวอร์พูลและอาร์เซนอลล้วนแล้วแต่เอาใจช่วยแมนยูทั้งนั้นในการหยุดแมนซิตี้ ซึ่งแค่ 8 นาทีก็ได้เฮแล้วสำหรับฝั่งสีแดง เพราะมาร์คัส แรชฟอร์ดยิงขึ้นนำไปได้ก่อนแบบสุดสวยแบบสวยมากๆ มีลุ้นเข้าชิงประตูยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลได้เลย แต่หลังจากนั้นอีก 82 นาทีคือเกม One-Way ครับ แมนซิตี้เหยียบคันเร่งตลอดทั้งเกมไม่มีผ่อน แมนยูมีหือมีอือจากจังหวะยิงที่เพิ่มมาอีกเพียง 2 ครั้งแค่นั้น สุดท้ายก็กลายเป็นแมนซิตี้ที่ยิงแซงได้ 3 ประตูรวดจากการยิงเบิ้ลของฟิล โฟเดนและปิดเกมด้วยประตูของเออร์ลิง เบราท์ ฮาแลนด์ ทำให้แมนซิตี้เก็บ 3 คะแนนไล่จี้ลิเวอร์พูลเหลือเพียงแต้มเดียวเหมือนเดิมและสำหรับเกมนี้ผมก็ได้รวบรวม 5 ประเด็นที่น่าสนใจในเกมแมนเชสเตอร์ ดาร์บีมาให้คุณผู้อ่านทุกคนได้อ่านครับ จะมีประเด็นใดบ้าง ไปดูกันกันลยครับโอนานาองค์ลงหลังจากที่โดนแซวโดนเอาไปทำเป็นมีมมาตลอดนับตั้งแต่ที่ย้ายมาร่วมทีมแมนเชสตอร์ ยูไนเต็ด แต่ในช่วงหลังมานี้ "อ็องเดร โอนานา" นั้นเหมือนเริ่มที่มีฟอร์มการเล่นที่ดีขึ้น เช่นเดียวกับในเกมนี้ที่โอนานาช่วยเซฟให้กับแมนยูแบบอุตลุด เซฟแบบซูเปอร์เซฟก็มี กลายเป็นอีกหนึ่งในพระเอกของแมนยูในเกมนี้ที่ถึงแม้ว่าสุดท้ายจะโดนไปถึง 3 ประตู แต่ต้องบอกว่าถ้าไม่มีโอนานาแมนยูอาจจะโดนยิงไปกว่านี้ก็เป็นได้ในเกมนี้อย่างที่บอกครับว่าโอนานานั้นมีจังหวะซูเปอร์เซฟ แต่ที่ชัดๆ เลยก็คือเซฟจังหวะหลุดเดี่ยวของฟิล โฟเดนและลูกยิงแบบเหน่งๆ ในเขตโทษของโรดรีที่ใครเห็นก็คิดว่าเข้าแน่ๆ แต่โอนานาเซฟไว้ได้ มีหลายคนบอกเหมือนกันว่าถ้าเป็นโอนานาเวอร์ชันก่อนหน้านี้อาจจะยืนมองลูกบอลตุงตาข่ายไปแล้วก็ได้ แต่โอนานาในเวอร์ชันนี้เซฟไว้ได้ โดยในครึ่งแรกแมนยูโดนแมนซิตี้ส่องประตูไปทั้งหมด 18 ครั้ง แต่เข้ากรอบแค่ 3 ครั้ง โดย 2 ใน 3 นั้นโดนปฏิเสธจากโอนานาซึ่ง 2 ครั้งนั้นก็มาจากจังหวะที่ผมได้บอกไป แถมนอกจากนี้ในเรื่องของการเปิดบอลที่เป็นเครื่องหมายการค้าของโอนานา ในครึ่งแรกของเกมนี้เขาก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยมซึ่งประตูที่แมนยูยิงขึ้นนำก็มาจากการเปิดบอลยาวของโอนานาฮาแลนด์ทำหมูหกความจริงเกมนี้หนึ่งในคนที่ควรยิงได้มากกว่าหนึ่งประตูก็คือเออร์ลิง เบราท์ ฮาแลนด์ แถมควรเป็นแฮตทริกด้วยซ้ำเพราะในเกมนี้เขามีจังหวะที่ยิงออกไปแบบน่าเหลือเชื่อ ยิงออกไปทั้งๆ ได้ยิงแบบจ่อๆ เพียง 2 หลาเท่านั้นซึ่งเป็นจังหวะท้ายเกมที่โรดรีเปิดบอลข้ามฟากทางกรอบเขตโทษด้านขวาให้โฟเดนก่อนที่โฟเดนจะโหม่งต่อเข้าในกรอบ 6 หลาเพื่อให้ฮาแลนด์กระโดดแท็ปอินซึ่งจังหวะนี้ผมเชื่อว่าคนดูทั้งโลกเห็นแล้วก็คงคิดว่ายังไงก็เป็นประตูแน่นอน 100% แต่ภาพที่เห็นก็คือฮาแลนด์กระโดดแท็ปอินแล้วบอลมันลอยข้ามคานไปแบบเหลือเชื่อ อึ้งกันทั้งโลกเลยจังหวะนี้หรือว่าจะเป็นในจังหวะที่เขาโหม่งจากจังหวะที่คาเซมิโรโหม่งสกัดผิดเหลี่ยมแล้วบอลมันลอยไปเข้าหัวของฮาแลนด์ สุดท้ายฮาแลนด์ก็โหม่งข้ามคาน แต่ในจังหวะนั้นเป็นจังหวะที่ค่อนข้างยากพอสมควร เพราะบอลลอยมาในระยะที่ยากต่อการโหม่งทำประตูอยู่เหมือนกัน โดยจนถึงตอนนี้ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้มีการเก็บสถิติไว้ว่าฮาแลนด์นั้นพลาดการทำประตูในโอกาสเหน่งๆ หรือที่เรียกว่า Big Chance ไปแล้ว 26 ครั้งซึ่งมากที่สุดเหนือนักเตะทุกคนในพรีเมียร์ลีกแต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ สุดท้ายฮาแลนด์ก็ทำประตูได้อยู่ดีและภาพรวมในเกมนี้เขาก็ไม่ได้เล่นแย่อะไรเลย มีเพียงช็อตนั้นเพียงช็อตเดียวที่ถูกพูดถึง แต่นอกเหนือจากนั้นเขาก็ยังเป็นคนที่น่ากลัวสำหรับคู่แข่งอยู่ดี เพราะโอกาสที่เขาได้ยิงตรงกรอบเพียงครั้งเดียวก็สามารถใส่สกอร์ 3-1 เป็นประตูตอกฝาโลงไปได้เลย นอกจากนี้เขายังช่วยดึงตัวประกบ เปิดพื้นที่ให้เพื่อนร่วมทีม สร้างความปั่นป่วนได้อยู่เสมอ เพราะฉะนั้นสำหรับฮาแลนด์หรือลูกทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอลาคนอื่นๆ แล้ว ประตูอาจจะไม่ได้บ่งบอกว่าเขาเล่นดีหรือแย่ เพราะทุกคนนั้นล้วนแล้วแต่มีส่วนกับเกมเสมอ ไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่งอยู่ดีนักเตะแมนยู (บางคน) ความทุ่มเทอยู่ไหน?ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะครับว่าผมพิมพ์ในฐานะคนดูบอลคนหนึ่ง ไม่ได้พิมพ์ในฐานะแฟนบอลลิเวอร์พูลที่มันจะมีผลประโยชน์โดยตรงกับลิเวอร์พูลถ้าหากแมนยูสามารถเอาชนะแมนซิตี้ได้ และไม่ได้หงุดหงิดกับผลการแข่งขันที่เกิดขึ้นด้วยแต่สิ่งที่ผมอยากจะพูดตามหัวข้อที่ได้บอกไปก็คือ "ความทุ่มเท" ของนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพราะถึงแม้ว่าผมไม่ได้เชียร์แมนยูแต่ผมดูแล้วผมยัง "หงุดหงิด" เลยแล้วแฟนแมนยูที่ตามเชียร์ทีมมาตลอดจะหงุดหงิดและโมโหขนาดไหนซึ่งในเรื่องนี้ผมก็เคยพูดมาแล้วและพูดมาตลอดเวลาที่เขียนบทความถึงแมนยูและก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมยังมีปัญหาในเรื่องความทุ่มเทของนักเตะอยู่ตลอดเสมอมาไม่รู้กี่ปีแล้วคนแรกที่อยากพูดถึงเลยคือมาร์คัส แรชฟอร์ดที่ถึงแม้ว่าเขาจะยิงประตูได้ในเกมนี้และยิงแบบสุดสวยด้วย แต่หลังจากที่ยิงแล้วเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีกเลย มีจังหวะยิงวืดไปทีนึง แถมประตูที่แมนซิตี้ตีเสมอได้ จุดเริ่มต้นก็มาจากการที่แรชฟอร์ดเสียบอลจากการแย่งของไคล์ วอล์คเกอร์ซึ่งในจังหวะนี้หลายคนอาจจะมองว่ามันควรเป็นจังหวะฟาล์ว แต่ส่วนตัวผมว่ามองว่าแรชฟอร์ดล้มง่ายเกินไป มีการสัมผัสตัวกันไหม? มีครับ แต่มันดูค่อนข้างเบา เบาเกินว่าที่จะได้ฟาล์ว แต่ประเด็นมันคือสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นครับ แทนที่แรชฟอร์ดจะรีบลุกขึ้นมาเพื่อวิ่งลงมาช่วยเกมรับ เขากลับล้มตัวลงไปนอนต่อไม่ได้ลงมาช่วยเกมรับจนสุดท้ายันก็ไปถึงจังหวะยิงเป็นประตูของโฟเดน คำถามคือถ้าในเมื่อกรรมการไม่ได้ให้เป็นฟาล์วแล้วทำไมคุณถึงไม่ลงมาช่วยเกมรับในเมื่อทีมกำลังโดนสวนกลับ ทำไมคุณถึงทิ้งตัวนอนต่อและสุดท้ายทีมก็เสียประตู ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าแรชฟอร์ดวิ่งลงมาช่วยเกมรับ แมนยูจะยังเสียประตูอยู่ไหม แต่ที่แน่ๆ เขาจะได้ใจแฟนแมนยูไปเต็มๆ ในเรื่องของความทุ่มเท แต่ในภายหลังเอริก เทน ฮากก็ให้สัมภาษณ์หลังเกมว่าแรชฟอร์ดนั้นไม่ได้มีความฟิตแบบ 100% โอเค พอเข้าใจได้อยู่สำหรับแรชฟอร์ดที่อาจจะไม่ได้เล่นแบบ 100% แต่กับอีกคนนึงผมไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมถึงได้อยู่จนจบเกม นั่นก็คือ "สก็อตต์ แมคโทมิเนย์"นี่คือเครื่องหมายคำถามตัวโตๆ ในทีมแมนยูชุดปัจจุบันเลยว่าทำไมสก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ถึงยังได้อยู่กับทีม ประโยชน์ของแม็คทอมคืออะไร ประโยชน์อยู่ตรงไหน เทน ฮากรักและชอบอะไรในตัวของเขา คุณหวังอะไรจากแม็คทอมอีกหรอนอกจากเรื่องการยิงประตู โอเค แม็คทอมยิงประตูสำคัญๆ ให้กับทีมมาตลอด แต่นั่นคือในฐานะตัวสำรอง ไม่ได้เป็นตัวจริงแบบในเกมนี้และแต่ละทีมที่ยิงได้ก็ไม่ได้เป็นทีมใหญ่แบบแมนซิตี้ มีเพียงเกมที่พบเชลซีที่ยังถือว่าเป็นทีมใหญ่ โดยในเกมนั้นแม็คทอมยิง 2 ประตู แต่เชลซีในปัจจุบันนั้นแม้แต่แฟนๆ เชลซียังด่าทุกนัดเลย สภาพทีมไม่ได้เป็นทีมใหญ่เลย ส่วนเรื่องตำแหน่งของแม็คทอม เขาคือกองกลาง นิยามของกองกลางคือแหล่งพลังงานของทีม คุณต้องเล่นได้ทั้งเกมรุกและเกมรับ แต่ภาพที่เห็นคือแม็คทอมไม่ทำทั้งสองเรื่องเลย เกมรุกไม่ได้เกมรับไม่เอา มีอย่างที่ไหนจังหวะที่ควรวิ่งเพรสซิงแต่กลับจ๊อกกิงแทน บางจังหวะก็กวักมือเรียกให้วิ่งเพรสแทน ทั้งๆ ที่บอลก็อยู่ตรงหน้าตัวเองแท้ๆ แต่ให้คนอื่นเพรสแทนเนี่ยนะ เพื่ออะไร? ทำไปเพื่ออะไร? ผมไม่เข้าใจแมนยูจริงๆ ว่าทำไมถึงยังมีนักเตะแบบแม็คโทมิเนย์อยู่ในทีม นักเตะที่ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับทีมเลยที่มันน่าเสียใจไปกับแฟนแมนยูอีกเรื่องก็คือแต่ละคนที่โดนบ่นนั้นล้วนแล้วแต่เป็นนักเตะที่เป็นเด็กปั้นของสโมสรทั้งนั้น เพราะนอกจากแรชฟอร์ดและแม็คทอมแล้วก็ยังมีอเลฮานโดร การ์นาโชอีกคนที่กลายเป็นเหมือนคนที่มุ่งจะเล่นเพื่อตัวเอง ไม่ได้สนใจทีมเวิร์คอะไร แต่กับนักเตะคนอื่นๆ ที่ทีมซื้อเข้ามา ไม่ได้เป็นเด็กปั้นของทีมอย่างบรูโน่ แฟร์นันด์สหรือดิโอโก ดาโลต์ยังดูมีความทุ่มเท สู้ยิบตา แพสชันต่อทีมสูงกว่าพวกเด็กปั้นของทีมเสียอีกเทน ฮากโยนเกม?ต่อเนื่องจากข้อที่แล้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมเทน ฮากถึงให้แม็คโทมิเนย์อยู่ในสนามจนจบเกม ทั้งๆ ที่มีคริสเตียน อีริกเซนก็นั่งอยู่ข้างสนาม หรือในการส่งโอมารี ฟอร์สันและวิลลี คัมบวาราลงสนาม ในรายของคัมบวารายังพอเข้าใจอาจจะให้ลงมาแทนจอนนี อีแวนส์ที่พลังคงหมดเล่นต่อไม่ไหวแล้วด้วยอายุอานาม แต่กับฟอร์สันที่ลงมาแทนแรชฟอร์ดนั้น....ลงมาทำไม? ขนาดแฟนแมนยูหลายๆ คนยังบอกว่ามองไม่เห็นความเก่งในตัวเด็กคนนี้เลย ลงมาจะช่วยอะไรได้ส่วนที่บอกว่าแรชฟอร์ดไม่ฟิต 100% เลยเล่นได้ไม่เต็มที่ คุณรู้เองว่านักเตะไม่เต็มร้อยแต่ทำไมถึงยังปล่อยให้เล่นได้ถึง 70 นาทีแล้วถึงจะเปลี่ยนตัวออกและส่งแอนโทนีลงมาแถมอีกอย่างคุณเลือกที่จะถอดเจ้าหนูค็อบบี ไมนูออก ทั้งๆ ที่เป็นหนึ่งในคนที่เล่นดีที่สุดของทีมในเวลานี้ แต่คุณเก็บแม็คทอมไว้ที่ทำอะไรไม่ได้เลย อันนี้ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน เปลี่ยนตัวแต่ละตัวมีแต่พังกับพัง เหมือนกับว่าคุณพอแล้วกับเกมนี้ ไม่ได้ก็ขอไม่เสียเพิ่ม แต่สุดท้ายเป็นยังไงล่ะ คุณส่งโซฟิยาน อัมราบัตลงมาและก็กลายเป็นคนที่เสียบอลจนเสียประตูที่ 3 ตอนนี้เทน ฮากเหมือนธาตุไฟแตกไปเป็นที่เรียบร้อย ถ้าในเมื่อคุณตั้งใจมาเล่นเกมรับให้รัดกุมที่สุด ต่อให้แรชฟอร์ดเล่นต่อไม่ไหวแต่ในเมื่อคุณยังมีนักเตะที่เล่นแทคติกนี้ได้ในสนามอย่างการ์นาโช หรือบนม้านั่งสำรองก็ยังมีตัวเลือกไม่ว่าจะเป็นแอนโทนีหรืออีริกเซนให้เลือกใช้ แต่คุณเลือกที่จะถอดทั้งการ์นาโชและแรชฟอร์ดออกและส่งดาวรุ่งอย่างฟอร์สันลงมาโอเคแหละ ฟอร์มในช่วงหลังของตัวรุกของแมนยูนั้นนั้นไม่เป็นที่ชอบใจเลย แต่ชื่อชั้นและความสามารถของนักเตะไม่ใช่ไม่มีเลย ซีเนียร์ทั้งหลายก็มีแต่ไม่ใช้ ใช้ดาวรุ่งที่แทบไม่มีประสบการณ์อะไรเลยในการเจอกับแมนซิตี้เนี่ยนะ คิดอะไรอยู่ หวังอะไรจากพวกเขาโฟเดนฮ็อตต่อเนื่องมาถึงแมน ออฟ เดอะ แมตช์ในเกมนี้อย่างฟิล โฟเดนกันบ้างดีกว่าครับ ถึงแม้ว่าในช่วงครึ่งแรกเขาจะมีโอกาสที่หลุดเดี่ยวแต่พลาดไป แต่ในครึ่งหลังเจ้าหนูโฟเดนก็แก้ตัวได้สำเร็จ แถมแก้ตัวด้วยการยิงแบบสุดสวยอีกด้วยในประตูตีเสมอ ส่วนประตูขึ้นนำ 2-1 ก็มาจากการเข้าทำด้วยทีมเวิร์คตามสไตล์ของเป๊ปและโฟเดนก็จบสกอร์ได้คมมากซึ่งจากการยิงเบิ้ลในเกมนี้ทำให้ฤดูกาลนี้เหมือนเป็นฤดูกาลที่โฟเดนทำผลงานได้ดีที่สุดนับตั้งแต่ที่เล่นชุดใหญ่มาเพราะหากรวมทุกรายการแล้ว โฟเดนยิงไปแล้ว 18 ประตูกลายเป็นฤดูกาลที่เขาทำประตูได้มากที่สุด หลังจากที่สถิติที่ดีที่สุดก่อนหน้านี้คือฤดูกาล 2020/2021 ที่ 16 และจนถึงตอนนี้ 22 เกมจากทุกรายการหลังสุดที่โฟเดนลงเล่น (นับตั้งแต่หลังเบรคทีมชาติช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2023) เขามีส่วนร่วมกับประตูไปแล้ว 19 ประตู (ยิง 13 แอสซิสต์ 6) หรือ 8 เกมหลังสุดก็มีส่วนกับประตูไป 8 ประตู แถมมีแฮตทริกในเกมที่ไปเยือนเบรนท์ฟอร์ด เรียกได้ว่าฟอร์มร้อนแรงต่อเนื่องเลยโฟเดนและนี่คือสถิติของโฟเดนในเกมแมนเชสเตอร์ ดาร์บีครับสัมผัสบอล 116 ครั้ง (มากที่สุดต่อหนึ่งเกมลีกของตัวเอง)ผ่านบอล 83 ครั้ง (แม่นยำ 95.2%)บอลยาว 4 ครั้ง (แม่นยำ 100%)สร้างสรรค์โอกาส 2 ครั้งโอกาสยิง 9 ครั้ง (มากที่สุดในสนาม)ยิงตรงกรอบ 4 ครั้ง (มากที่สุดในสนาม)2 ประตู1 รางวัลแมน ออฟ เดอะ แมตช์สถิติหลังเกมที่น่าสนใจแมนเชสเตอร์ ซิตีสามารถพลิกกลับมาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในเกมพรีเมียร์ลีกได้เป็นครั้งแรก หลังจากที่เจอกันก่อนหน้านี้ 29 เกม พวกเขาไม่สามารถแซงชนะแมนยูได้เลยในเกมที่พวกเขาโดนขึ้นนำไปก่อน โดยก่อนหน้านี้พวกเขาแพ้ไปถึง 25 เกมและเสมออีก 3 เกม และ 15 เกมก่อนหน้านี้ที่พวกเขาโดนแมนยูขึ้นนำก่อน พวกเขาแพ้รวดทั้งหมดแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแพ้ในเกมพรีเมียร์ลีกที่พวกเขาขึ้นนำคู่แข่งไปได้ก่อนในครึ่งแรกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2014 ที่แพ้ต่อเลสเตอ์ 5-3 สิ้นสุดสถิติที่ยาวนานมาถึง 143 เกม ในเกมที่พวกเขาขึ้นนำคู่แข่งได้ก่อนในครึ่งแรก สถิติก่อนหน้านั้นคือชนะ 123 เสมอ 20 เกมเกมนี้เป็นเกมที่ 12 ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้แล้วที่แมนซิตี้โดนคู่แข่งขึ้นนำไปก่อน มีเพียงฤดูกาล 2019/2020 ที่โดนคู่แข่งขึ้นนำไปก่อนถึง 13 เกม โดยพวกเขาสามารถเก็บได้ถึง 21 แต้มในเกมที่พวกเขาโดนขึ้นนำไปก่อน (ภายใต้การคุมทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอลา) กลายเป็นสถิติที่มากที่สุดของพวกเขาเอง โดยสถิติเดิมอยู่ที่ 20 แต้มในฤดูกาล 1993/1994แมนเชสเตอร์ ซิตีสามารถชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในพรีเมียร์แบบทั้งไปและกลับในหนึ่งฤดูกาลได้เป็นครั้งที่ 6 แล้ว โดย 3 ครั้งเกิดขึ้นในยุคของเป๊ป กวาร์ดิโอลา โดยสองครั้งก่อนหน้านั้นเกิดขึ้นในฤดูกาล 2018/2019 และ 2021/2022แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแพ้ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ไปแล้ว 11 เกม มีเพียงฤดูกาล 2013/2014 และ 2011/2012 ที่สถิติแพ้เยอะกว่ากว่าที่ 12 เกมนับตั้งแต่ที่มีการเก็บสถิติในฤดูกาล 2003/2004 เกมนี้กลายเป็นเกมแมนซิตี้มีโอกาสยิงในครึ่งแรกมากที่สุดที่ 18 ครั้ง เทียบเท่ากับที่แมนยูเคยโดนยิงในครึ่งแรกไว้ในเกมที่พบกับฟูแลมในเดือนมีนาคม 2009 (เฉพาะเกมพรีเมียร์ลีก)มาร์คัส แรชฟอร์ดยิงประตูในเกมแมนเชสเตอร์ ดาร์บีไปแล้ว 5 ประตูซึ่งมีเพียงเวย์น รูนีย์และเอริค คันโตนาที่ยิงให้กับแมนยูได้มากกว่าที่ 8 และ 7 ประตูตามลำดับฟิล โฟเดนทำไปประตูในเกมพรีเมียร์ลีกที่เจอกับแมนยูไปแล้ว 6 ประตู ทำให้แมนยูกลายเป็นที่โฟเดนยิงประตูใส่ได้มากที่สุดเท่ากับไบรท์ตันฯ เช่นเดียวกับเออร์ลิง เบราท์ ฮาแลนด์ทำสถิติยิงประตูใส่แมนยูไปแล้ว 6 ประตูแล้วเช่นกัน โดยแมนยูกลายเป็นทีมที่ฮาแลนด์ยิงประตูใส่ได้มากที่สุดมีเพียงกุน อเกวโรคนเดียวเท่านั้นที่ยิงประตูใส่แมนยูได้มากกว่าทั้งโฟเดนและฮาแลนด์ที่ 8 ประตูฟิล โฟเดนยิงประตูในฤดูกาลนี้ไปแล้ว 18 ประตู (รวมทุกรายการ) กลายเป็นฤดูกาลที่เขายิงประตูได้มากที่สุด โดยก่อนหน้านี้ฤดูกาลที่ยิงได้มากที่สุดคือฤดูกาล 2020/2021 ที่ 16 ประตูในเกมนี้ฟิล โฟเดนสัมผัสบอลไปทั้งหมด 116 ครั้งซึ่งกลายเป็นสถิติที่มากที่สุดของเจ้าตัวในเกมพรีเมียร์ลีก 1 เกมนับตั้งแต่ที่ Opta เริ่มเก็บสถิติมาในฤดูกาล 2003/2004 ตลอด 90 นาทีของเกมนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมีโอกาสยิงเพียง 3 ครั้งเท่านั้นซึ่งนี่เป็นจำนวนที่น้อยที่สุดต่อจากเกมแดงเดือดที่พบกับลิเวอร์พูลในเดือนเมษายน 2022 ที่จำนวน 2 ครั้ง (นับเฉพาะพรีเมียร์ลีก)คลิปไฮไลท์https://www.youtube.com/watch?v=T9_2CDHEfZ4บทความที่เกี่ยวข้องลิเวอร์พูล, แมนซิตี้หรืออาร์เซนอล!!!? วิเคราะห์ใครจะเข้าวินแชมป์พรีเมียร์ลีกฮาแลนด์ไม่คม, เชลซีรับเหนียว!!! 5 ประเด็นหลังเกมแมนซิตี พบ เชลซีโฟเดนแฮตทริก! 4 ประเด็นหลังเกมแมนซิตี้บุกชนะเบรนท์ฟอร์ดราชาคืนบัลลังก์!!! 3 สิ่งที่เรือใบได้กลับมาพร้อมเควิน เดอ บรอยน์KDB ตัวเดียวเสียวทั้งลีก!!! 5 ประเด็นหลังเกมแมนซิตี้พลิกแซงนิวคาสเซิลขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจากOpta Analyst, WhoscoredOfficial Facebook, X และ Instagram ของพรีเมียร์ลีก, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (@ManUtd) และแมนเชสเตอร์ ซิตี (@mancity)ภาพปก 1, ภาพปก 2, ภาพปก 3, ภาพประกอบ 1, ภาพประกอบ 2, ภาพประกอบ 3, ภาพประกอบ 4 และภาพประกอบ 5 เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !