รีเซต
ประวัติสนาม Yas Marina Circuit  F1 Abu Dhabi Grand Prix และสถิติการแข่ง

ประวัติสนาม Yas Marina Circuit F1 Abu Dhabi Grand Prix และสถิติการแข่ง

ประวัติสนาม Yas Marina Circuit  F1 Abu Dhabi Grand Prix และสถิติการแข่ง
WeenayA
3 ธันวาคม 2568 ( 14:30 )
3

     สนาม Yas Marina Circuit  F1 Abu Dhabi Grand Prix สนามแข่งระดับโลกบนเกาะ Yas สร้างขึ้นเพื่อยกระดับภาพลักษณ์ UAE ใช้เวลา 2 ปี เปิดตัวในปี 2009 โดดเด่นด้วยโรงแรมกลางสนามและการแข่งขันกลางคืนสุดตระการตาสุดหรูหราที่สร้างฉากปิดฤดูการแข่งขันได้อย่างน่าประทับใจ ก่อนจะเข้าถึงการแข่งขัน Formula 1  Abu Dhabi Grand Prix ในสุดสัปดาห์นี้ มาทำความรู้จักกับสนาม Yas Marina Circuit กันแบบลึกไปด้วยกัน

shutterstock / Michael Potts F1

ประวัติสนาม Yas Marina Circuit
F1 Abu Dhabi Grand Prix และสถิติการแข่ง


ประวัติการก่อสร้างสนาม Yas Marina Circuit

     สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ต้องการยกระดับภาพลักษณ์ประเทศและมีศักยภาพทางการเงิน จึงได้เลือกเกาะ Yas ที่สร้างเสร็จใหม่เป็นที่ตั้งของสนามแข่งระดับโลก Yas Marina Circuit ใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปี และเปิดตัวในปี ค.ศ. 2009 สนามแห่งนี้ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดัง Hermann Tilke มีจุดเด่นไม่เหมือนใคร เช่น โซนมารีน่า ที่หรูหรา

     โรงแรม Yas Viceroy Abu Dhabi ตั้งอยู่กลางสนาม โดยรถแข่งจะวิ่งลอดใต้โรงแรม ทำให้การแข่งขัน Abu Dhabi Grand Prix ในช่วงพลบค่ำมีบรรยากาศตระการตาจากแสงไฟ LED ของโรงแรม ติดตั้งระบบไฟถาวรโดย Musco Lighting ซึ่งเป็นโครงการไฟสนามถาวรที่ใหญ่ที่สุดในโลกในเวลานั้น เพื่อให้การแข่งขันกลางคืนชัดเจน อัฒจันทร์ทุกจุดรวมถึงโค้ง Hairpin ขนาดใหญ่ มีหลังคาคลุมเพื่อกันแดดทะเลทราย

     การปรับปรุงสนาม (ปี 2021) ในยุคแรกสนามมี 21 โค้ง แต่การแซงทำได้ยากเนื่องจากโค้งส่วนใหญ่เป็นความเร็วกลางถึงต่ำ เพื่อแก้ปัญหานี้ จึงมีการปรับผังสนามครั้งใหญ่ในปี 2021 ก่อนการแข่งขันรอบสุดท้ายของฤดูกาล โดยให้ทีม Mrk1 Consultants ดูแลการออกแบบใหม่ การปรับปรุงหลัก 3 จุด คือตัดชิเคน ก่อนโค้ง North Hairpin และขยับตำแหน่ง ลบโค้ง 11-14 แล้วแทนด้วยโค้งยาวโค้งเดียวที่มี Banking เล็กน้อย ปรับโค้ง 17-20 ให้ไหลลื่นขึ้น หลังการปรับปรุง สนามมีความยาวเหลือ 5.281 กิโลเมตร (3.281 ไมล์)

ทำไม Abu Dhabi ถึงเป็นสนามปิดฤดูกาล F1

การสร้าง 'ฉากปิดสุดอลังการ' (Spectacle)

     เอกลักษณ์การแข่ง (Day-to-Night Race) การแข่งขันที่เริ่มต้นในช่วงบ่ายแก่ ๆ และสิ้นสุดลงในเวลากลางคืนภายใต้แสงไฟสว่างไสวของสนามและแสงไฟ LED ของโรงแรม W Abu Dhabi เป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจและเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเหมาะสำหรับการเป็น "งานเฉลิมฉลอง" ปิดฤดูกาล

     สนามแข่งที่โอบล้อมด้วยมารีน่า เรือยอชท์ และสถาปัตยกรรมที่ทันสมัย ทำให้ Abu Dhabi Grand Prix กลายเป็นความหรูหรา และกีฬาที่มีภาพลักษณ์หรูที่สุดในปฏิทิน F1

    สัญญาผูกพันระยะยาว: การต่อสัญญาสนามในระยะยาว จนถึงปี 2030 ตอกย้ำถึงความมั่นคงและความสำคัญเชิงกลยุทธ์ที่ Formula 1 มอบให้กับสนามแห่งนี้

    มูลค่าทางการตลาดสูง : การตัดสินแชมป์โลกที่สนามที่มีความสวยงามและมีเอกลักษณ์ดึงดูดความสนใจจากผู้ชมและสื่อทั่วโลกได้อย่างมหาศาล ซึ่งเป็น 'จุดขาย' ที่มีค่าสำหรับ F1 และผู้สนับสนุน

เหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ Abu Dhabi GP

     สนาม Abu Dhabi Grand Prix เป็นสถานที่จัดงานที่น่าตื่นเต้นและมีความเสี่ยงสูงนับตั้งแต่เปิดตัว นี่คือเหตุการณ์สำคัญและน่าจดจำที่สุดในประวัติศาสตร์


การตัดสินแชมป์โลก F1
     สนาม Abu Dhabi Grand Prix เป็นที่รู้จักกันดีที่สุดในฐานะสนามสุดท้ายที่ตัดสินแชมป์โลกในหลายฤดูกาลที่น่าตื่นเต้น

  • ปี 2010: แชมป์แรกของ Vettel (การต่อสู้สี่เส้า)
    เป็นการตัดสินแชมป์ครั้งแรกที่สนาม Abu Dhabi มีนักแข่ง 4 คนที่มีโอกาสคว้าแชมป์ทั้ง Fernando Alonso, Mark Webber, Sebastian Vettel และ Lewis Hamilton
    ปีนั้น Sebastian Vettel ชนะการแข่งขันและคว้า แชมป์โลก F1 สมัยแรก หลังจากทีม Ferrari ทำผิดพลาดทางกลยุทธ์ โดยนำ Alonso เข้าพิตเร็วเกินไป ทำให้ Alonso ต้องติดอยู่หลังรถที่ช้ากว่าและไม่สามารถแซงขึ้นมาได้ ซึ่งเปิดโอกาสให้ Vettel คว้าคะแนนนำและเป็นแชมป์

  • ปี 2014: Hamilton ปะทะ Rosberg (คะแนนคูณสอง)
    ปีนั้นการแข่งขันมีมูลค่าคะแนนคูณสอง ทำให้การต่อสู้เพื่อชิงแชมป์ระหว่างเพื่อนร่วมทีม Mercedes อย่าง Lewis Hamilton และ Nico Rosberg ต้องตัดสินกันในรอบสุดท้าย Lewis Hamilton ชนะการแข่งขันและคว้าแชมป์โลกสมัยที่สองของเขา (และสมัยแรกกับ Mercedes) หลังจาก Rosberg ประสบปัญหาเครื่องยนต์ในช่วงท้ายการแข่งขัน

  • ปี  2016: แชมป์เดียวของ Rosberg
    การประลองครั้งสุดท้ายระหว่างคู่แข่งจาก Mercedes คือ Nico Rosberg และ Lewis Hamilton (อีกครั้ง)
    Hamilton ชนะการแข่งขัน แต่ Rosberg เข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่สอง ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้เขาคว้า แชมป์โลกสมัยแรกและสมัยเดียว ก่อนที่ Rosberg จะสร้างความตกตะลึงด้วยการประกาศเลิกแข่งในอีกห้าวันต่อมา

  • ปี  2021: รอบสุดท้ายที่เต็มไปด้วยข้อถกเถียง
    การตัดสินแชมป์ที่น่าจดจำและเป็นที่ถกเถียงที่สุดในประวัติศาสตร์ F1 ระหว่าง Max Verstappen และ Lewis Hamilton ซึ่งมีคะแนนเท่ากันก่อนเริ่มการแข่งขัน
    Verstappen ชนะการแข่งขันและคว้าแชมป์สมัยแรกของเขา หลังจากช่วงรถ Safety Car ในรอบท้าย ๆ นำไปสู่การตัดสินใจที่ขัดแย้งเกี่ยวกับรถที่ถูกนำไปแล้ว (Lapped Cars) ซึ่งทำให้ Verstappen สามารถแซง Hamilton ได้ในรอบสุดท้าย

 

เหตุการณ์เด่นอื่น ๆ

  • ปี  2012: The Ice Man มาแล้ว
    Kimi Räikkönen คว้าชัยชนะครั้งแรกนับตั้งแต่กลับสู่ F1 กับทีม Lotus การแข่งขันนี้โด่งดังจากข้อความทางวิทยุที่เขาพูดกับวิศวกรด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า "ปล่อยฉันอยู่คนเดียว ฉันรู้ว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่"
  • ปี 2009: การแข่งขันครั้งแรก
    การแข่งขัน Abu Dhabi Grand Prix ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ชนะโดย Sebastian Vettel ซึ่งเป็นการปูทางสู่ความสำเร็จในการคว้าแชมป์โลกของเขาในปีถัดไป และยังเป็นการแข่งขันแบบกลางวันเป็นกลางคืน (day-to-night race) ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ Formula 1 ด้วย


สถิติการแข่งขันที่น่าสนใจ ใน Abu Dhabi GP

  • ชนะมากที่สุดประเภทนักแข่ง Lewis Hamilton 5 ครั้ง : 2011, 2014, 2016, 2018, 2019
  • ชนะมากที่สุดประเภททีม  Red Bull Racing 7 ครั้ง : 2009, 2010, 2013, 2020, 2021, 2022, 2023ชนะติดต่อกันมากที่สุด
  • ประเภทนักแข่ง Max Verstappen 4 ครั้ง : 2020, 2021, 2022, 2023


เหตุการณ์สำคัญที่หาไม่ได้ในสนามอื่น

  • pole ความได้เปรียบของการออกสตาร์ทตำแหน่ง Pole
    สนาม Yas Marina Circuit ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากตำแหน่งการควอลิฟาย โดยเฉพาะในช่วงหลัง จากสถิติ 11 ใน 16 ครั้งของการแข่งขันทั้งหมด ผู้ที่ออกสตาร์ทในตำแหน่งโพลมักเป็นผู้ชนะ แต่ก็ยังมีนักขับที่เคยออกสตาร์ทที่อันดับ 4 แต่ชนะการแข่งขันได้ที่อันดับ 1 คือ Kimi Räikkönen ในปี 2012 อีกความแปลกอย่างหนึ่งรถที่ออกสตาร์ทใน อันดับ 3 ไม่เคยชนะการแข่งขันเลย แม้ว่าจะมีสถิติการเข้าเส้นชัยและได้คะแนน 100% ในทุกการแข่งขันที่จัดมาก็ตาม

  • รถ Safety Car และเหตุการณ์ยุติการแข่งขัน
    แม้ว่าจะมีชื่อเสียงว่าเป็นสนามที่ค่อนข้างไม่มีเหตุการณ์มากนัก แต่ก็มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น มีว่าจะมีการใช้รถ Safety Car เต็มรูปแบบรวม 6 ครั้ง ตลอดการแข่งขัน 16 ครั้งที่จัดมา ซึ่งนับว่าเป็นจะนวนที่น้อย แต่สนามนี้เคยโด่งดังที่สุดจากช่วง Safety Car ในรอบท้าย ๆ ของการแข่งขันปี 2021 ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อผลการตัดสินแชมป์โลก

  • ส่วนต่างชัยชนะที่มากที่สุดและใกล้เคียงที่สุด
    ส่วนต่างชัยชนะมากที่สุด: 30.8 วินาที Sebastian Vettel ชนะ Mark Webber ในปี 2013
    ส่วนต่างชัยชนะใกล้เคียงที่สุด: 0.439 วินาที Lewis Hamilton ชนะ Nico Rosberg ในปี 2016



ความท้าทายของสนาม Yas Marina

     สนาม Yas Marina Circuit มีความท้าทายเฉพาะตัวสำหรับทั้งนักแข่งและทีมวิศวกรในหลากหลายด้าน

  • การยึดเกาะเชิงกล: มีความสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากสนามมีโค้งความเร็วต่ำและปานกลางจำนวนมาก โดยเฉพาะบริเวณ Marina และ Hotel
  • สมดุลระหว่างการตั้งค่ารถ : ทีมต้องหาจุดสมดุลระหว่างการตั้งค่า "แรงกดอากาศต่ำ" สำหรับทางตรงยาว (เพื่อความเร็วสูงสุด) และ "แรงกดอากาศสูง" สำหรับโค้งที่ต้องใช้เทคนิค (เพื่อการยึดเกาะ)
  • การจัดการพลังงาน (ERS): ต้องมีการจัดการพลังงานไฟฟ้าจากระบบไฮบริดอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้มีพลังงานสูงสุดเพียงพอในการใช้บนทางตรง DRS
  • การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและการจัดการยาง
    อุณหภูมิที่ลดลง: การแข่งขันแบบ Day-to-Night Race ทำให้อุณหภูมิพื้นสนามลดลงอย่างมาก (10-15 องศาเซลเซียส) เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน
    ผลกระทบต่อยาง: การลดลงของอุณหภูมิส่งผลโดยตรงต่อ แรงดันลมยางและอุณหภูมิการทำงานของยาง ซึ่งทำให้นักแข่งต้องเผชิญกับการยึดเกาะและสมดุลของรถที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างคาดไม่ถึงในช่วงสำคัญของเรซ
  • กลยุทธ์: วิศวกรต้องพิจารณาการเปลี่ยนแปลงของยางเมื่อวางแผนกลยุทธ์การเข้าพิต (Pit Stop Strategy)

 

จุดเด่นและโค้งต่างๆ ของสนาม Yas Marina Circuit

ช่วงที่ 1: จุดเริ่มต้นและโค้งแฮร์พินเหนือ

ช่วงนี้เริ่มต้นจากทางตรงหลัก (Main Straight) แล้วเข้าสู่โค้งกลุ่มแรก

  • โค้ง 1 : เป็นโค้งซ้ายทำมุม 90 องศาที่ใช้ความเร็วปานกลาง เป็นโค้งสำคัญมากในการเตรียมรถให้อยู่ในตำแหน่งที่ดีสำหรับโค้งถัดไป
  • โค้ง 2, 3, และ 4 : เป็นชุดโค้งที่ต่อเนื่องกันอย่างรวดเร็ว ก่อนเข้าสู่ทางตรงสั้น ๆ โค้งชุดนี้ต้องการความแม่นยำ และความเร็วในการออกจากโค้งที่ดี
  • โค้ง 5 : เป็นจุดที่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุด โค้งชิเคนความเร็วต่ำเดิม (โค้ง 5/ โค้ง 6 เก่า) ถูกนำออกไป และโค้ง T7 เดิมถูกปรับให้เป็นโค้งแฮร์พินที่กว้างและใช้ความเร็วได้สูงขึ้น การปรับนี้ทำให้รถสามารถทำความเร็วได้มากขึ้นเมื่อเข้าสู่ทางตรงที่ยาวมากถัดไป ทำให้เป็นจุดแซงสำคัญอีกจุดหนึ่ง

 

ช่วงที่ 2: ทางตรงยาว

      ช่วงนี้มีลักษณะเด่นคือทางตรงยาว 2 ช่วง คั่นด้วยโค้งชิเคนความเร็วต่ำ ก่อนจะเข้าสู่โค้งกวาดที่ยกขอบสนาม (Banked Curve)

  • ทางตรงและโซน DRS 1: เป็นทางตรงยาวแรกที่ต่อจากโค้ง 5 และเป็น หนึ่งในสองโซน DRS ซึ่งทำให้รถทำความเร็วได้สูงมากและเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการแซง
  • โค้ง 6 และ 7 : เป็นโค้งชิเคนซ้าย-ขวาที่แคบและท้าทาย อยู่สุดทางตรงยาวนักแข่งต้องเบรกอย่างหนัก จากความเร็วสูง ทำให้เป็นจุดแซงสำคัญเนื่องจากการเบรกที่รุนแรง
  • โค้ง 8 (ทางตรงสั้นและโซน DRS 2): เป็นทางตรงที่ค่อนข้างสั้นที่ต่อจากโค้งชิเคนทันที และเป็นโซน DRS ที่สอง
  • โค้ง 9 (Marsa Corner): เป็นอีกจุดที่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในปี 2021 ชุดโค้งที่ช้าและซับซ้อนเดิม 4 โค้ง (โค้ง 11-โค้ง 14 เก่า) ถูกแทนที่ด้วยโค้งซ้ายกวาดเพียงโค้งเดียว ซึ่งมีการยกขอบสนามเล็กน้อย ทำให้สามารถเข้าโค้งด้วยความเร็วที่สูงขึ้นมาก ช่วยเพิ่มความไหลลื่นของรอบสนามอย่างเห็นได้ชัด

ช่วงที่ 3: อ่าวจอดเรือและโรงแรม

     ช่วงสุดท้ายนี้เป็นช่วงที่เน้นเทคนิค โดยจะวกวนไปรอบ ๆ อ่าวจอดเรือ (Marina) และลอดใต้โรงแรม W Abu Dhabi - Yas Island ที่เป็นสัญลักษณ์ของสนาม

  • โค้ง 10-14: เป็นชุดโค้งที่เน้นเทคนิคใช้ความเร็วต่ำกว่าเล็กน้อย และมีทางตรงสั้น ๆ คั่นโค้งชุดนี้ต้องการ ความสมดุลของรถ และการยึดเกาะถนนที่ยอดเยี่ยมโค้งเหล่านี้เลียบอ่าว Yas Marina ซึ่งมอบฉากหลังที่สวยงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงอาทิตย์ตกดิน
  • โค้ง 15 และ 16 (Hotel Complex) : โค้งสองโค้งสุดท้ายนี้ก็ถูก ขยายให้เปิดกว้างขึ้นและไม่แคบเหมือนเดิม ในปี 2021 (โค้ง 18-โค้ง 20 เดิม) ทำให้การจบช่วงสุดท้ายของรอบสนามมีความไหลลื่นและรวดเร็ว ยิ่งขึ้น โค้งเหล่านี้เชื่อมต่อโดยตรงกับทางตรงหลัก ดังนั้นการออกจากโค้งที่ดีจึงสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำเวลาต่อรอบ โค้งชุดนี้มีชื่อเสียงจากการที่รถต้องแล่นลอดใต้สถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของโรงแรม

 

โปรแกรมแข่งขัน FORMULA 1 ETIHAD AIRWAYS ABU DHABI GRAND PRIX 2025

วันที่รอบเวลา
5 ธันวาคม 2568รอบฝึกซ้อม 116:30 - 17:30
5 ธันวาคม 2568รอบฝึกซ้อม 220:00 - 21:00
6 ธันวาคม 2568รอบฝึกซ้อม 317:30 - 18:30
6 ธันวาคม 2568รอบคัดเลือก21:00 - 22:00
7 ธันวาคม 2568รอบแข่งขัน20:00

ช่องถ่ายทอดสด beIN SPORTS 1

 

บทความที่คุณอาจสนใจ

ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
สัมผัสโลกไร้ขีดจำกัดกับทรูไอดี