ถือว่าเป็นชัยชนะที่ทำเอากองเชียร์ใจหายใจคว่ำกันได้พอสมควร สำหรับ "ไอ้ปืนใหญ่" อาร์เซน่อลที่บุกไปยิงประตูใส่ลูตัน ทาวน์ในวินาทีสุดท้ายของเกมและจบลงด้วยชัยชนะเหนือทีมน้องใหม่ 3-4 จากประตูชัยของเดแคลน ไรซ์ กองกลางค่าตัว 100 ล้าน โดยชัยชนะในเกมนี้ทำให้อาร์เซนอลนั้นยึดตำแหน่งจ่าฝูงของพรีเมียร์ลีกไปอีกสัปดาห์ แต่ถึงแม้จะเก็บชัยชนะมาได้แต่ก็มีเสียงบ่นจากเหล่าเดอะ กูนเนอร์สอยู่พอสมควรว่าเสียประตูง่ายเหลือเกิน โดยเฉพาะดาบิด รายาที่มีส่วนผิดพลาดถึง 2 ประตู จนถึงขั้นตอนที่ไรซ์ยิงประตู เจ้าตัวถึงกับวิ่งขึ้นมาดีใจด้วย คงโล่งใจพอสมควรที่ทีมชนะ ไม่เช่นนั้นเจ้าตัวได้โดนเสียงวิจารณ์แรงกว่าเดิมแน่นอนอย่างไรก็ตามถึงจะมีเสียงบ่นจากแฟนบอลว่าเล่นได้ไม่น่าประทับใจเลยว่าเกมรุกก็ยิงประตูไปสิ เกมรับและผู้รักษาประตูก็พร้อมเสียประตู แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะครับ ยังไงก็แล้วแต่ก็ได้ชัยชนะมาเหมือนกันและนี่แหละครับคือเนื้อหาของบทความนี้ที่จะพูดถึงชัยชนะที่ค่อนข้างกระท่อนกระแท่น ไม่สวยงามแต่ผลลัพธ์คือ 3 แต้ม ดูแล้วนี่ก็คือคาแรคเตอร์ของทีมที่จะเป็นแชมป์เหมือนกันนะ บางเกมดูท่าจะไม่ชนะแต่สุดท้ายก็บดจนชนะจนได้ เนื้อหาจะเป็นอย่างไรไปดูกันเลยครับบทความนี้นำมาจากที่ทาง Opta Analyst ได้เขียนและลงสถิติ (ก่อนเกมที่ชนะวูล์ฟ 2-1) ไว้ให้ดูนะครับ โดยที่ทาง Opta ได้เปิดประเด็นมาว่าในช่วงต้นของฤดูกาลนี้กับฤดูกาลที่แล้วของทัพปืนใหญ่นั้นมีความเหมือนกันพอสมควร ไม่ได้แตกต่างกันมากเท่าไหร่ที่ผ่านไป 13 เกมลีก พวกเขารั้งตำแหน่งจ่าฝูง แต่ในฤดูกาลนี้ดูเหมือนจะมีทิศทางที่เป็นบวกหรือดูดีกว่าฤดูกาลที่แล้วโอเค ถึงแม้ว่าในช่วงเวลาเดียวกัน (เตะไป 13 เกม) ฤดูกาลที่แล้วจะดูดีกว่าฤดูกาลนี้ เพราะฤดูกาลที่แล้วอาร์เซนอลชนะไป 11 เกม เสมอและแพ้อย่างละ 1 เกม เก็บได้ 34 คะแนน ส่วนในฤดูกาลนี้เก็บได้ 30 คะแนน ชนะ 9 เสมอ 3 แพ้ 1 ในเรื่องของคะแนนฤดูกาลที่แล้วอาจจะดูดีกว่า แต่หากดูภาพรวมแล้วฤดูกาลนี้ดูแล้วเหมือนจะดีกว่า เพราะถึงแม้การเล่นอาจจะไม่ได้สนุกกว่าเหมือนในฤดูกาลที่แล้ว แต่ฤดูกาลนี้ดูดีกว่าในเรื่องของความแน่นอน รู้จักปิดเกม แพ็คเกมรับให้แน่นเพราะมีสถิติที่บันทึกไว้บอกว่า เกมรุกของทัพปืนใหญ่นั้นดูดุดันน้อยลงนิดหน่อย ค่าเฉลี่ยการยิงประตูต่อเกมในฤดูกาลที่แล้วอยู่ที่ 2.32 แต่ในฤดูกาลนี้ลดลงมาอยู่ที่ 2.08 ประตู/เกม ค่า xG ก็ลดลงจาก 1.93 เหลือ 1.78 ต่อเกม จังหวะยิงก็น้อยลงจาก 15.6 เหลือ 14.5 ครั้งต่อเกม ซึ่งมันก็ส่งผลให้เห็นในหลายๆ เกมที่อาร์เซนอลชนะได้แบบหืดจับ หืดขึ้นคอเหลือเกินใน 3 เกมล่าสุด เริ่มจากบุกไปเฉือนเบรนท์ฟอร์ด 1-0 เปิดบ้านเฉือนวูล์ฟ 2-1 และเกมล่าสุดก็ยิงในวินาทีสุดท้ายใส่ลูตัน ทาวน์แถมมีสถิติที่เปิดเผยว่าพวกเขาคือเจ้าพ่อลูกนิ่งของพรีเมียร์ลีกในยุคนี้ เพราะในฤดูกาลที่แล้วพวกเขาได้ประตูจากการเล่นลูกเซ็ตพีท 15 ประตู คิดเป็น 17.1% ของประตูที่ยิงได้ทั้งหมด ส่วนในฤดูกาลนี้พวกเขาได้ประตูจากลูกตั้งเตะไปแล้ว 8 ประตู คิดเป็น 29.6% ของทั้งหมดที่ยิงได้ ถ้าจะมองว่าเป็นปัญหาก็มองได้ว่าประตูจากการเล่นแบบโอเพน-เพลย์นั้นน้อยลง การเล่นหรือการเข้าทำแบบโอเพน-เพลย์นั้นมีประสิทธิภาพน้อยลง พวกเขาได้มา 12 ประตูเท่านั้นจากการเข้าทำแบบโอเพน-เพลย์ ทำให้พวกเขาอยู่ในอันดับ 12 ที่มีค่า xG จากการเล่นแบบโอเพน-เพลย์ที่ 13.8 ร่วมกับเอฟเวอร์ตันและเบรนท์ฟอร์ด น้อยกว่าทีมอย่างน็อตติงแฮม ฟอร์เรสต์หรือบอร์นมัธเสียอีก แต่ถ้ามองในมุมที่ดีก็เท่ากับว่าปืนใหญ่นั้นมีอาวุธทีเด็ดเพิ่มขึ้นมานั่นก็คือลูกตั้งเตะอาร์เซนอลนั้นได้ประตูจากลูกจุดโทษไปแล้ว 6 ประตู มากกว่าในฤดูกาลที่แล้วถึง 2 เท่าและมีการวิเคราะห์กันว่าถ้าหากอาร์เซนอลไม่ได้ลูกจุดโทษจะทำให้แต้มพวกเขาหายไปถึง 4 แต้มมีการวิเคราะห์เหตุผลที่ทำให้ประตูจากลูกโอเพน-เพลย์ของอาร์เซนอลนั้นน้อยลงเป็นผลมาจากฟอร์มการเล่นของมาร์ติน โอเดการ์ดที่ดรอปลงจากฤดูกาลที่แล้ว เพราะเราจะเห็นได้ว่าโอเดการ์ดนั้นมีอิทธิพลต่อเกมรุกของปืนใหญ่พอสมควร เขาจะเป็นคนที่คอยครีเอทเกมรุกของทีม เพื่อนๆ มักจะส่งบอลมาให้เขาทำเกม ทำให้คู่ต่อสู้นั้นหันมาโฟกัสและทำให้โอเดการ์ดนั้นเล่นยากขึ้น มันเลยส่งผลต่อเกมรุกของปืนใหญ่โอเดการ์ดนั้นลงเล่นแทบทุกวินาทีให้กับทีม ยิ่งในฤดูกาลที่แล้วเขาลงเล่นไป 37 เกมจากทั้งหมด 38 เกมลีก ยิงได้ 15 ประตูแถมอีก 7 แอสซิสต์และอย่างที่บอกครับว่าคู่แข่งหันมาโฟกัสที่กัปตันอาร์เซนอลมากขึ้น ทำให้ในฤดูกาลนี้เขาได้รับบอลน้อยลงจากฤดูกาลที่แล้ว สถิติบอกว่าเขารับบอลน้อยลงจาก 63.9 มาเป็น 60.6 ครั้งต่อเกม พอได้บอลน้อยสถิติอื่นๆ ที่ตามมาก็ลดลงด้วยเช่นกัน ทั้งจังหวะการยิงจาก 2.7 ก็เหลือ 2.2 ครั้งต่อเกม ยิงประตูลดจาก 0.43 เหลือ 0.31 ต่อเกม ยิ่งการแอสซิสต์ยิ่งลดลงไปเยอะเลย ลดลงไปถึงครึ่งเลยจาก 0.20 เหลือ 0.10อย่างที่บอกครับว่าโอเดการ์ดนั้นมีอิทธิพลต่อเกมรุกของอาร์เซนอลเป็นอย่างมาก หากฟอร์มดี เกมรุกของปืนใหญ่ก็จะไหลลื่น แต่ถ้าหากฟอร์มไม่ดี คู่แข่งจับตาย เกมรุกของทีมก็จะติดขัดเสมอ สถิติฟ้องดังนี้ครับ (ฝั่งซ้ายคือสถิตของฤดูกาลที่แล้ว ฝั่งขวาคือสถิติของฤดูกาลนี้)ประตู: 2.3 | 2.1 xG: 1.9 | 1.8จังหวะยิง: 15.6 | 14.5ยิงตรงกรอบ: 5.4 | 5.2สัมผัสบอลในเขตโทษคู่แข่ง: 36.9 | 36.3จังหวะเกมรุกของปืนใหญ่น้อยประสิทธิภาพลดลงเหมือนกันในยามที่กัปตันของพวกเขาเล่นไม่ออก แต่ในโชคร้ายก็ยังมีโชคดี เพราะบูคาโย ซากา สตาร์บอยของพวกเขาก็ยังมีฟอร์มการเล่นที่ดีอยู่ตลอด เพราะในซีซั่นนี้เขายิงประตูในลีกไปแล้ว 5 ประตู แอสซิสต์อีก 4 จากการลงเล่น 12 เกม ทำให้เขามีส่วนร่วมกับประตูอยู่ที่ 0.8 ลูกต่อเกม ดีขึ้นจากซีซั่นที่แล้วที่มีส่วนร่วมกับประตู 25 ประตูจากการลงเล่น 38 เกม แบ่งเป็นยิง 14 แอสซิสต์ 11 (0.7 ลูกต่อเกม)นอกจากนี้ในเรื่องของตัวผู้เล่น อาร์เซนอลก็ดูดีกว่าในฤดูกาลที่แล้วพอสมควร เพราะมีการเสริมขุมกำลังในแนวลึกหรือ Squad Depth พวกเขามีตัวหมุนเวียนในแต่ละตำแหน่งอยู่เสมอ ตั้งแต่ผู้รักษาประตูยันกองหน้า ไม่มีรายาก็ยังมีอารอน แรมส์เดล, แบ็คขวาไม่มีเบน ไวท์ก็ยังมีทาเคฮิโระ โทมิยาสุ แบ็คซ้ายพอโอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโกลงเล่นไม่ได้ก็ยังมีโทมิย้ายฝั่งมาเล่นได้ หรือก็มียาคุบ คิวิออร์ที่สามารถเล่นได้ทั้งแบ็คซ้ายและเซนเตอร์แบ็ค หรือในตำแหน่งแบ็คซ้ายก็ยังมีเยอร์เรียน ทิมเบอร์ที่รอกลับมาจากอาการบาดเจ็บอีกกองกลางพอโธมัส ปาเตย์เจ็บไปก็ยังมีไรซ์หรือจอร์จินโญอีก รวมไปถึงฟาบิโอ วิเอราด้วย ยิ่งเกมรุกก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง มีให้สลับใช้ได้อย่างเยอะแยะ กาเบรียล มาร์ติเนลลี, เลอันโดร ทรอสซาร์ด, กาเบรียล เฆซุส, ไค ฮาแวร์ต, เอมิล สมิธ-โรล หรือแม้กระทั่งเอ็ดดี เอ็นเคเทียห์และที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือการเสริมตัวอย่างเดแคลน ไรซ์เข้ามา เพราะมันอิมแพคเป็นอย่างยิ่งทั้งในเรื่องของเกมรับและเกมรุก เพราะเขาน้อยช่วยเหลือในการปัดกวา สกัดเกมรุกของคู่แข่งได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้คู่ต่อสู่ผ่านบอลเข้าสู่พื้นที่ Final Third ได้น้อยที่สุดในลีกที่ 10 ครั้งต่อเกมอย่างที่บอกไปครับว่าการมาของไรซ์นั้นอิมแพคต่อเกมรับของปืนใหญ่อย่างมาก เพราะเขาช่วยให้ลดจังหวะยิงของคู่แข่งจากฤดูกาลที่แล้ว 3.6 เหลือ 2.5 ครั้งต่อเกม ค่า xG ของคู่แข่งก็น้อยลงด้วยจาก 1.1 เหลือ 0.8 ครั้งต่อเกม แถมก่อนเกมที่พบกับลูตัน ทาวน์ อาร์เซนอลนั้นมีสถิติที่เสียประตูจากลูกตั้งแต่เพียง 1 ประตู จากค่า xG ในการเสียประตูจากลูกตั้งเตะที่ 1.6 (จังหวะยิง 18 ครั้ง)เกมรับอื่นๆ ก็ดีขึ้นด้วยเมื่อเปรียบเทียบฤดูกาลที่แล้ว | ฤดูกาลนี้เสียประตู: 1.1 | 0.8โอกาสยิงของคู่แข่ง: 9.0 | 8.5จังหวะยิงตรงกรอบของคู่แข่ง: 3.6 | 2.5มาถึงตรงนี้ ผมคิดว่าแฟนๆ ปืนใหญ่ถึงจะมีบางเกมที่ไม่ค่อยพอใจหรือขัดใจกับฟอร์มการเล่น แต่ถ้าหากมันเก็บชัยชนะได้มันก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี แถมตอนนี้ก็ยังนำเป็นจ่าฝูงอีกด้วยคะแนนที่นำลิเวอร์พูลที่ตามมาเป็นอันดับ 2 อยู่ 2 คะแนนหลังจากที่จบเกมกลางสัปดาห์ที่เพิ่งผ่านพ้นไปถ้าว่ากันตามสถิติถึงแม้เกมรุกจะมีประสิทธิภาพลดลง แต่ถ้าดูจากตัวเลขมันก็ไม่ได้ลดลงจนน่าเกลียดหรือรับไม่ได้ เพราะมันลดลงไม่เกิน 0.2 เลย มีเพียงการสัมผัสบอลในกรอบเขตโทษคู่แข่งเท่านั้นที่ลดลงมาถึง 0.6 ครั้งต่อเกม แถมผู้เล่นที่สามารถหมุนเวียนเปลี่ยนได้ตลอดนั้นก็ทำให้เกมรุกของไอ้ปืนใหญ่นั้นมีความหลากหลาย ถ้าโอเดการ์ดโดนจับตายก็ยังมีซากา, ทรอสซาร์ด, มาร์ติเนลลี หรือเฆซุสที่ยังมีความอันตรายหรือคุกคามคู่แข่งได้ตลอด รวมไปถึงไค ฮาแวร์ตหรือเดแคลน ไรซ์ 2 นักเตะใหม่ที่สามารถทำประตูสำคัญๆ ให้กับทีมได้เสมอแถมเกมรับก็มีสถิติที่ดีขึ้นด้วยจากการมาของไรซ์ที่นอกจากเกมรุกที่ช่วยเหลือที่ได้ในหลายๆ ครั้งแล้ว เกมรับนั้นน้องข้าวก็เข้ามาช่วยขันเกมรับของทีมให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นไปอีก ทำให้อาร์เซนอลนั้นกลายเป็นทีมแพ้ยาก เสียประตูน้อยลง แช่งให้แพ้ยากขึ้น (จากใจกองแช่งเลย555555555) หลายๆ เกมแล้วที่ภาวนาให้พวกเขาสะดุดอย่างน้อยเสมอก็ยังดี แต่สุดท้ายก็มักจะทำประตูชัยในช่วงท้ายเกมได้ตลอดบอกตรงๆ อาร์เซนอลในฤดูกาลนี้แทบไม่ได้ต่างจากฤดูกาลที่แล้วเลย เผลอๆ มีแนวโน้มจะดีกว่าฤดูกาลที่แล้วด้วยซ้ำเหมือนที่ Opta ได้บอกเลย เพราะเกมรุกก็ยังน่ากลัวแต่เกมรับแข็งแกร่งขึ้นอีก นี่มันคือลักษณะของทีมที่จะเป็นแชมป์นะ เกมไหนที่ยากๆ ก็มักจะเอาตัวรอดได้ตลอด หรือเกมไหนที่ต้องเจอทีมหัวตารางก็เก็บผลได้แบบน่าพอใจทั้งการชนะ 2 ทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์ (ชนะแมนยู 3-1, ชนะแมนซิตี้ 1-0) และเสมอกับคู่แข่งร่วมกรุงลอนดอนทั้งท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์และเชลซี แต่ยังเหลือโปรแกรมที่หนักๆ รอพวกเขาอยู่เหมือนกันในช่วงครึ่งแรกของฤดูกาลโดย 3 เกมในลีกต่อจากนี้เรียกได้ว่าคือบทพิสูจน์ที่หินสุดๆ ของลูกทีมมิเกล อาร์เตตา ทั้งไปเยือนแอสตัน วิลลาในเกมถัดไป แถมวิลลาที่โหดสุดๆ เวลาเล่นในวิลลา พาร์คก็เพิ่งชนะแมนซิตี้ไป 1-0 ต่อด้วยเปิดบ้านรับไบรท์ตันและบุกไปเยือนแอนฟิลด์ของลิเวอร์พูล หมดสามเกมสุดหินนี้ก็ยังต้องเจอเวสต์แฮม ยูไนเต็ดและฟูแลมในลอนดอน ดาร์บีแมตช์อีก 2 เกมต่อมาจากโปรแกรมสุดหินที่ได้บอกไป ถ้าหากพวกเขาเก็บชนะได้หมดหรือไม่แพ้เลย ผมบอกได้เลยว่าอาร์เซนอลคือเต็งแชมป์ No.1 ของพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้เลย เพราะในช่วงนี้แมนซิตี้ก็ทำแต้มหล่นเป็นว่าเล่น 4 เกมล่าสุด เรือใบไม่ชนะใครเลย เสมอสามเกมติดต่อกันและเกมล่าสุดก็แพ้แอสตัน วิลลา ถ้าหากปืนใหญ่ไม่ทำแต้มหลุดมือแบบทั้งๆ ที่ควรเก็บได้นะรับรองเลยว่าการรอคอยที่ในฤดูกาลนี้ครบ 20 ปีของการเป็นแชมป์ลีกครั้งล่าสุดก็จะสิ้นสุดลง แถมเป็นการครบรอบ "สองทศวรรษ" ของ "แชมป์ไร้พ่าย" อีกด้วย ต้องมารอดูครับว่ามิเกล อาร์เตตาและลูกทีมจะสามารถเถลิงบัลลังก์แชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2023/2024 นี้ได้หรือไม่ ถ้าหากทำได้จะเป็นอะไรที่สวยงามมากๆ รอมา 20 ปีก็ว่านานแล้ว แต่หากถ้าได้ในฤดูกาลที่ครบรอบ 20 ปีของการเป็นแชมป์ไร้พ่าย ผมว่ามันก็เป็นอะไรที่สวยงามเหมือนกันนะแต่อย่าประมาทและอย่าลืมว่าในฤดูกาลที่แล้วพวกเขาก็นำจ่าฝูงแบบยาวๆ แบบนี้แหละ แต่สุดท้ายดันไปแหกโค้งในช่วงและโดนเรือใบสีฟ้าปาดหน้าเข้าป้ายไป เพราะฉนั้นพวกเขาต้องเน้นทุกเกมที่ลงเล่น จังหวะที่ควรจบก็จบให้ได้ อย่าพลาดง่ายๆ ไม่เช่นนั้นอาจจะซ้ำรอยแบบปีที่แล้วก็เป็นได้บทความที่เกี่ยวข้อง5 ประเด็นหลังเกมแห่งคอนเทนต์ อาร์เซนอลพลิกกลับมาชนะแมนยู 3-1ปัญหากองหน้าอาร์เซนอลที่ชวนปวดหัวทำความรู้จัก "เยอร์เรียน ทิมเบอร์" กองหลังในอุดมคติของอาร์เซนอล"เดแคลน ไรซ์" กับเหตุผลที่อาร์เซนอลยอมทุ่ม 105 ล้านปอนด์ขอบคุณภาพสถิติและภาพประกอบจากOpta AnalystOfficial Facebook ของอาร์เซนอลภาพปก 1, ภาพปก 2, ภาพปก 3, ภาพประกอบ 1, ภาพประกอบ 2, ภาพประกอบ 3, ภาพประกอบ 4, ภาพประกอบ 5, ภาพประกอบ 6 และภาพประกอบ 7 เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !