TRUE TALK : "NBA Finals" Superman ปะทะ Avenger Team ... by "ต็อกตั้ม พรรษิษฐ์"

ต็อกตั้ม พรรษิษฐ์ : ใกล้ได้บทสรุปเข้าไปทุกทีสำหรับศึกยัดห่วง NBA ที่ทวีความเข้นขึ้นเรื่อยๆ จนมาถึงรอบชิงชนะเลิศ NBA Finals กันเป็นที่เรียบร้อย แม้ผลออกมาจะเป็นคนหน้าเดิม เลบรอน เจมส์ ที่แยกเอา คลีฟแลนด์ ทั้งองค์กรเข้ามาซัดกับ โกลเดนสเตท ที่ยังไม่พีคนักได้สำเร็จ
เข้าไปชิงกันเป็นปีที่ 4 แล้วก็ตาม หากแต่พิจารณาที่มาที่ไป กว่าจะลากกันเข้ามาชิงได้ถือว่าน่าปรบมือไม่น้อยเช่นกันกับความน่าเบื่อที่มาจากแฟนบาสทีมอื่นๆ
ทั้งนี้การเข้าชิงกันเป็นปีที่ 4 ส่งผลให้ คาวาเลียร์ส-วอร์ริเออร์ส เข้ามาพบกันบ่อยที่สุด เป็นอันดับ 4 ในประวัติศาสตร์รอบชิง NBA ตามหลังเพียง 3 คู่ประกบเท่านั่น โดยมากที่สุดมีดังนี้
12 ครั้ง : Boston Celtics (ชนะ 9 ) vs. Minneapolis / Los Angeles Lakers ( ชนะ 3)
6 ครั้ง : Minneapolis / Los Angeles Lakers ( ชนะ 5) vs. Syracuse Nationals / Philadelphia 76ers ( ชนะ 1)
5 ครั้ง : Minneapolis / Los Angeles Lakers (ชนะ 3) vs. New York Knicks (ชนะ 2)
ตามที่เกริ่นไว้ว่ารอบชิงปีนี้น่าสนใจแม้จะเป็นทีมเก่า แต่ก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าแม้เกมบาสจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลา มีการปรับรูปแบบการเล่นให้เร็วขึ้น ยืดหยุ่นมากขึ้น วงในแท้ๆ หายไป เกมวงนอกยิงไกลมากๆ เกมสวนกลับเข้ามาแทนที่
ทว่า “บาสเกตบอล” ก็ยังมีปัจจัยแห่งชัยชนะที่ไม่ต่างไปจากเดิมนัก หนึ่งในเหตุผลหลักนั่นก็คือ ประสบการณ์ และการเล่นที่เฉียบขาดในช่วงเวลาสำคัญ นาทีชี้เป็นชี้ตาย Go To Guy เป็นคำที่ใช้ได้เสมอผู้สันทันกรณีมากมายชี้ชัดว่าสถานการณ์แบบนี้แหละที่จะกลั่นกรอง Superstar ออกจากเหล่า Great Player
…
….
…..
เรื่องนี้ประเด็นเดียวพอแล้วที่จะสรุปได้ว่าทำไม แคฟส์ และ วอร์ริเออร์ส จึงเข้ารอบชิงชนะเลิศได้มันไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่าเรื่องนี้ วอร์ริเออร์ส อาจจะไม่เห็นชัดนักเพราะ 2 รอบแรก ไม่เบียดอะไร ปราบทีมพิการอย่าง ซาน อันโตนิโอ สเปอร์ส 4-1 เช่นกันกับ นิวออร์ลีนส์ ที่ฟอร์มดีมากมาย ปราบ พอร์ตแลนด์ แบบไม่มีทางสู้พอมาเจอ วอร์ริเออร์ส เท่านั้นหงายท้องไม่มีท่า
จนมาถึงรอบชิงแชมป์สายนี่แหละ เรื่องประสบการณ์ และคำว่ามือ 1 มีผลชี้ขาดเกม ตามหน้าเสื่อและมุมที่ผมเองมองยังเชื่อว่า ฮิวส์ตัน จะผ่าน วอร์ริเออร์ส ได้ด้วยความแข็งแกร่งที่ครบเครื่องบวกกับฟอร์มที่ดีเหลือเชื่อของ เจมส์ ฮาร์เด้น ในปีนี้
ร้ายที่สุดคือการเข้ามาของ คริส พอล มันเป็นเรื่องเติมเต็มที่ดีมากเพราะเป็นครั้งแรกที่ เจมส์ ฮาร์เด้น มีจอมทีพแท้เกรดเอเป็นตัวขับเคลื่อนเกม ที่ผ่านมาครั้งเดียวที่มีการ์ดจ่ายอาชีพระดับ ออลสตาร์ ร่วมทีมน่าจะเป็น รัสเซล เวสต์บรูก แต่ “เต่า” นาทีนั้นหรืออาจจะนาทีนี้ มันไม่ค่อยจ่ายสักเท่าไหร่
เช่นกันกับ ไมค์ ดิ แอนโทนีย์ เจ้าพ่อ Run and Gun เน้นเกมเร็วเป็นหลักจนสร้างชื่อส่งตัวเองเป็นโค้ชยอดเยี่ยม นอกจากจะเป็นสไตล์ความถนัดส่วนตัวแล้ว ประการสำคัญคือเขาไม่มีการ์ดจ่ายที่เล่นได้รอบด้านเร็วได้ ช้าได้เกมรุกโพสต์เพลย์ หรือสวนกลับ
ในขณะเดียวกันมีเกมรับที่ดีไว้ใจได้มาร่วมทีม คุณอาจจะสงสัยว่า สตีฟ แนช ไม่เข้าข่ายหรือ
จริงครับ ปฏิเสธไม่ได้ แนช เก่งมากในเกมรุก เล่นเร็วมาก แม่น จ่ายบอลงดงาม แต่เมื่อสถานการณ์ต้องการเกมรับ เกมครึ่งสนามที่ต้องเป็นแต้ม แนช ตอบโจทย์จุดนี้ไม่ดีนัก เช่นกันกับเกมรับ เรื่องนี้แหละที่ CP3 เหนือกว่าชัดเจน
นั่นคือเหตุผลที่ ร็อคเกตส์ ดูเหนือกว่าเพราะเกมรุกก็ไม่ต่างกัน ความเก๋าก็ไม่ต่างกันยิ่งแชมป์เก่าไม่เฟิร์มทั้งตัวหลัก สตีเฟ่น เคอร์รี่, เควิน ดูแรนท์ และ เคลย์ ธอมป์สัน มีอาการบาดเจ็บติดตัวมาตลอด ไหน อันเดร อิกูดาลา ตัวเก๋าที่สวมบทบาทเป็นจิตวิญญาณของทีมก็เจ็บอีก รูปเกมซีรีส์นี้เลยออกมาที่เล่นเร็วปี้ดเพื่อฉีกแต้มให้ไกลที่สุด ฉกฉวยโอกาสได้ก่อน แม่นกว่า Run ได้ก่อนทีมนั้นจะปิดเกมไปเลยสบายๆ ชนะขาด ซึ่งมันก็ทีใครทีมัน
จนมาช่วงท้ายซีรีส์นี่แหละ เกมเริ่มมาเบียดต้องตัดสินกันช่วงท้าย ซึ่ง ร็อคเกตส์ ที่มี คริส พอล ก็เล่นกัยสถานการณ์ได้ดีไม่เป็นรองแถมดูเก๋ากว่า เคอร์รี่ ตัวคุมบอลด้วยซ้ำไป โดยใช้ ฮาร์เด้น เป็นตัวปิดสกอร์ บริหารงานโดย CP3
แต่แล้วฟ้าก็เปลี่ยนเมื่อ CP3 ดันทะลึ่งมาเจ็บจนไม่สามารถเล่น 2 เกมสุดท้ายได้ งานเข้าในทันที
เกมที่ 6 ร็อคเก็ตส์ อยากปิดซีรีส์เต็มที่แม้จะไปเล่นบ้าน GSW ทำได้ดีเมื่อเกมรุกเข้าฝักแต่ก็รักษาจุดนั้นไว้ไม่ได้ ทุกอย่างไปข้างหน้าอย่างเดียวไม่มีเบรก ไม่มีหน้าที่สองเปลี่ยนจังหวะหรือรูปแบบ ผิดกับเจ้าบ้านที่มีเกียร์ 1 2 3 สุดท้ายเร่งกับเร่งพัง วอร์ริเออร์ส ปิดเกม
ไม่ต่างจากเกมสุดท้าย แม้ ดิ แอนโทนีย์ จะพยายามเบรกจังหวะ วอร์ริเออร์ส แต่เมื่อต้องปิดเกมก็ไม่มีอะไรแยบยล 1 เล่นเร็ว 2 ยิงสามแต้ม 3 Harden’s Isolation มีเท่านั้นจริงๆ ซึ่งต่างจาก วอร์ริเออร์ส จริงๆ หลากหลายกว่า แน่นอนกว่า ทั้ง เคอร์รี่, ดูแรนท์ ยังเป็น Play Maker ที่ไว้ใจได้ ตรองไตร่ไล่มองดูแล้วมันไม่ต่างจาก Avenger
ส่วน แคฟส์ คงไม่ต้องยกตัวอย่างอะไร เพราะภาพที่ออกมามันชัดจริงนี่คือ One Man Team มันคือ เลบรอนทีม อย่างแท้จริง ไม่แปลกเลยทีใครจะเรียก เลบรอน เจมส์ ว่า “เดอะ แบก” แต่เชื่อเถอะมันเป็นคำประชดที่ต้องยอมรับในความเก่งระดับโคตรแม่
ซีรีส์กับ บอสตัน ชัดเจนที่สุด แม้ชื่อชั้นจะดูเหนือกว่าสำหรับ แคฟส์ แต่เล่นจริงระบบที่ดีกว่าฟอร์มสดกว่า และความหลักแหลมของ แบรด สตีเวน ที่เหนือกว่า ไทรอน ลู ทำให้ เซลติกส์ เหนือกว่าชัดเจนยามเล่นในบ้าน แต่ด้วยความไร้ประสบการณ์ย่อมมีข้อเสีย ไหนจะไม่มีตัวหลักมือ 1 ซึ่งเป็นตัวเก๋าของทีมในคนเดียวกันทั้ง ไครีย์ เออร์วิง และ กอร์ดอน เฮย์เวิร์ด
ดังนั้นเกมที่ 7 ไม้ตายที่ใครๆ ก็รู้ นั่นก็คือให้ เจมส์ เล่น ที่เหลือทำหน้าที่ของตัวเองก็พอ แม้เกมนั้นคนอื่นๆ จะทำอะไรได้ไม่มากมีเพียง เจฟฟ์ กรีน ที่ขึ้นมาแบ่งเบา แต่สุดท้ายการรันเกมจนเหลือไม่เกิน 5 วินาทีทุกครั้งที่ถือบอลของ เจมส์ กดดันจน เซลติกส์ เล่นไปลนไป
แพ้ด้วยความเป็นเด็กแท้ นำในช่วง 6 นาทีสุดท้าย จากดังก์ของ เจสัน เททัม ยัดเต็มหน้าของ เจมส์ แค่นั้นดีใจลิงโลดกันทั้งทีมนั่นคือวินาทีวิบัติ เพราะหลังจากนั้น เจมส์ ค่อยๆ รัน ค่อยๆ ดึงจนปิดเกมได้สำเร็จ เจมส์ ลอยลำเข้าชิง NBA เป็นปีที่ 8 ติดต่อกัน
พร้อมสร้างสถิติทำแต้มสูงสุดในเพลย์ออฟฤดูกาลเดียวก่อนรอบชองชนะเลิศ 612 แต้มมากกว่า ฮาคีม โอลาจูวอน, ไมเคิล จอร์แดน นี่คือฟอร์มซูเปอร์แมนชัดๆ
บางที ซูเปอร์แมน เอ บางที ซูเปอร์แมน คงไม่พอมันต้อง ไซตามะ One Punch Man แล้ว
น่าคิดเหมือนกันว่ารอบชิงจะออกมาแบบไหน Superman จะต้าน แกงค์ อเวนเจอร์ได้สักกี่น้ำ แต่เอาจริงนะน้ำน้อยมันควรต้องแพ้ไฟไปในที่สุด 5 เกม
…
….
“ต็อกตั้ม พรรษิษฐ์”
โปรแกรมการแข่งขัน พร้อมช่องถ่ายทอดสด ฟุตบอลโลก 2018
ช่องทางการรับชมการถ่ายทอดสดทาง TrueID
ดูสดผ่านแอปพลิเคชั่น ทรูไอดี คลิก >>http://bit.ly/2HtYS2N
ดูสดผ่านเว็บไซต์ ทรูไอดี คลิก >>http://bit.ly/TrueIDSportsLive
ติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports