กีฬาในหมวดศิลปะการต่อสู้มีมากมายหลายประเภทที่ทุกคนรู้จักกันดีอย่างเช่นมวย, เทควันโด, คาราเต้ แต่ว่ายังมีศิลปะการต่อสู้อีกแขนหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมาและเหมือนจะมีกระแสมาเรื่อย ๆ ไม่มีวันดับ นั่นคือการต่อสู้ในรูปแบบ MMA ชื่อของมันอาจไม่คุ้น ถ้าหากนึกถึงภาพการจับนักสู้มาซัดกันในกรง 8 เหลี่ยม สู้กันจนเลือดสาดล่ะก็ คงจะพอนึกออกนะครับว่านี่แหละคือ MMA การต่อสู้แบบ MMA นั้นย่อมาจาก Mix Martial Art หรือศิลปะการต่อสู้แบบผสม เป็นการรวบรวมศิลปะการต่อสู้แขนงต่าง ๆ จากทั่วทุกมุมโลกมารวมไว้เช่น ยูยิตสุ, แซมโบ, คาราเต้, มวยปล้ำ, ยูโด, มวยสากล, มวยไทย ซึ่งการต่อสู้แต่ละแบบจะมีจุดเด่นกันคนละด้าน แต่เมื่อนำมันมาใช้กับกติกาที่ไม่สอดรับกันจะเสียเปรียบอย่างมาก ขณะที่ MMA จะเป็นการใช้ศิลปะการต่อสู้ทุกอย่างมาปรับใช้กับสถานการณ์นั้น ๆ ที่มารูปภาพ: Bruno Bueno จาก Pexels มันอาจจะมีความคล้ายคลึงกับการต่อสู้แบบไร้กติกา ต่อสู้แบบใดก็ได้ การจะบอกเช่นนั้นก็ไม่ผิดนักแต่มันก็ไม่ถูกซะทีเดียวครับ มันเป็นเส้นบาง ๆ ที่กั้นอยู่ ซึ่งการต่อสู้แบบไร้กฎเกณฑ์จะอันตรายมากกว่าและดูไม่เป็นกีฬาเท่าไหร่นัก ในส่วนของ MMA นั้นจะมีกติกาควบคุมประมาณหนึ่งและต้องใช้ศิลปะการต่อสู้ควบคู่ไปด้วย ไม่ใช่การต่อยตีแบบมวยวัดแบบนั้นจะเรียกว่า NHB (No Holds Barred) มากกว่า นอกจากนี้แกนหลักของ MMA อาจจะอธิบายได้ว่าจะมีการต่อสู้หลัก ๆ 3 แบบนั่นคือ ยืนสู้ (มวยไทย, คาราเต้, เทควันโด้) ปล้ำสู้ (มวยปล้ำ, แซมโบ, ยูโด) และ นอนสู้ (ยูยิตสุ, ยูโด) ด้วยกัน หมายความว่าขณะที่ยืนสู้ก็จะมีบางจังหวะถูกทำให้ล้มก็จะเป็นนอนสู้ได้ทันที ความดุเดือดของมันต้องบอกเลยว่า มันโหดกว่ากีฬาที่ใช้ศิลปะการต่อสู้แบบอื่นอย่างชัดเจน เพราะแค่สถานที่ก็เป็นกรง 8 เหลี่ยมขังเอาไว้ ไม่มีทางหนีจนกว่าจะล้มคู่ต่อสู้ได้ สำหรับการต่อสู้ก็ต้องพลิกแพลงสถานการณ์ได้ทุกแบบ ต้องงัดศิลปะการต่อสู้ที่ตนฝึกฝนมาแก้ทาง ใช้พิฆาตศัตรู เนื่องจาก MMA ต่อให้ล้มนอนก็สามารถต่อยซ้ำได้ ต่างจากกีฬาอื่นที่ต้องต่อสู้ด้วยท่ายืน ที่มารูปภาพ: Rudy and Peter Skitterians จาก Pixabay การที่สามารถล้มแล้วต่อยซ้ำได้บวกกับหมัดที่ต่อยไปที่ศรีษะ แม้จะมีนวมสวมอยู่แต่ก็แตกต่างจากนวมของมวยสากล เหมือนเป็นถุงมือเสียมากกว่า ยิ่งเป็นคู่ต่อสู้ที่ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ ล่ะก็ต้องมีเลือดออกกระจายเต็มพื้นอยู่เสมอ ถ้าหากย้อนไปยังสมัยการต่อสู้ MMA ยุคแรกที่ขอยอมแพ้ไม่ได้ ต้องสู้จนคู่ต่อสู้หมดสภาพจะโหดร้ายกว่านี้ (สมัยนี้ขอยอมแพ้ได้, มีกรรมการตัดสิน) ดังนั้นในแต่ละแมทช์ต้องมีกองเลือดเป็นเรื่องปกติ เหตุนี้ทำให้นักมวย MMA ต้องรู้จักแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เมื่อล้มก็ต้องหาทางลุกให้ไวหรือรู้จักแก้ทางให้เป็น นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นว่าทุกศาสตร์การต่อสู้ สามารถพลิกแพลงในเหตุการณ์ใดได้บ้าง นักสู้ MMA ยังต้องเรียนรู้ทักษะฝึกฝนการต่อสู้หลาย ๆ แขนงเพื่อที่จะรับมือกับคู่ต่อสู้ที่ไม่รู้เลยว่าฝึกอะไรมาบ้าง และที่สำคัญคือจิตใจที่ไม่ยอมแพ้ ต้องแข็งแกร่งดุจหินผาถึงจะอยู่รอดในสังเวียนกรง 8 เหลี่ยมนี้ได้ ที่มารูปภาพ: skeeze จาก Pixabay อย่างไรก็ตามการเป็นนักสู้ MMA ใช่ว่าจะเก่งกาจจนไร้จุดอ่อน เพราะฝึกการต่อสู้มาหลายแบบ อันที่จริงแล้วพวกเขาจะได้รับการฝึกฝนแต่ในเหตุการณ์จริง ไม่สามารถใช้งานได้เต็มที่ อย่างที่บอกไปครับว่าอาจจะต้องเจอกับการจับล็อคจับทุ่ม ถ้าเป็นแบบนั้นการจะใช้มวยยืนแบบมวยไทยอย่างเดียว 100% คงไม่ได้ จะพออนุมานได้ว่าใน 100% จะมีการต่อสู้แขนงต่าง ๆ ประมาณอย่างละ 20-25% ครับ ความดุเดือดกับจุดเด่นเรื่องศิลปะการต่อสู้ จึงทำให้ MMA ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มคนที่ชื่นชอบการต่อสู้ เพราะมันสามารถใช้งานได้จริงและมีความโหด ดิบ สะใจ เลยทำให้เกิดรายการต่อสู้ MMA โด่งดังหลายรายการ ที่รู้จักกันดีคือศึก UFC กับ ONE Championship ที่รวมนักสู้โด่งดังมากมาย พร้อมกับเงินรางวัลมหาศาลจูงใจให้พวกเขาและเธอลงมาซัดกันให้เต็มที่ ความโด่งดังนี้ทำให้มีสตาร์จากวงการมวยปล้ำ WWE ผันตัวลงสนามด้วยคือ Brock Lesnar กับผลงานที่จดจำคือ ชิงเข็มขัดแชมป์โลกเฮฟวี่เวท UFC ในปลายปี 2008 จาก Randy Couture ได้สำเร็จ แม้ว่าการแข่งของเขาจะสั้นเพียง 8 แมทช์เท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้ Lesnar เป็นที่กล่าวถึงในวงการ MMA คือเป็นนักสู้ที่ทำเงินในรายการ UFC ถึง 5,300,000 เหรียญ กันเลยทีเดียว สรุปแล้วกีฬา MMA ในปัจจุบันยังได้รับความนิยมต่อเนื่องและมีรายการแข่งขันถ่ายทอดสดตาม Page Facebook ครับเช่น One Championship หรือ UFC Thailand ที่มีไฮไลท์เด็ด ๆ ชมการแข่งขันแบบย้อนหลังได้ ซึ่งตัวผู้เขียนเองก็ชอบดูกีฬาประเภทนี้อยู่เหมือนกันครับ แม้ว่าบางแมทช์จะโหดจนทนดูไม่ได้ก็ตาม ที่มารูปภาพปก: PranongCreative จาก Pixabay