หลังจากสัปดาห์ที่สุดแสนจะวุ่นวายในตลาดซื้อขายที่พลิกไปพลิกมาและยืดเยื้อกันหลายวันสำหรับดีลของมอยเซส ไคเซโดผ่านพ้นไป ที่สุดท้ายตัวนักเตะก็ยืนยันที่จะเลือกเชลซีและก็เป็นลิเวอร์พูลที่ต้องมูฟออนต่ออีก 2 สเตป เพราะอีกคนที่มีข่าวมาเป็นเดือนอย่างโรเมโอ ลาเวียก็เลือกไปเชลซีอีกเหมือนกัน ทั้งๆ ที่หงส์แดงมีข่าวพัวพันมาก่อนด้วยนะ จนตอนนี้กลายเป็นดีลเซอร์ไพรส์ที่ลิเวอร์พูลปิดดีลคว้าตัว "วาตารุ เอ็นโดะ" กองกลางกัปตันของสตุ๊ทการ์ทและทีมชาติญี่ปุ่นวัย 30 ปีมาร่วมทีมและได้ทำการเปิดตัวกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และสำหรับบทความนี้ผมจะพาทุกคนไปรู้จักกับกองกลางคนใหม่ของลิเวอร์พูลว่าวาตารุเอ็นโดะเป็นใครมาจากไหน มีสถิติอะไรบ้างทำไมลิเวอร์พูลถึงเลือกกองกลางเลือดซามูไรคนนี้ ไปดูกันเลยครับสำหรับดีลของเอ็นโดะถือว่าเป็นการดึงเอกลักษณ์ของทีมซื้อขายของลิเวอร์พูลกลับมาเลยก็ว่าได้ หลังจากยืดยื้อในดีลของลาเวียเป็นเดือนๆ และในดีลของไคเซโดเกือบสัปดาห์นึงซึ่งไม่ใช่นิสัยที่เป็นปกติของทีมซื้อขายของลิเวอร์พูล ส่วนใหญ่การซื้อนักเตะที่ผ่านมาจะเป็น "ดีลดำดิน" ตลอด ไม่มีข่าวลือใดๆ มาก่อนเลย แต่พอมีข่าวปุ๊ปก็ปิดดีลเลย ดีลของเอ็นโดะมีกระแสในช่วงดึกของคืนวันพุธที่ผ่านมาสำหรับเอ็นโดะนั้นเป็นอดีตนักเตะของโชนัน เบลล์มาเร ทีมในเจลีก 2 และถูกอุราวะ เรด ไดมอนส์คว้าตัวมาร่วมทีม ซึ่งมีส่วนช่วยให้ทีมอุราวะ เรด ไดมอนส์คว้าแชมป์ AFC Champion League ในปี 2017, ช่วยทีมชาติญี่ปุ่น ชุด U-23 คว้าแชมป์ AFC U-23 Championship 2016, พาทีมชาติญี่ปุ่นชุดใหญ่คว้าจบรองแชมป์เอชเชียน คัพ 2019 ก่อนที่จะย้ายไปเล่นในยุโรปในลีกของเบลเยียมกับทีมแซงต์-ทรุยด็องในฤดูกาล 2018/2019 แต่เล่นในเบลเยียมได้เพียงฤดูกาลเดียวก็ได้ย้ายไปเล่นในเยอรมันโดยเป็นทีม "ม้าขาว" สตุ๊ทการ์ทจัดการยืมตัวไป โดย ณ ตอนนั้นทีมม้าขาวยังคงอยู่ในบุนเดสลีกา 2 ของเยอรมัน ก่อนที่จะเซ็นสัญญาถาวรหลังจากที่เลื่อนชั้นกลับสู่บุนเดสลีกาได้ในปี 2019 และอยู่ยงมาถึงฤดูกาลล่าสุด เขาเป็นที่รักของแฟนๆ ม้าขาว เขาเป็นทั้งกัปตันของสโมสรและทีมชาติเอ็นโดะคือกัปตันทีมชาติญี่ปุ่นชุดที่สร้างความประทับใจในศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ โดยผลงานของญี่ปุ่นชุดนั้นคือการเข้ารอบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่มที่มีทั้งสเปนและเยอรมัน และชนะ 2 อดีตแชมป์โลกได้อีกด้วยก่อนที่จะไปพ่ายให้กับโครเอเชียในรอบ 16 ทีมสุดท้าย แถมเป็นตกรอบด้วยการแพ้จุดโทษด้วยด้วยสถานการณ์ที่ลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้มีการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างเยอะ การปล่อยผู้เล่นระดับซีเนียร์ในตำแหน่งกองกลางออกจากทีมถึง 5 คน แถม 2 ใน 5 นั้นเป็นทั้งกัปตันและรองกัปตันอย่างจอร์แดน เฮนเดอร์สันและเจมส์ มิลเนอร์ และมีการแต่งตั้งให้เวอร์จิล ฟาน ไดจ์กเป็นกัปตันทีมคนใหม่ ส่วนรองกัปตันก็เป็นลูกหม้อของทีมอย่างเทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ซึ่งสำหรับเอ็นโดะที่เป็นทั้งกัปตันของสตุ๊ทการ์ทและทีมชาติญี่ปุ่นถูกคาดการณ์ว่าจะเข้ามาเป็นหนึ่งในคนที่เป็นซีเนียร์ของทีมจากทั้งประสบการณ์ที่มีในตำแหน่งของผู้นำทีมมาถึงพาร์ทเกี่ยวกับสถิติกันบ้างดีกว่าครับ ผมบอกได้เลยว่าหลายๆ สถิติสร้างความประหลาดให้ผมเป็นอย่างมากเลย ค่อยๆ ติดตามไปด้วยกันนะครับเอ็นโดะนั้นถูกเรียกว่า "บอดี้การ์ด" และไฟท์เตอร์ด้วยตำแหน่งที่เล่นคือกองกลางตัวรับ ทำให้ใน 3 ฤดูกาลหลังสุดเขาเข้าปะทะไปถึง 1,274 ครั้งและชนะการปะทะไปถึง 54.6% เกินครึ่งเลยทีเดียว ลงเล่นในตำแหน่งกองกลางไปถึง 8,783 นาที ถือเป็น 83% ของนาทีที่ลงเล่นทั้งหมด (กลางรับ 15% และกองหลัง 2%) ชนะการครองบอลเป็นอันดับ 2 ที่ 706 ครั้งและนี่คือสถิติที่ผมเซอร์ไพรส์มากๆ เพราะเอ็นโดะมีส่วนสูงเพียง 5 ฟุต 10 นิ้ว (ประมาณ 177 เซนติเมตร) แต่เขาคือ "No.1" ของกองกลางที่ชนะการดวลลูกกลางอากาศ 219 ครั้งตลอดช่วงที่เล่นในบุนเดสลีกา โดยชนะ 2.2 ครั้งจาก 3.7 ต่อเกม เหนือกว่าอดีตกองกลางของลิเวอร์พูลทั้งสามคนอย่างฟาบินโญ, เฮนโด้และมิลเนอร์เสียอีก (ฟาบินโญ่ชนะ 1.50 จาก 2.7 เฮนโด้ชนะ 0.6 จาก 1 และมิลเนอร์ชนะ 1.6 จาก 3)เอ็นโดะไม่ได้มีดีแค่เพียงเกมรับเท่านั้น เกมรุกเขาก็มีส่วนช่วยสตุ๊ทการ์ทเช่นกัน โดยสถิติการมีส่วนร่วมกับเกมรุก 129 ครั้งในฤดูกาลล่าสุด เขามีจังหวะยิง 35 ครั้ง สร้างสรรค์โอกาส 39 ครั้ง และ 55 ครั้งในการมีส่วนร่วมของการสร้างโอกาสในการยิง และตลอด 3 ฤดูกาลล่าสุดมีเพียงโจชัว คิมมิชของบาเยิร์น มิวนิกเท่านั้นที่เป็นจุดเริ่มต้นของเกมรุกที่สุดท้ายจบด้วยการยิง โดยคิมมิชทำไปได้ 118 ครั้ง ส่วนเอ็นโดะทำได้ที่ 90 ครั้งแต่เขาก็ยังมีข้อเสียในการเล่นกองกลางอยู่นั่นก็คือความแม่นยำในการจ่ายบอล ในฤดูกาลที่แล้วความแม่นยำการผ่านบอลของเขาอยู่ที่ 79.7% ในฤดูกาลล่าสุด โดย 32.1% เป็นการจ่ายบอลขึ้นหน้า 9.7% เป็นการจ่ายบอลระยะไกล แต่สถิติความแม่นยำนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาถูกด้อยค่าหรือเขาไม่เหมาะในตำแหน่งกองกลางนะ เพราะก็มีนักเตะที่เก่งมากๆ อย่างจู๊ด เบลลิงแฮมของดอร์ทมุนด์ก็มีความแม่นยำอยู่ที่ 83% เปอร์เซนต์ไม่ได้ต่างกันมากเท่าไหร่ (ไม่ได้บอกว่าเอนโดะเก่งเท่าจู๊ดนะ เพียงแต่จะบอกว่าจะไม่สามารถเอาสถิติบางสถิติมาตัดสินนักเตะคนๆ นึงได้)เอ็นโดะมีส่วนร่วมกับประตูของทีมไป 9 ครั้งจาก 33 เกมที่ลงเล่น แบ่งเป็นยิง 5 แอสซิสต์ 4 นอกจากนี้เขายังเป็นอันดับ 5 ของนักเตะที่สร้างโอกาสจากโอเพน-เพลย์ในฤดูกาลที่แล้ว เขาสร้างสรรค์โอกาสไป 46 ครั้ง อีกหนึ่งจุดเด่นตอนเล่นให้กับสตุ๊ทการ์ท เอ็นโดะมักจะเป็นคนที่จ่ายบอลขึ้นหน้าด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ซึ่งน่าจะเหมาะกับแทคติกของเยอร์เกน คล็อปป์ที่จะใช้ความเร็วของตัวรุกในการเล่นเกมรุกส่วนในเรื่องของอาการบาดเจ็บนัดบอกได้เลยว่าหายห่วง เพราะนับตั้งแต่ฤดูกาล 2021/2022 เขาพลาดการลงสนามให้ทีมไปเพียง "2 นัด" เท่านั้น 2 ครั้งนั้นมาจากการติดเชื้อโควิด-19 และได้รับการกระทบกระเทือนทางศีรษะ พักรักษาตัวอย่างละเกมแค่นั้เอง หายห่วงเรื่องการเข้าโรงหมอได้เลยสิ่งที่น่าเป็นห่วงในดีลเอ็นโดะและลิเวอร์พูลก็คือ เอ็นโดะนั้นมีอายุ 30 ปีแล้ว แถมไม่เคยได้เล่นให้กับทีมที่อยู่ในระดับท็อปเลย ไม่เคยที่จะต้องลงเล่นด้วยการไล่ล่าแชมป์เลย มันจึงไม่แปลกที่ทำให้เกิด "ความสงสัย" ในตัวของเขาว่าจะดีพอสำหรับลิเวอร์พูลหรือไม่ และยิ่งการจากไปของฟาบินโญ กองกลางตัวรับคนก่อนหน้าที่ทำผลงานไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม ยิ่งทำให้แฟนๆ คิดว่าเขาจะทดแทนการจากไปนี้ได้หรือไม่แต่หลายๆ สื่อก็คิดว่าเยอร์เกน คล็อปป์ไม่น่าจะหยุดการซื้อตัวในตำแหน่งกองกลางตัวรับนี้อีกแน่นอน เอ็นโดะน่าจะมาเป็นตัวแบ็คอัพซะมากกว่า โดยตอนนี้คนที่ตกเป็นข่าวมากที่สุดจะเป็นชีค ดูคูเรของคริสตัล พาเลซซึ่งก็ต้องรอดูต่อไปว่าจะคว้าตัวมาได้หรือไม่ แถมคล็อปป์ก็บอกเองด้วยว่ายังไงก็จะมีนักเตะเข้ามาเพิ่มอีกแน่นอนก่อนจะจากกันไปในบทความนี้ ผมขอนำเอาบทสัมภาษณ์อดีตเพื่อนร่วมทีมของเอ็นโดะมาฝากครับ แถมด้วยภาพบางส่วนของการเปิดตัวด้วยครับ โดยอดีตเพื่อนร่วมทีมที่พูดถึงเอ็นโดะก็คือมาริโอ โกเมซ อดีตกองหน้าของทีมชาติเยอรมันและสตุ๊ทการ์ท โกเมซพูดถึงเอ็นโดะว่า"ผมรักเอ็นโดะนะ เขานั่งถัดจากผมในห้องแต่งตัว เขามีช่วงเวลาที่ยากลำบากในช่วงแรกที่เขามาที่นี่ เพราะโค้ชไม่ค่อยใช้งานเขาเท่าไหร่""ผมมักจะบอกโค้ชว่าให้ส่งผมลงเล่นในทีมเดียวกับเอ็นโดะ (ในช่วงเวลาของการฝึกซ้อม) เพราะว่าพวกเราจะไม่มีทางแพ้แน่นอน""พอมาถึงจุดที่โค้ชเลือกใช้งานเขา มันไม่ใช่เพราะผมเลย แต่มันเป็นเพราะตัวของเขาเอง เขาเล่นได้อย่างสุดยอด นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้ลงเล่น มันไม่ใช่เพราะว่าผมเป็นคนบอกโค้ชว่าเขาเป็นนักเตะที่สุดยอด แต่เป็นเพราะเขาคือนักเตะที่ยอดเยี่ยมจริงๆ และตอนนี้เขาเป็นกัปตันทีมด้วย"ขอบคุณภาพประกอบจากOfficial Instagram ของลิเวอร์พูล (@liverpoolfc)Official Instagram ของวาตารุ เอ็นโดะ (@endowataru)Official Facebook ของลิเวอร์พูลOfficial X ของลิเวอร์พูล (@LFC)ภาพประกอบ 1, ภาพประกอบ 2, ภาพประกอบ 3, ภาพประกอบ 4, ภาพประกอบ 5, ภาพประกอบ 6, ภาพประกอบ 7-11, ภาพประกอบ 12, ภาพประกอบ 13 และภาพประกอบ 14ภาพปก 1, ภาพปก 2 และภาพปก 3 ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !