เริ่มเกิดกระแสกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก สำหรับ #FSGOUT ที่เหล่า "เดอะ ค็อป" หรือกองเชียร์ลิเวอร์พูลที่ออกมาทำการไล่กลุ่มเจ้าของทีมอย่าง FSG หรือ Fenway Sports Group ที่นำทัพโดยจอห์น ดับเบิลยู เฮนรีให้ออกจากทีมและขายทีมไปได้แล้ว หลังจากที่เหมือนจะเริ่มออกลาย "ดีแตก" ซะแล้วในการบริหารลิเวอร์พูล สาเหตุมาจากผลงานออกสตาร์ทแย่ที่สุดในรอบ 7 ปี ผสมกับการบริหารทีมอเมริกันสไตล์ ไม่ขาย = ไม่ซื้อ ต้องขายออกไปก่อนถึงจะซื้อเข้ามาได้ ใช้เท่าที่หามาได้ และมันถึงเป็นที่มาของบทความนี้ที่มีชื่อว่า "Time is over for Liverpool and FSG (ถึงเวลาที่จะ #FSGOUT ซักที)"ในปี 2010 ประสบปัญหาด้านการเงินจากการบริหารได้ห่วยแตกจาก 2 ปลิงมะกันอย่างจอร์จ ยิลเลตต์และทอม ฮิกส์ที่ทำทีมมีหนี้สินจนถูกเกือบตัดแต้ม แต่ก็เหมือนมีพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยกอบกู้ลิเวอร์พูลจากสองปลิงนั้นมาได้ โดยพระเอกคนนั้นก็คือ จอห์น ดับเบิลยู เฮนรี่ ผู้นำทัพของ Fenway Sports Group หรือ FSG ที่เข้ามาเทคโอเวอร์ลิเวอร์พูลในราคา 300 ล้านปอนด์ พร้อมกับทำการชำระหนี้ของลิเวอร์พูลให้ด้วย ทำให้ลิเวอร์พูลหลุดพ้นจากวิกฤตินั้นออกมาได้หลังจากนั้น FSG ก็เริ่มที่จะรื้อโครงสร้างลิเวอร์พูลใหม่อีกครั้ง เรียกได้ว่าแทบจะสังคายนาทีมกันเลยทีเดียว เพราะพวกเขาเข้ามาปรับโครงสร้างการบริหารต่างๆ ให้ดูเป็นรูปแบบมากขึ้น มีดึงเอากุนซือดาวรุ่ง ณ เวลานั้นอย่างเบรแดน ร็อดเจอร์ส มาเป็นเหมือนผู้วางรากฐานของทีม และพร้อมที่จะเดินไปในอนาคตระยะยาวกับทีม แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นตามที่หวัง หลังจากที่บีร็อดทำทีมเกือบได้แชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2013/2014 หลังจากนั้นผลงานทีมก็ตกลงไปเรื่อยๆ จนถูกปลดออกจากตำแหน่งในปี 2015ก่อนที่ FSG จะเลือกเยอร์เกน คล็อปป์เข้ามารับหน้าที่กุนซือต่อจากร็อดเจอร์ โดยในการกระโดดเข้าตลาดซื้อขายนั้น นักเตะคนแรกที่คล็อปป์เลือกที่จะซื้อมาก็คือ มาร์โก กรูยิช กองกลางดาวรุ่งจากเรด สตาร์ เบลเกรด โดยเป็นการซื้อล่วงหน้า ต่อด้วยการยืมสตีเวน คอลเกอร์จากควีนส์ พาร์ค เรนเจอร์ส ปิดท้ายตลาดแรกด้วยการซื้อคามิล กราบาร่า ผู้รักษาประตูดาวรุ่งชาวโปแลนด์จาก Ruch Chorzowและหลังจากนั้นคล็อปป์เริ่มที่จะสร้างทีมของตัวเองด้วยการซื้อผู้ตามที่ตัวเองต้องการ เริ่มจากซาดิโอ มาเน่ที่เป็นเป้าหมายของคล็อปป์มาตั้งแต่สมัยคุมโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ คล็อปป์ปรับปรุงของทีมตัวเองมาเรื่อยๆ จนได้ทีมที่ลงตัวในฤดูกาล 2018/2019 โดยสองผู้เล่นคีย์แมนที่เสริมเข้ามาในตลาดซัมเมอร์นั้นก็คือ อลิซอน เบ็คเกอร์และฟาบินโญ่ ทำให้เรียกได้ว่า ณ ตอนนั้นลิเวอร์พูลของคล็อปป์นั้นแกร่งทั่วแผ่นจริงๆเห็นแบบนี้ก็ดูเหมือนว่า FSG ก็ให้เงินคล็อปป์ซื้อนักเตะมากมายเหมือนกัน เพราะราคาที่จ่ายไปในการซื้อนักเตะเพื่อการสร้างทีมของคล็อปป์นั้นถือว่าไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะในดีลของเวอร์จิล ฟาน ไดจ์คที่เป็นสถิติแพงสุดของสโมสรในตอนนั้นที่ 75 ล้านปอนด์ ต่อค่าตัวของอลิซอนที่พุ่งไปถึง 65 ล้านปอนด์ที่เป็นผู้รักษาประตูที่แพงที่สุด ณ ช่วงขณะหนึ่ง แต่ถ้าหากเราดูช่วงเวลาคาบเกี่ยวกันนั้นก็จะเห็นว่าลิเวอร์พูลนั้นได้ทำการขายฟิลิเป้ คูตินโญ่ไปให้กับบาร์เซโลน่าถึง 142 ล้านปอนด์เลยทีเดียว ซึ่งถ้านำมาหักลบกับค่าตัวของฟาน ไดจ์คและอลิซอนแล้ว ลิเวอร์พูลยังมีเงินเหลืออยู่ 2 ล้านปอนด์ซึ่งเมื่อได้ทีมที่ลงตัวแล้ว คล็อปป์ก็ได้ทำการพาหงส์แดงอาละวาดสร้างความยิ่งใหญ่ไปทั่วยุโรปและโลกลูกหนัง เริ่มด้วยที่ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกต่อด้วยยูฟ่า ซูเปอร์คัพ, สโมสรโลกและปิดท้ายพรีเมียร์ลีกที่รอคอยมานาน 30 ปีในฤดูกาลถัดมา และในฤดูกาลที่แล้วก็สามารถเก็บดับเบิ้ลแชมป์บอลถ้วยในประเทศได้หมดทั้งคาราบาว คัพและเอฟเอ คัพ ทำให้คล็อปป์สามารถคว้าทุกแชมป์ในอังกฤษได้สำเร็จแล้วความสำเร็จมากมายขนาดนี้ นอกจากเกียรติประวัติ ถ้วยแชมป์ต่างๆ ที่ได้มาแล้ว เงินรางวัลมหาศาลก็ตามอีกเช่นกัน ทำให้เกิดความคาดหวังจากแฟนๆ ว่าได้เงินรางวัลเยอะขนาดนี้ก็จะต้องมีการเสริมทัพ ซ่อมแซมทีมตลอดแน่ๆ แต่มันเหมือนตรงกันข้ามเลย หลังจากที่ได้แชมป์ยูซีแอลมาแล้ว ฤดูกาลถัดมาลิเวอร์พูลเสริมทัพแค่ในตำแหน่งผู้รักษาประตูเพียงคนเดียวซึ่งก็คือ อาเดรียน ที่เซ็นฟรีมาหลังจากหมดสัญญากับเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ต่อด้วยตลาดหน้าหนาวที่สอยตัวตัวรุกชาวญี่ปุ่นอย่างทาคุมิ มินามิโนะ จากเรดบูล ซัลซ์บวร์ก นั่นคือการต่อยอดความสำเร็จแรกของทีมผู้บริหารลิเวอร์พูล โชคดียังดีที่ฤดูกาลนั้นสามารถจบด้วยการเป็นแชมป์ลีกแต่เหมือนเป็นทุกขลาภ เพราะระหว่างทางที่จะได้แชมป์ลีกก็ต้องมาเจอโรคระบาดโควิด-19 คั่นให้บอลหยุดเตะไป ก่อนจะกลับมาเตะแบบไร้คนดูในสนาม ทำให้สูญเสียเงินจำนวนมากจากการไม่มีแฟนบอลเข้าไปชมในสนาม ซึ่งซีซั่นต่อมาก็เสริมทีมจำนวน 3 คนด้วยกัน เริ่มจากคอสตัส ซิมิคาส ต่อด้วยติอาโก้ อัลคันทาร่า และปิดท้ายด้วยดิโอโก้ โจต้า แต่ก็ดันปล่อยเดยัน ลอฟเรน กองหลังที่เป็นอะไหล่ชั้นดีของทีมออกจากทีมไปและไม่ได้เสริมใครเข้ามาในตำแหน่งนี้ด้วย และเหมือนโชคชะตากลั่นแกล้ง เพราะในฤดูกาลนั้นเซ็นเตอร์แบคทั้ง 3 คนของทีมพาเหรดและทยอยกันเจ็บทั้งฤดูกาล ทำให้ต้องดันดาวรุ่งของทีมอย่างแนท ฟิลลิปส์และรีห์ส วิลเลียมส์ขึ้นมาเล่นในตำแหน่งนี้แทน รวมไปถึงการยืมโอซาน คาบัคมาและถอยทั้งฟาบินโญ่และเฮนเดอร์สันมาเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์ ทำให้เริ่มเกิดเสียงวิจารณ์แล้วว่าปล่อยนักเตะไปแล้วทำไมไม่มีใครเข้ามาแทนนอกจากนี้ตอนที่โควิดระบาดอย่างหนักที่อังกฤษ ทางก็สั่งพักงานพนักงานส่วนของนึงของทีมและให้ไปรับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย จนสุดท้ายก็ต้องยกเลิกคำสั่งนั้นในส่วนของศูนย์ฝึกแห่งใหม่ของทีมอย่าง "AXA Training Centre" ผมขอถือว่าเป็นสิ่งที่ควรทำละกัน เพราะสนามซ้อมเก่าของทีมที่ชื่อ Melwood นัดก็เก่าเกินไปแล้ว (ผมเคยให้ความเป็นธรรมกับ FSG ในเรื่องนี้เหมือนกันนะ แต่ ณ ปัจจุบันขอถอนคำพูด) ส่วนเรื่องของการต่อเติมแอนฟิลด์นี่ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ผมขัดใจมากๆ เพราะเห็นมีข่าวต่อเติมทุกปีทุกฤดูกาล ไม่เข้าใจว่าจะต่อเติมอะไรนักหนา ทำไมไม่เอาเงินไปทุ่มให้กับคล็อปป์ในการเสริมทัพ แล้วมีหน้ามาบอกว่าได้มาเท่าไหร่ก็ใช้ไปเท่านั้น บ้าหรือเปล่าคุณมีผู้จัดการทีมระดับท็อปของโลกอย่างคล็อปป์แต่คุณไม่ทุ่มเงินในการทำทีมให้กับเขาเลย มัวแต่เอาเงินไปลงทุนกับอะไรก็ไม่รู้ บางอย่างก็ไม่ได้จำเป็น ไม่ทุ่มเงินที่ได้จากเงินรางวัลต่างๆ จากยอดขายตั๋วและของที่ระลึกในช่วงที่ทีมกำลังพุ่งทะยานอย่างสุดขีดต่อยอดความสำเร็จอะไรเลย ยิ่งล่าสุดก็มีข่าวออกมาบอกว่าลิเวอร์พูลไม่มีแพทย์ประจำทีม กำลังตามหาอยู่ในขณะที่นักเตะก็เจ็บกันระนาว เฮ้ย!! มันเกิดขึ้นกับสโมสรระดับโลกแบบนี้ได้ยังไง ทำงานการชุ่ยๆ แบบนี้ได้ยังไง เสริมตัวในตลาดๆ นึงก็ไม่กี่ตัว ตัวสองตัวก็พอแล้ว หรือถ้าไม่ขายออกเลยก็ไม่เสริม คุณจะขี้งกอะไรนักหนาถ้าคล็อปป์ไม่ออกมาบอกว่าผู้บริหารทำทีมแบบต้องขายก่อนถึงจะซื้อได้ แฟนบอลก็ไม่รู้เลยว่าทำไมไม่ค่อยเสริมทีม ยังไม่รวมวีรกรรมที่เป็นหนึ่งในทีมที่ร่วมก่อตั้งซูเปอร์ลีกที่เป็นดราม่าจนต้องพับโปรเจคต์ไปนะ แค่เรื่องนี้แฟนบอลท้องถิ่นก็เดือดกันมากอยู่แล้วจนต้องออกมาทำคลิปขอโทษ ซึ่งสุดท้ายก็ดูเหมือนก็แค่ขอโทษเอาตัวรอดไปอย่างนั้น เหมือนคนไม่ได้สำนึกผิดอะไรเลย จะหวังแต่เรื่องธุรกิจเรื่องเงินเข้ากระเป๋าตัวเองเท่านั้นอาจจะมีคนมาปกป้อง FSG ว่าก็อาจจะเป็นคล็อปป์เองรึเปล่าที่ไม่อยากเสริม ผมก็อยากจะบอกว่าผู้จัดการทีมอะถ้ามีเงินมากองอยู่ตรงหน้ามีหรือที่จะไม่เสริม ถ้าเป็นอย่างนั้นคล็อปป์ก็คงไม่ออกมาให้สัมภาษณ์หรอกว่าเราต้องขายนักเตะออกไปก่อนถึงจะซื้อเข้ามาเสริมได้ นิสัยของคล็อปป์ถ้าไม่เหลืออดจริงๆ คงไม่พูดออกมาแน่ๆ หรืออาจจะบอกว่าก็ดาร์วิน นูนเญซนั่นไง ค่าตัวตั้ง 100 ล้านปอนด์ ทุ่มซื้อให้แล้วนี่ไง ก่อนหน้านี้ก็หลุยส์ ดิอาซไง คุณครับ อย่าลืมว่าฤดูกาลนี้เราปล่อยนักเตะแนวรุกไปตั้ง 3 คนนะ มาเน่, มินามิโนะ และโอริกี้ แถมก็ได้เงินที่ขายมาเน่ไปให้บาเยิร์นถึง 32 ล้านยูโร ซึ่งมาเน่คือตัวจริงและมีดิอาซเป็นตัวแทนแล้ว ส่วนมินามิโนะกับโอริกี้ที่เป็นสำรองล่ะ? คุณจะไม่มีใครมาแทนพวกเขาหรอ ซึ่งการซื้อนูนเญซมาก็เป็นคนที่เอายืนเป็นตัวหลักอยู่แล้ว แล้วสำรองหมุนเวียนล่ะ? โจต้าหรอ? ก็มีอาการบาดเจ็บรบกวนตลอดทีมของคุณประสบความสำเร็จมากมาย เงินหลั่งไหลจากเงินรางวัล สปอนเซอร์อะไรต่างๆ มากมาย คุณมีโค้ช มีผู้เล่นระดับท็อปของโลกในทุกๆ ตำแหน่ง แต่คุณกลับไม่ต่อยอดความสำเร็จในสิ่งที่พวกเขาทำให้คุณเลยเนี่ยนะ มันใช้ได้จริงๆ หรอ ถามจริงๆ เลย พวกคุณทำเหมือนลิเวอร์พูลเป็นแค่เครื่องมือหาเงินให้กับคุณ บริหารงานอย่างกะทีมจน ทั้งๆ มันตรงกันข้ามเลย อ้างว่าต้องการวางรากฐานให้กับทีม เพื่ออนาคตในวันที่ FSG ไม่อยู่แล้ว (ตอนนี้แฟนบอลก็ไม่อยากอยู่อยู่แล้ว รีบๆ ไปเถอะ) ตอนหลุดพ้นจากจอร์จ ยิลเลตต์และทอม ฮิกส์ก็นึกว่าจะหลุดพ้นจากนรก สุดท้ายขึ้นสวรรค์ได้แป๊บเดียวก็ลงนรกอีกแล้ว จากการทำทีมแบบอเมริกัน สไตล์ พูดไปก็เหมือนผมพูดเรื่องเดิมๆ ในบทความที่ผมเคยเขียนไปแล้วอย่าง "อีโก้ของคล็อปป์ และความงกของ FSG กำลังทำร้ายลิเวอร์พูล ภาค 2 (จบ)" สามารถเข้าไปอ่านกันได้นะครับ ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันถ้าวันนั้น FSG ไม่จ้างคล็อปป์เข้ามาคุมทีม ทุกวันนี้ลิเวอร์พูลจะเป็นยังไง ซึ่งผมเชื่อว่าทุกหงส์แดงก้าวมาถึงทุกวันนี้ได้เครดิตแทบจะ 100% เลยมาจากคล็อปป์ที่เหลือก็เป็นเพราะนักเตะที่เขาเลือกเข้ามา พวกคุณ FSG เป็นแค่ส่วนน้อยของความสำเร็จพวกนี้ ผมว่าถึงเวลาแล้วล่ะที่ FSG จะต้องปล่อยให้ลิเวอร์พูลไปเจอกับเจ้าของทีมที่พร้อมทุ่มเทมากกว่าพวกเขา เวลาของ FSG และลิเวอร์พูลนั้นเริ่มจะหมดแล้วล่ะ ปล่อยให้ลิเวอร์พูลไปเจอคนที่ดีกว่าพวกคุณเถอะ พวกคุณไม่คู่ควรกับลิเวอร์พูลอีกต่อไปแล้วผมพนันได้เลยว่าถ้าในวันที่คล็อปป์อำลาทีมไปแล้วแต่ FSG ยังอยู่ วันนั้นหายนะมาเยือนลิเวอร์พูลแน่นอน #FSGOUTขอบคุณรูปภาพประกอบOfficial Twitter ของลิเวอร์พูลOfficial Instagram ของลิเวอร์พูลภาพปก, ภาพประกอบ 1, ภาพประกอบ 2, ภาพประกอบ 3, ภาพประกอบ 4, ภาพประกอบ 5ชวนแต่งแฟนซี หลอน สวย เซ็กซี่หรือสร้างสรรค์ ถ่ายภาพหรือวิดีโอ แล้วโพสต์ที่TrueID Community ห้อง "13 สยองขวัญ"สำหรับผู้ที่ยอดกดไลค์สูงสุด 5 อันดับแรกอันดับที่1 : (ต้องมียอดไลค์เกิน 150 ไลค์) เงินรางวัล 3,000 บาทอันดับที่ 2-5: (ต้องมียอดไลค์เกิน 50 ไลค์) เงินรางวัล รางวัลละ 1,000 บาท (รวม 4 ท่าน 4,000 บาท)STAR COVER ส่งภาพเข้ามาได้ตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 65 ถึง 3 พฤศจิกายน 65***