พรีเมียร์ลีกนัดที่ 20 ประจำฤดูกาล 2023/2024 ถึงคราวต้องปะทะกันสักทีระหว่างสองทีมเงินถังแห่งตะวันออกกลาง อย่างนิวคาสเซิลกับแมนซิตี้ สาลิกาซาอุปะทะเรือใบพันล้าน แค่นี้ก็การันตีความน่าดูของแมทซ์นี้แล้วครับคุณผู้อ่าน แต่ด้านความพร้อมและตัวผู้เล่นนั้นต้องบอกเลยว่านิวคาสเซิลเสียเปรียบอยู่หลายขุม พวกเขาขาดพลังงานแดนกลางอย่างโจว ลิงตัน ขาดกองหน้าตัวเปลี่ยนเกมอย่างคัลลัม วิลสัน มือประตูตัวหลักอย่างนิค โป๊บ ก็บาดเจ็บ ฯลฯ และบรรดาคนที่เล่นอยู่ก็ถูกใช้งานจนกรอบวิ่งเต็ม 90 นาทีก็แทบจะไม่ไหว โอกาสเดียวที่ทัพสาลิกาดงพอจะมีหวังในแมทซ์นี้ เห็นจะเป็นเสียงเชียร์อันมีมนต์ขลังในเซนต์เจมส์ปาร์คของพวกเขา สนามแห่งนี้แม้แต่โคตรทีมอย่าง PSG ยังโดนถล่มมาแล้ว พลังแฝงมาเต็ม กำลังใจเต็มเปี่ยม ส่วนผลจะออกมายังไงมาครับ! ผมจะเล่าให้ฟัง! 1. 2 นาทีแรกนิวคาสเซิลทำเซอร์ไพรต์คือก้มลงไปแกะซองขนมยังไม่ทันหยิบเข้าปากเลย แมนซิตี้ก็โดนยิงซะแล้ว ช็อตนี้เป็นการตักบอลข้ามแนวรับที่ดันกันขึ้นมาสูงของแมนซิตี้ จังหวะลงล็อคหมดไทม์มิ่งดีเยี่ยมเสียอย่างเดียวคือมันล้ำหน้า! นิวคาสเซิลจึงอดได้ประตูขึ้นนำไป ส่วนคนที่ซวยกลับกลายเป็นฝั่งแมนซิตี้ ที่เต้องเสียนายประตูมือหนึ่งอย่างอันแดร์ซอนไปจากจังหวะการปะทะดังกล่าว เจ้าตัวยังอุตส่าห์ลุกขึ้นมาเล่นต่ออีกหน่อยหนึ่ง แต่ก็นั่นล่ะครับ! เกือบทำพลาดเพราะอาการบาดเจ็บของตัวเอง ออกบอลเชื่องช้าโดนมิเกล อาเมร่อนวิ่งเข้ามาบีบ เดชะบุญที่ฝั่งนิวคาสเซิลก็เก็บส้มไม่สำเร็จเลยยังไม่เสียหาย ส่วนนายประตูมือสองที่ลงมาเปลี่ยนอย่างสเตฟาน โอเตก้า ก็ดูไม่น่าไว้ใจเอาซะเลย 2. แบร์นานโด้ ซิลวา ยิงเหนือชั้นแล้วรูปเกมก็ตกเป็นของแมนซิตี้อย่างที่ควรจะเป็นครับ เราเคยเห็นทัพเรือใบขึงใส่คู่แข่งยังไงก็เป็นอย่างงั้น เสียงเชียร์ฝั่งเจ้าบ้านเริ่มเงียบ บอลอยู่ในการครอบครองของแมนซิตี้แทบจะทั้งหมด วันนี้พวกเขาเหมือนเน้นเจาะกันตรงกลาง มีการส่งบอลทำชิ่งกันไปมาเพื่อล่อให้ผู้เล่นนิวคาสเซิลเข้ามาแย่ง จากนั้นจะมีผู้เล่นคนหนึ่งไม่ว่าจะเป็น กวาดิโอ , โดกู , โฟร์เด้น , หรือคายน์ วอร์คเกอร์ ฉีกตัวออกจากกลุ่มไปยืนอยู่ชิดริมเส้น บอลจะถูกส่งมาที่เขาในจังหวะเวลาที่เหมาะสม แล้วก็จะเป็นตัวริมเส้นตัวนี้ล่ะครับคอยตวัดบอลเข้าไปจู่โจมเร็ว คือมันจะเป็นรูปแบบการเข้าทำที่รวดเร็วมาก จนเชฟเกมรับของคู่แข่งตั้งตัวไม่ทัน กระทั่งนำมาสู่ลูกยิงไขว้ของแบร์นานโด้ ซิลวาอย่างที่เราเห็นนั่นล่ะครับ ยิงเหนือชั้นแต่ทำเหมือนง่าย ดูบรัฟก้าไม่ต้องรับเลย ต่อให้เอาปูนโบกปิดปากประตูไว้ยังไงก็เข้า! เรียบร้อย! แมนซิตี้ขึ้นนำแบบสบายๆ ดูทรงแล้วแมทซ์นี้น่าจะอวยสาลิกากันเกินจริง 3. ซะที่ไหน! เพราะนิวฯมีอีซัค!บอลที่เล่นด้วยแทคติกรับแล้วรอโต้ จำเป็นจะต้องมีกองหน้าประเภทนี้ครับ ใครเป็นแฟนหงส์จะเข้าใจเพราะลูกที่อเล็กซานเดอร์ อีซัคยิงวันนี้ มันเหมือนกับลูกที่เขายิงได้ในนัดที่เล่นกับลิเวอร์พูลเป๊ะๆ คือบุกอยู่ดีๆ นิวคาสเซิลทิ้งบอลมาเปรี้ยงเดียว ด้วยสรีระรูปร่างและความเร็วของเจ้าตัว จับบอลแรกได้เปรียบ สปรินท์หนีอีกสัก 2 - 3 ก้าว ก่อนจะซัดด้วยพลังหลังเท้าอันทำลายล้างสูง ตู้มมมม!!! สนามแทบแตกเสียงเฮอย่างดัง มีโอกาสแล้วทำได้นี่ล่ะครับคือนิยามของกองหน้ารายนี้ ซึ่งมันไม่ได้จบแค่นั้นสิครับ เพราะลูกยิงปลุกใจนี้ได้ไปกระตุ้นให้บรรยากาศทุกอย่างกลับมา โมเมนต์ตัมเกมที่แผ่วไปแล้วของนิวคาสเซิลฟื้นกลับมาด้วย กลายเป็นยิ่งเล่นยิ่งดี ยิ่งกล้าเล่นแมนซิตี้ก็ยิ่งมีพลาดให้ เสียงเชียร์เร่งเร้านักเตะกล้าที่จะแลก ไปๆมาๆแป๊บเดียวเกมพลิก! นิวคาสเซิลกลับทำเกมได้ดีกว่าเฉยเลย โดยใช้ความเร็วของผู้เล่นแดนหน้าทั้งมิเกล อาเมล่อน และ แอนโทนี่ กอร์ดอน เป็นสำคัญ ซ้ำร้ายเมื่อพวกเขาดันยิงประตูขึ้นนำได้ซะอย่างงั้น! การปั่นโค้งๆอ้อมกองหลังของกอร์ดอน บ่งบอกได้ถึงความมั่นใจ วิถีบอลโค้งหนีมือประตูมือสองอย่างโอเตก้าเข้าประตูไป เปลี่ยนสนามบอลให้เป็นสนามรบ! ผู้ชมราว 6 หมื่นเหมือนกำลังนั่งอยู่ในโคลอสเซี่ยมอันเอกอุ! นาทีนั้นทุกคนคิดว่านิวคาสเซิลมาแล้ว แมนซิตี้กำลังเจอกับงานยาก และพวกเขาก็ตัองกลับเข้าห้องแต่งตัวไป ด้วยสกอร์ที่ตามหลังแบบสุดช็อค! 4. เรียกข้าว่าเดอร์ บรอยด์ผมคิดว่าระหว่างพักครึ่งเป๊บคงเฉ่งชุดใหญ่ เพราะทันทีที่เริ่มครึ่งหลังมาแมนซิตี้ก็เหมือนคึกขึ้นมาอีกรอบ พวกเขายกระดับเกมขึ้นมาได้ตามมาตรฐาน มีการเข้าบอลที่เร็วขึ้นและแย่งบอลได้บ่อย แต่มิติในการบุกนี่ล่ะครับที่ดูจะตีบตันลงไป ผมเห็นโดกูเล่นบอลอยู่แค่มิติเดียวคือการเลี้ยงจี้ริมเส้น เลี้ยงแล้วเลี้ยงอีก เลี้ยงแล้วก็ติดถ้าไม่ติดก็เปิดแฉลบออกหลัง ผู้เล่นแดนกลางแม้จะชิ่งบอลส่งบอลกันเร็วสุดๆแล้ว แต่พอจะง้างเท้ายิงก็มีอันต้องติดบล็อคของนิวคาสเซิลไปซะหมด คือน่ากลัวจริงครับแต่นิวยังเอาอยู่ จนกระทั่งเป๊บกุนซือหัวเหม่งเริ่มส่งไพ่ตายอย่างเควิน เดอร์บรอยด์ลงมา และนั่นล่ะครับคือจุดสลบของนิวคาสเซิลอย่างแท้จริง เพราะมิติและสมองฟุตบอลของเดอร์บรอยด์นั้นยากจะคาดเดา จังหวะในการเล่นเดิมๆถูกเปลี่ยนหมดหลังจากที่บอลต้องมาฝากไว้ที่เขา แทนที่จะเป็นโรล์ดรี้ หรือ แบร์นานโด้ ซิลวา เหมือนแต่ก่อน เดอร์บรอยด์แทงบอลได้ เก็บบอลได้ หรือแม้แต่จะเลี้ยงบอลขึ้นไปยิงด้วยความแผ่วเบาแต่มุมโคตรๆเขาก็ทำได้ และมันก็กลายเป็นประตูตีเสมอ 2 - 2 ทุกอย่างอยู่ในการดูแลของมิดฟิลด์ทรงผมใหม่คนนี้หมด เขาคือผู้กำกับที่จะจ่ายบทให้นักแสดงคนไหนเล่นยังไงก็ได้ตามแต่ใจนึก ผสมกับนิวคาสเซิลเองก็พลาดที่ปล่อยให้พ่อหนุ่มหัวทองคนนี้มีเวลามากเกินไป การให้อิสระแก่เดอร์ บลอยด์ คือความผิดพลาดระดับมหันตภัย ลองย้อนกลับไปดูได้ครับคุณผู้อ่าน ว่าลูกที่พลิกนำ 3 - 2 เดอร์บรอยด์มีเวลามองและเล่นบอลมากขนาดไหน จริงอยู่ว่าเจ้าหนูบ็อบก็ยิงบอลด้วยทักษะชั้นยอดเช่นกัน แต่ผมขอให้เครดิตคนจ่ายมากกว่า ว่าช่องเล็กแค่นั้นแกยังอุตส่าห์ตักบอลข้ามไปลงได้เฉยเลย ปล่อยไม่ได้ครับ! ให้เดอร์บลอยด์มีเวลาเล่นบอลไม่ได้เด็ดขาด! สรุปสุดท้าย ผมชักเริ่มเป็นห่วงนิวคาสเซิลแล้วสิครับ ข่าวล่าสุดที่เช็คมาบอกว่าพวกเขาค่อนข้างมีปัญหาเรื่องกฎการเงิน คือเงินน่ะมีแต่ซื้อใครเพิ่มไม่ได้ และด้วยวิกฤตผู้เล่นที่ไม่มีตัวสำรองหมุนเวียน ต่อให้พวกเขาจะเล่นดีในช่วงหนึ่งของเกมแค่ไหน แต่พอถึงช่วงเข้าด้ายเข้าเข็มสุดท้าย นิวคาสเซิลก็จะออกลูกยวบยาบหมดแรงไล่ประกบแบบนี้ทุกที ส่วนแมนซิตี้ไม่มีอะไรต้องพูดถึงครับ พวกเขากำลังกลับมา ความจริงก็คือความจริงว่าสองผู้เล่นคนสำคัญอย่าง เดอร์บรอยด์ กับ ฮาลันด์ นั้น "คงมีแต่ความเจ็บป่วยตามธรรมชาติเท่านั้นล่ะครับ" ที่จะหยุดพวกเขาได้ เครดิตรูปภาพภาพหน้าปก 1 จาก FB : Manchester Cityภาพหน้าปก 2 จาก FB : Newcastle Unitedรูปที่ 1 จาก FB : Manchester Cityรูปที่ 2 จาก FB : Newcastle Unitedรูปที่ 3 จาก FB : Newcastle Unitedรูปที่ 4 จาก FB : Newcastle Unitedรูปที่ 5 จาก FB : Manchester Cityห้องพูดคุยฟุตบอล วิเคราะห์นักเตะ