คู่บิ๊กแมตซ์ประจำสัปดาห์ที่ 12 ของพรีเมียร์ลีก จบลงแล้วด้วย เชลซี เปิดบ้านเสมอแมนซิตี้ 4-4 ประตู อย่างสนุกสุดมันส์ ราฮีม สเตอร์ลิง และโคล พาร์มเมอร์ ช่วยกันยิงคนละ 1 ประตู ให้เชลซีทีมต้นสังกัด โดยโคล พาร์มเมอร์ อดีตเด็กปั้นของแมนซิตี้ที่ขอย้ายมาอยู่กับเชลซีเนื่องจากไม่ค่อยได้รับโอกาสให้ลงเล่นกับแมนซิตี้ เกมนี้โคล พาร์มเมอร์ ได้ยิงจุดโทษประตูสำคัญทำให้เชลซีไม่แพ้แมนซิตี้คาบ้านผู้เล่นตัวจริงที่ลงสนามเชลซี : เมาริซิโอ โปเซ็ตติโน ผู้จัดการทีม ใช้ระบบการเล่น 4-2-3-1ผู้รักษาประตู : โรเบิร์ต ซานเชซ กองหลัง : มาร์ค กูกูเรย่า(แบ็คซ้าย), ติอาโก้ ซิลวา(หลังคู่กลาง), แอกเซิล ดิซาซี(หลังคู่กลาง), รีส เจมส์(แบ็คขวา)กองกลางตัวรับ : เอ็นโซ เฟอร์นานเดซ, มอยเซส ไกเซโดกองกลางตัวรุก : ราฮีม สเตอร์ลิง, คอเนอร์ กัลลาเกอร์, โคล พาล์มเมอร์กองหน้าตัวเป้า : นิโคลัส แจ็คสันแมนเชสเตอร์ซิตี้ : เปป กวาร์ดิโอลา ผู้จัดการทีม ใช้ระบบการเล่น 3-2-4-1ผู้รักษาประตู : แอแดร์สัน โมไรส์กองหลัง : ยอสโก กวาร์ดิโอล(แบ็คซ้าย), รูเบน ดิอาส, มานูเอล อาคานจี, ไคล์ วอล์กเกอร์(แบ็คขวา)กองกลางตัวรับ : บือร์นาร์ดู ซิลวา, โรดริโก้ เอร์นานเดซกองกลางตัวรุก : เจเรมี โดคู, ฆูเลียน อัลบาเรซ, ฟิล โฟเดนกองหน้าตัวเป้า : อาลิง โฮลันฟอร์มการเล่นและสถิติก่อนการแข่งขันเชลซี แข่งไปแล้ว 11 เกม ชนะ 4 เสมอ 3 แพ้ 4 มี 15 แต้ม อยู่อันดับ 10 เล่นเกมเหย้า 6 เกม ชนะ 1 เสมอ 2 แพ้ 3แมนซิตี้ แข่งไปแล้ว 11 เกม ชนะ 9 แพ้ 2 มี 27 แต้ม อยู่อันดับ 1 เล่นเกมเยือน 6 เกม ชนะ 4 แพ้ 2 การแข่งขันครึ่งแรก 45 นาทีนาที 16 : แมนซิตี้ได้ลูกเตะมุมจากฝั่งขวา รับหน้าที่เตะมุมลูกนี้โดนฆูเลียน อัลบาเรซ โยนโด่งไปเสาไกล ยอสโก กวาร์ดิโอลได้โหม่งตรงกรอบ และตรงตัวผู้รักษาประตูด้วยนาที 18 : คอเนอร์ กัลลาเกอร์ ของเชลซี ได้ลูกสกัดพลาดของกองหลังแมนซิตี้ มาเข้าเท้า ซัดด้วยขวาในกรอบเขตโทษ แต่บอลก็พุ่งไปตรงตัวผู้รักษาประตูนาที 20 (0-1) : มาร์ค กูกูเรย่า ของเชลซีใช้มือไปรั้งที่เอวของอาลิง โฮลันในกรอบเขตโทษ ซึ่งอาลิง โฮลัน พร้อมจะล้มอยู่แล้ว กรรมการตัดสินให้แมนซิตี้ได้ลูกจุดโทษ และอาลิง โฮลันรับหน้าที่ผู้สังหาร ยิงเข้าไป ทำให้แมนซิตี้ขึ้นนำเชลซีนาที 26 : เชลซีได้ลูกฟรีคิกนอกกรอบเขตโทษ รีส เจมส์ ปั่นด้วยขวาบอลผ่านกำแพงไปได้ตรงเข้ากรอบประตู แต่แอแดร์สัน โมไรส์ นายทวารของแมนซิตี้ปัดข้ามคานออกหลังไปนาที 28 (1-1) : เชลซีได้ลูกเตะมุมจากฝั่งขวา เปิดโด่งเข้ามาเสาแรก ติอาโก้ ซิลวา โฉบมาโหม่งได้เต็มหัว บอลแรงพุ่งเข้าประตูไปอย่างสวยงาม เกมกลับมาเท่ากัน 1-1 ประตูนาที 31 : ฟิล โฟเดน ของแมนซิตี้เลี้ยงหลบผู้เล่นเชลซี 3 คน บริเวณริมเส้นฝั่งขวา หลุดไปถึงกรอบเขตโทษ เปิดด้วยขวาบอลโด่งไปเสาสอง อาลิง โฮลั่นวิ่งเข้าชาร์ทแต่มุมมันแคบแล้ว ทำให้บอลไม่เข้าประตูนาที 33 : โรดริโก้ เอร์นานเดซ ของแมนซิติ้ส่งบอลให้ฟิล โฟเดน ได้ลากไปยิงในกรอบเขตโทษ ยิงด้วยซ้ายแต่โค้งไม่พอ บอลเฉียดเสาสองออกไปนิดเดียวนาที 36 (1-2) : ยอสโก กวาร์ดิโอลกองหลังของแมนซิตี้พลาด ในกรอบเขตโทษ ทำให้รีส เจมส์ ได้ส่งบอลให้ราฮีม สเตอร์ลิง ที่รออยู่หน้าประตู ได้ยิงจ่อ ๆ เข้าประตูไปนาที 40 : ราฮีม สเตอร์ลิง ของเชลซีได้ลากเข้าไปยิงในกรอบเขตโทษด้วยขวา แต่บอลไม่เข้ากรอบนาที 41 : บือร์นาร์ดู ซิลวา ของแมนซิตี้จ่ายบอลทะลุช่องให้อาลิง โฮลัน หลุดเข้าไปยิงในกรอบเขตโทษด้วยซ้าย แต่โรเบิร์ต ซานเชซ ผู้รักษาประตูของเชลซีป้องกันไว้ได้นาที 42 : ฟิล โฟเดน ของแมนซิตี้ได้กระชากบอลมายิงบริเวณกรอบเขตโทษด้วยซ้าย แต่ก็ไม่ผ่านการป้องกันของโรเบิร์ต ซานเชซ ผู้รักษาประตูของเชลซีนาที 43 : นิโคลัน แจ็คสัน ได้ยิงบอลบริเวณจุดโทษแต่บอลเบา และไปตรงตัวแอแดร์สัน โมไรส์ ผู้รักษาประตูของแมนซิตี้นาที 45+1 (2-2) : บือร์นาร์ดู ซิลวา ของแมนซิตี้ เปิดบอลโด่งเข้าไปในเขตโทษ มานูเอล อาคานจี ขึ้นโขกคนเดียว บอลพุ่งเข้าเสาแรกไปอย่างสวยงาม หมดสิทธิเซฟสำหรับนายทวารของเชลซี การแข่งขันครึ่งหลัง 45 นาทีนาที 46 (2-3) : ฟิว โฟเดน ของแมนซิตี้ เปิดบอลให้ฆูเลียน อัลบาเรซ หลุดเข้าไปยิงมุมแคบในกรอบเขตโทษ แต่โรเบิร์ต ซานเชซ ผู้รักษาประตูของเชลซี ปัดออกมาได้ แต่บอลไปถูกอาลิง โฮลัน ที่วิ่งชาร์จเข้ามา ทำให้บอลเข้าประตูไปนาที 52 : ฆูเลียน อัลบาเรซ ของแมนซิตี้ ได้ยิงในกรอบเขตโทษ แต่บอลไปตรงตัวผู้รักษาประตูนาที 57 : เจเรมี โดคู ของแมนซิตี้ กระชากบอลไปยิงด้วยขวาในกรอบเขตโทษ แต่บอลตรงตัวผู้รักษาประตูนาที 59 : โคล พาล์มเมอร์ ของเชลซีลากบอลฝ่าวงล้อมกองหลังเชลซีเข้าไปยิงบริเวณจุดโทษด้วยซ้าย แต่ผู้รักษาประตูของแมนซิตี้ออกมาปิดมุมได้ทัน และพุ่งเซฟไว้ได้นาที 60 : ฟิล โฟเดน ของแมนซิตี้ได้ยิงด้วยซ้ายบริเวณกรอบเขตโทษ บอลเลียดพื้นเข้ากลางประตู ผู้รักษาประตูของเชลซีล้าตัวเซฟไว้ได้นาที 66 (3-3) : คอเนอร์ กัลป์ลาเกอร์ ของเชลซียิงไกลนอกกรอบเขตโทษบอลพุ่งแรงมาก ประตูของแมนซิตี้ปัดออกมาได้ แต่มีนิโคลัส แจ็คสัน ซึ่งตลอดทั้งเกมไม่รู้ไปไหน จังหวะนี้ได้เก็บตกบอลแล้วยิงเข้าไป ทำให้เชลซีตีเสมอ 3-3 ประตูนาที 74 : ราฮีม สเตอร์ลิง ของเชลซีแย่งบอลจากกองหลังได้ แล้วส่งทะลุช่องให้ มาโล กุสโต ไปดวลเดี่ยว ๆ กับผู้รักษาประตูของแมนซิตี้ ผู้รักษาประตูหมดสิทธิเซฟ เพราะบอลมันโด่งข้ามคานออกไป น่าเสียดายจริง ๆ สำหรับโอกาสนี้ของเชลซีนาที 85 (3-4) :โรดริโก้ เอร์นานเดซ ของแมนซิตี้ได้ยิงไกลด้วยซ้าย บอลไปโดนติอาโก้ ซิลวา กองหลังของเชลซี ทำให้ลูกบอลเปลี่ยนทิศทางเข้าประตูไปนาที 90+1 (4-4) : ราฮีม สเตอร์ลิง ชิบบอลโด่งส่งเข้าไปในเขตโทษให้อาร์มานโด โบรย่า ตัวสำรองที่เพิ่งเปลี่ยนลงมา อาร์มานโด โบรย่า เอาบอลลงแล้วล็อคหนึ่งจังหวะให้เข้าขวา รูเบน ดิอาส กองหลังของแมนซิตี้เข้ามาสกัดอาร์มานโด โบรย่า ซึ่งกำลังจะยิงล้มลง กรรมการเป่าให้เชลซีได้จุดโทษ และเป็นโคล พาล์มเมอร์ อดีตเด็กฝึกของแมนซิตี้รับเป็นผู้สังหารประตู กดด้วยซ้ายเลือกมุมซ้ายของตัวเอง ผู้รักษาประตูพุ่งไปถูกทางแต่รับไม่ทัน ทำให้เชลซีตีเสมออีกครั้ง 4-4 ประตูนาที 90+7 : แมนซิตี้ได้ลูกฟรีคิก ใกล้กรอบเขตโทษ จังหวะที่ทีมแมนซิตี้กำลังสุมหัววางแผนการเตะฟรีคิกอยู่ โคล พาล์มเมอร์ แอบเนียนไปฟังแผนใกล้ ๆ อาลิง โฮลัน เห็นจึงเดินเข้าไปแบบยิ้ม ๆ แล้วผลักให้โคล พาล์มเมอร์ออกไป โคล พาล์มเมอร์มาช่วยเพื่อนเป็นกำแพงล่างให้ทีม ไม่รู้ว่าโคล พาล์มเมอร์ได้ยินอะไรมา แต่แมนซิตี้ยิงแบบไม่มีลุ้น โด่งข้ามคานไปไกลเวลาที่เหลือทำอะไรกันไม่ได้ จบที่เสมอกัน 4-4 ประตู แบ่งกันไปทีมละคะแนน แมนซิตี้ยังอยู่อันดับ 1 ของตาราง มี 27 คะแนน ทิ้งห่างทีมอันดับ 2 และ 3 อยู่คะแนนเดียว ส่วนเชลซีอยู่อันดับที่ 10 มี 16 คะแนนคุยกันหลังเกมเกมนี้สนุกจริง ๆ เป็นเกมระดับ 5 ดาว ลูกแรกเกิดขึ้นเป็นแมนซิตี้ได้ยิงจุดโทษ และลูกสุดท้ายเชลซีได้ยิงจุดโทษปิดเกม เกมนี้โคล พาล์มเมอร์ของเชลซีอดีตเด็กปั้นของแมนซิตี้ที่ขอย้ายทีมออกมา ถูกจับตามองเป็นพิเศษ และเจ้าตัวคงรู้สึกตื่นเต้นแน่นอนกับการได้เล่นกับแมนซิตี้ เกมนี้โดยรวมแล้วแมนซิตี้ยังเหนือกว่านิดหน่อย อาลิง โฮลัน กองหน้าตัวเป้าของแมนซิตี้มีส่วนร่วมกับเกมเยอะมาก คอยวิ่งหาพื้นที่ หาช่อง ทำทางให้เพื่อน และทำประตูได้ถึง 2 ประตู ส่วนกองหน้าตัวเป้าของเชลซี นิโคลัส แจ็คสัน ไม่มีส่วนร่วมกับเกมเท่าไร บอลไปไม่ถึง แต่อยู่ดี ๆ นาทีที่ 66 ไปยืนอยู่ถูกที่ถูกเวลา ยิงประตูให้เชลซีตีเสมอ 3-3 ประตู เมื่อยิงเสร็จก็หายไปจากเกมเหมือนเดิม เกมนี้คนที่น่าจะดีใจที่สุดก็น่าจะเป็นโคล พาล์มเมอร์ ที่รับหน้าที่สังหารจุดโทษลูกตีเสมอ 4-4 ประตู ยิงทีมที่ตัวเองขอย้ายออกมา เพราะตอนอยู่แมนซิตี้ทางผู้จัดการทีมไม่ค่อยให้โอกาสในการลงเล่นเท่าไรเกมต่อไปของทั้งสองทีมเชลซี : จะไปเยือน “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล ในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2566 เวลา 22.00 น. ฤดูกาลที่แล้ว เชลซีเสมอนิวคาสเซิ่ลในบ้าน 1-1 ประตู และไปเยือนแพ้ 0-1 ประตู นิวคาสเซิ่ลเล่มเกมเหย้ามา 6 เกม ชนะ 5 แพ้ 1 เฉพาะเกมเหย้ายิงได้ถึง 14 ประตู ส่วนเชลซีเล่นทีมเยือน 5 เกม ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 1 ยิงได้ 11 ประตู เกมคู่นี้ฝั่งเจ้าบ้านนิวคาสเซิ่ล ได้เปรียบแรงเชียร์ ฟอร์มการเล่นสูสีกัน เกมรุกดุดันทั้งคู่ เกมนี้ทีมเยือนเชลซีไม่น่าผลีผลาม เน้นชัวร์โต้กลับ โคล พาล์มเมอร์, ราฮีม สเตอร์ลิง และนิโคลัส แจ็คสัน แนวรุกของเชลซีน่าจะสร้างปัญหาให้กับนิวคาสเซิ่ลแน่ เกมนี้สูสี เชื่อว่าเชลซีไม่น่าแพ้ และอาจพลิกชนะเจ้าบ้านได้แมนเชสเตอร์ซิตี้ : จ่าฝูงแมนซิตี้จะเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูลรองจ่าฝูง ในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2566 เวลา 19.30 น. เกมนี้คอบอลพรีเมียร์ลีกยากที่จะพลาด ฤดูกาลที่แล้วทั้งสองทีมเจอกันผลัดกันแพ้ชนะ บ้านใครบ้านมัน เล่นในบ้านลิเวอร์พูล ชนะ 1-0 ประตู เล่นในบ้านแมนซิตี้ ชนะ 4-1 ประตู มาฤดูกาลนี้เทียบฟอร์มการเล่นแล้วแมนซิตี้ฟอร์มดีกว่า ขุมกำลังในแนวรุกจัดจ้าน ยิ่งในบ้านด้วยแล้วยิ่งน่ากลัว เชื่อว่าเกมนี้แมนซิตี้จะเปิดบ้านชนะลิเวอร์พูลได้อีกครั้งเครติดภาพ ภาพปก : Chelsea Football Club ภาพปก 1 ภาพปก 2ภาพประกอบ : Chelsea Football Club ภาพที่ 1 ภาพที่ 3 Manchester City ภาพที่ 2 ภาพที่ 4 Newcastle United ภาพที่ 5 Liverpool FC ภาพที่ 6 ติดตามข่าวสาร คอนเทนต์เด็ด ๆ ก่อนใคร อย่าช้า โหลดเลยที่ TrueID !!