"หมายเลข 7" หรือ "เบอร์ 7" คนที่สวมเสื้อหมายเลขนี้สำหรับทีมอย่าง ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มักเป็นที่ถูกจดจำและเป็นตำนานของสโมสร ตั้งแต่ยุคของ จอร์จ เบส , เอริก คันโตน่า , เดวิด เบคแฮม รวมถึง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แต่ตั้งแต่การจากไป เรอัล มาดริด ของ โรนัลโด้ ในปี 2009 หลังจากนั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ไม่เคยมีผู้สืบทอด "หมายเลข 7" ที่เหมาะสมได้เลยและส่วนใหญ่มักจะพบกับความล้มเหลว สำหรับผู้ที่สวมใส่ "หมายเลข 7" ที่ล้มเหลวกับ "ปีศาจแดง" นั้นมีใครบ้าง เราลองไปไล่เรียงกันทีละคน อังเคล ดิมาเรีย (ภาพที่ 1) ดิมาเรีย ย้ายจาก เรอัล มาดริด มาในราคาสถิติสโมสรในช่วงเวลานั้นถึง 59.7 ล้านปอนด์ ในปี 2014 ลงเล่นได้เพียงฤดูการณ์เดียวกับผลงาน ลงเล่น 27 นัด ยิง 4 ประตู ก่อนเจ้าตัวจะย้ายไป ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในปีต่อมา ซึ่งการย้ายตัวไป ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในครั้งนี้มีเรื่องดราม่าเกิดขึ้นด้วย จุดเริ่มต้นคือ ในศึก FA CUP ดิมาเรีย ดันไปโดนใบแดงนัดเจอ อาเซน่อล ทำให้โดนแบน แล้วคนที่มาแทนคือ แอชลีย์ ยัง กลับทำผลงานได้อย่างสุดยอด ทั้งยิงทั้งจ่าย การประสานงานกันเพื่อนก็ดูดี ดิมาเรียโดนนั่งยาว เป็นสำรองซ่ะส่วนใหญ่ หลังจบฤดูกาล ดิมาเรีย กลับไปช่วยทีมชาติ อาเจนติน่า เล่นโคปาอเมริกา แต่เมื่อถึงปรีซีซั่น ดิมาเรียไม่กลับมารายงานตัวและให้เอเย่น แจ้งกับทาง ยูไนเต็ด ว่าต้องการย้ายทีม ดิมาเรีย ได้เคยกล่าวเอาไว้ว่า “ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พวกเขามอบหมายเลข 7 ให้กับผมเองนะ ผมไม่มีทางเลือก ผมอยากได้เบอร์ 11 แต่มีคนใส่แล้ว (อัดนัน ยานาไซ) และพอย้ายมาเปแอสเช ผมมีตัวเลือก ดังนั้นจึงเลือกหมายเลข 11” อันโตนิโอ วาเลนเซีย (ภาพที่ 2) วาเลนเซีย ได้สวมเสื้อเบอร์ 7 ต่อจาก "ไมเคิล โอเวน" ในฤดูการณ์ 2012-2013 ซึ่งเป็นปีที่ เจ้าตัวโชว์ฟอร์มได้แย่มาก รวมทั้งมีอาการบาดเจ็บอยู่ตลอดเวลา จนในที่สุดในปีถัดมา วาเลนเซีย ถึงขอเปลี่ยนกลับมาใส่เสื้อหมายเลขเดิม คือเบอร์25 และกลับมาโชว์ฟอร์มดีได้อีกครั้งในตำแหน่ง แบคขวา ในยุคของ เดวิด มอยส์ วาเลนเซีย ได้พูดถึงเรื่องนี้เอาไว้ว่า "เสื้อหมายเลข 25 เป็นเสื้อตัวแรกที่ผมได้ใส่ตอนย้ายมาที่สโมสรเป็นครั้งแรก และผมก็เล่นได้ดีในตอนนั้น ผมเลยคิดว่าทำไมไม่กลับไปใส่เบอร์เดิมล่ะ ผมมีเวลาที่ดีและโชคดีๆตอนใส่มัน" เขายังบอกอีกว่า "ผมไม่อยากให้แฟนบอลคิดว่าผมทำผลงานได้ไม่ดีเพราะแรงกดดันจากการสวมเสื้อหมายเลข 7 แต่ผมคิดว่าโชคชะตาได้เปลี่ยนไปหลังจากผมกลับไปใส่หมายเลข25" เมลฟิส เดปาย (ภาพที่ 3) เดปาย มาจาก พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น มาค้าแข่งในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ด้วยราคาแพงถึง 25 ล้านปอนด์ ในยุคของ หลุยส์ ฟาน กัล ในปี 2015 เดปาย ลงในไปทั้งหมด 53 นัด ทำได้ 7 ประตู ก่อนย้ายไปเล่นให้กับ โอลิมปิก ลียง ในลีกเอิง ฝรั่งเศษ ในปี 2017 ด้วยราคา 16 ล้านปอนด์ แม้จะคว้าแชมป์เอฟอ คัพ 2016, ลีกคัพ 2017 รวมถึงแชมป์ ยูฟ่า ยูโรป้าลีก 2016-17 แต่ฟอร์มโดยรวมนั้นยังไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ เนื่องจากไม่สามารถโชว์ความพริ้มท่ามกลางเกมปะทะหนักของลีกผู้ดีได้ โดยก่อนที่จะย้ายออกจากรั้ว โอลด์ แทร์ฟฟอร์ด เดปาย ได้ระบุเอาไว้ว่า "ผมบอกกับ มูรินโญ่ ว่า คุณจะได้เห็นผมอยู่ในจุดสุดยอด และ มูรินโญ่ บอกว่า ‘โอเคเลย ผมก็หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้น และผมหวังว่าเราจะซื้อตัวคุณกลับมาสักวันหนึ่ง" อเล็กซิส ซานเชซ (ภาพที่ 4) อเล็กซิสย้ายจาก "อาร์เซน่อล" มาเป็นสมาชิกใหม่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อเดือนม.ค. 2018 โดยที่ ทีมไม่ต้องจ่ายค่าตัวแม้แต่ปอนด์เดียว เพราะเป็นการย้ายสลับขั้วกับ เฮนริคห์ มคิตาร์ยาน ด้วยค่าเหนื่อย 400,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ กับผลงาน 45 นัด ยิงได้แค่ 5 ลูกเท่านั้น ด้วยผลงานเช่นนี้ ทีมปีศาจแดงจึงไม่อยากรับภาระค่าเหนื่อยอันสูงลิ่ว และตัดสินใจปล่อยอเล็กซิสไปให้กับอินเตอร์ มิลาน ด้วยสัญญายืมตัว เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ล่าสุด เรย์นัลโด รูเอดา เทรนเนอร์ทีมชาติชิลี ออกมากล่าว สปอร์ต สื่อชื่อดังว่า "มันเป็นปีที่เจ็บปวดและเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายสำหรับเขา (อเล็กซิส ซานเชซ) นับตั้งแต่ย้ายออกมาจาก อาร์เซนอล ไปร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาไปเล่น โคปา อเมริกา แล้วก็โชคร้ายได้รับบาดเจ็บ แต่เอาเป็นว่าผมหวังว่าสิ่งเหล่านี้จะผ่านไปเพราะเขาเป็นนักเตะที่มีความเป็นมืออาชีพสูง เขามีทัศนคติที่ยอดเยี่ยมมากๆ ในการฝึกซ้อม" ขอบคุณภาพประกอบจาก TRUE ID (ภาพปกจาก https://sport.trueid.net/detail/p5mwWWaadg4o) (ภาพที่ 1 จาก https://sport.trueid.net/detail/D0ANg14yY2O) (ภาพที่ 2 จาก https://sport.trueid.net/detail/j8PozQL6Xwj) (ภาพที่ 3 จาก https://sport.trueid.net/detail/jB9zqPMwoEZ) (ภาพที่ 4 จาก https://sport.trueid.net/detail/zPoEVzG3ajvD)