หลังจากจบเกมที่แมนเชสเตอร์ ซิตีเปิดบ้านเอาชนะเบรนท์ฟอร์ดไปได้ 1-0 จากประตูชัยของเออร์ลิง เบราท์ ฮาแลนด์ ทำให้ตอนนี้ทุกทีมในพรีเมียร์ลีกแข่งเท่ากันที่ 25 เกมเป็นที่เรียบร้อย เพราะแมนซิตี้ได้แข่งในเกมตกค้างกับเบรนท์ฟอร์ดไปเป็นที่เรียบร้อยหลังจากที่ต้องเลื่อนออกมาเนื่องจากเรือใบสีฟ้าต้องไปทำการแข่งขันชิงแชมป์สโมสรโลก โดยในตอนนี้เรื่องที่น่าจะเป็น Topic ให้พูดถึงที่สุดในพรีเมียร์ลีกก็คงหนีไม่พ้นการแย่งแชมป์ของ 3 ทีมหัวตารางโดยเรียงตามลำดับและคะแนน ได้แก่ ลิเวอร์พูล (57), แมนซิตี้ (56) และอาร์เซนอล (55) เรียกได้ว่าเป็นการแข่งขันดุเดือดอย่างแน่นอนสำหรับ 13 เกมสุดท้าย เกมเดียวพลิกได้เลยและในเมื่อจำนวนนัดการแข่งขันนั้นเท่ากันแล้ว บทความนี้ผมก็จะพาไปวิเคราะห์ว่าใครมีสิทธิที่จะเข้าวินในการแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีกประจำฤดูกาล 2023/2024 นี้ไปได้สำเร็จมากที่สุด โดยที่จะอยู่ในเงื่อนไขเรื่องตัวผู้เล่นดังนี้ครับ นับเฉพาะผู้เล่นที่มีเหลืออยู่ในปัจจุบันบวกกับผู้เล่นที่บาดเจ็บไม่เกิน 1 เดือน เพราะต้องยอมรับว่าอาการบาดเจ็บนั้นมีผลต่อการลุ้นแชมป์พอสมควร เพราะอาร์เซนอลเป็นตัวอย่างให้เห็นแล้วในฤดูกาลที่แล้วจากการที่เสียวิลเลียม ซาลิบาไปจนแหกโค้งในช่วงท้าย รวมไปถึงจะลองเดาผลการแข่งขันใน 13 เกมที่เหลือว่าพวกเขาสะดุดเกมไหนบ้าง จะคำนวณคะแนนว่าสุดท้ายแล้วจะจบที่กี่คะแนนและสุดท้ายก็จะนำผลของการทำนายของ "ซูเปอร์คอมพิวเตอร์" มาให้ดูว่าทำนายให้ใครเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก เนื้อหาจะเป็นอย่างไรบ้าง ไปดูกันเลยครับอาร์เซนอลเกมการแข่งขันที่เหลือ: นิวคาสเซิล (เหย้า), เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด (เยือน), เบรนท์ฟอร์ด (เหย้า), เชลซี (เหย้า), แมนเชสเตอร์ ซิตี (เยือน), ลูตัน (เหย้า), ไบรท์ตันฯ (เยือน), แอสตัน วิลลา (เหย้า), วูล์ฟแฮมป์ตัน (เยือน), ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ (เยือน), บอร์นมัธ (เหย้า), แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (เยือน) และเอฟเวอร์ตัน (เหย้า)เกมที่คาดว่าจะสะดุด: แมนซิตี้ (เสมอ), สเปอร์ (เสมอ) และแมนยู (เสมอ)การวิเคราะห์: ผมมองว่าอาร์เซนอลนั้นถ้าเทียบชื่อชั้นกับทีมที่เจอในเกมที่เหลือแล้ว อาร์เซนอลนั้นมีเกมยากที่เยอะกว่า (ตัวหนา) แต่ก็เยอะกว่าเกมเดียวเท่านั้น แต่เหตุผลที่เลือกที่จะตัดนิวคาสเซิลและเชลซีออกจากเกมที่สะดุดก็เพราะว่าในเกมนั้นอาร์เซนอลได้เล่นในเอมิเรตส์ สเตเดียม บ้านของตัวเองซึ่งผมค่อนข้างมั่นใจว่าอาร์เซนอลคงจะได้แน่นอนด้วยฟอร์มที่กำลังร้อนแรงแถมมีเสียงเชียร์ในบ้านตัวเอง แต่กับเกมที่สะดุดนั้นก็ต้องยอมรับว่าเป็นเกมที่ยากมากๆ ถึงมากที่สุด ยากทั้ง 3 เกมเลย เพราะเป็นเกมเยือนทั้งหมด แต่ด้วยฟอร์มโดยรวมแล้วผมมองว่าอาร์เซนอลมีสิทธิไปแบ่งแต้มได้ ไม่ถึงกับแพ้กลับมาโดยเฉพาะเกมที่ไปเยือนแมนซิตี้ เพราะในช่วงหลังมานี้อาร์เซนอลสู้กับแมนซิตี้ได้ดีขึ้นเยอะมากๆ แถมเกมพรีเมียร์ลีกนัดแรกก็เอาชนะแมนซิตี้ได้อีกด้วย ส่วนเกมที่พบกับสเปอร์นั้นไม่เคยง่ายอยู่แล้วครับ ดุเดือดอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับเกมที่ไปเยือนแมนยูที่ก็ต้องการคะแนนเพื่อติด Top 4 ไม่ต่างจากสเปอร์แต้มที่คาดว่าจะได้ตอนจบฤดูกาล: 88 คะแนนแมนเชสเตอร์ ซิตีเกมการแข่งขันที่เหลือ: บอร์นมัธ (เยือน), แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (เหย้า), ลิเวอร์พูล (เยือน), ไบรท์ตันฯ (เยือน), อาร์เซนอล (เหย้า), แอสตัน วิลลา (เหย้า), คริสตัล พาเลซ (เยือน), ลูตัน ทาวน์ (เหย้า), ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ (เยือน), น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ (เยือน), วูล์ฟแฮมป์ตัน (เหย้า), ฟูแลม (เยือน) และเวสต์แฮม ยูไนเต็ด (เหย้า)เกมที่คาดว่าจะสะดุด: ลิเวอร์พูล (เสมอ), อาร์เซนอล (เสมอ) และสเปอร์ (แพ้)การวิเคราะห์: นี่คือทีมที่ทั้งลิเวอร์พูลและอาร์เซนอลนั้นเสียวหลังเสียวหน้าอยู่ตลอดเวลา เพราะอย่างที่รู้กันว่าถ้าแมนซิตี้ "เข้าเบรก" เมื่อไหร่ล่ะก็เครื่องติดยาวๆ ถึงแม้จะสะดุดในเกมเจอเชลซีไปก็ตาม แต่ขึ้นชื่อว่าแมนซิตี้ยังไงก็พลาดยากมา โดย 3 เกมที่ผมเลือกมาว่าแมนซิตี้จะสะดุดนั้นก็มีเหตุผลในตัวของมันครับ เริ่มที่เยือนลิเวอร์พูล ทราบกันดีกว่าลิเวอร์พูลนั้นแข็งแกร่งในแอนฟิลด์เหลือเกิน นับตั้งแต่ที่เยอร์เกน คล็อปป์และเป๊ป กวาร์ดิโอลาพบกันในพรีเมียร์ลีก (ฤดูกาล 2016/2017) เป๊ปสามารถบุกมาชนะคล็อปป์ที่แอนฟิลด์ได้เพียงเกมเดียวจากการเจอกันทั้งหมด 7 ครั้ง แถมบุกมาแพ้ถึง 4 เกมทำให้ผมมองว่ามันไม่ง่ายเลยที่แมนซิตี้จะบุกมาเอาชนะลิเวอร์พูลถึงแอนฟิลด์แต่ผมเชื่อว่าด้วยสถานการณ์อาการบาดเจ็บของลิเวอร์พูลตอนนี้อาจจะทำให้แมนซิตี้บุกมาแบ่งแต้มได้ เช่นเดียวกับอาร์เซนอลเช่นกันที่ในช่วงหลังสู้กับแมนซิตี้ได้ดีขึ้นอย่างมากแบบที่ได้บอกไปในการวิเคราะห์ของอาร์เซนอล ส่วนกับเกมที่แพ้ต่อสเปอร์ ผมอิงจากการที่สังเกตมาตลอดว่าแมนซิตี้นั้นมักจะแพ้ทางในการเจอกับสเปอร์โดยเฉพาะการไปเยือนไก่เดือยทอง แถมสถิติการไปเยือนสเปอร์ในยุคของเป๊ป แมนซิตี้นั้นมีผลการแข่งขันแทบจะไม่ต่างจากการไปเยือนแอนฟิลด์เลย เพราะเจอกัน 7 ครั้ง แพ้ไปถึง 5 ครั้งเลยทีเดียว ไม่ว่าในฤดูกาลนั้นแมนซิตี้จะฟอร์มและสเปอร์ฟอร์มแย่อย่างไร แต่เจอกันที่บ้านสเปอร์ทีไร แมนซิตี้มักจะแพ้กลับมาตลอดและยิ่งเจอสเปอร์ในยุคของโค้ชแอนจ์ ปอสเตโคกลูยิ่งไม่ง่ายกว่าเดิมแน่นอนแต้มที่คาดว่าจะได้ตอนจบฤดูกาล: 88 คะแนนลิเวอร์พูลเกมการแข่งขันที่เหลือ: ลูตัน (เหย้า), น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ (เยือน), แมนเชสเตอร์ ซิตี (เหย้า), เอฟเวอร์ตัน (เยือน), ไบรท์ตันฯ (เหย้า), เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด (เหย้า), แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (เยือน), คริสตัล พาเลซ (เหย้า), ฟูแลม (เยือน), เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (เยือน), ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ (เหย้า), แอสตัน วิลลา (เยือน) และวูล์ฟแฮมป์ตันฯ (เหย้า)เกมที่คาดว่าจะสะดุด: แมนซิตี้ (เสมอ), เอฟเวอร์ตัน (เสมอ) และแมนยู (เสมอ)การวิเคราะห์: ถึงแม้ผมจะบอกว่าลิเวอร์พูลแข็งแกร่งในแอนฟิลด์มากๆ แถมสถิติการเจอกับแมนซิตี้ในบ้านก็แพ้เพียงเกมเดียวจากการเจอกัน 7 เกมก่อนหน้านี้ แต่ด้วยอาการบาดเจ็บเข้ามารบกวนทีมในตอนนี้ การหายไปของดิโอโก โชตา, เคอร์ติส โจนส์และอาจจะรวมไปถึงอลิซอนด้วยก็อาจจะเป็นเกมที่ทำให้ลิเวอร์พูลทำแต้มหล่นมือแม้ว่าจะเล่นในแอนฟิลด์ก็ได้ ต่อมาที่เกมเมอร์ซีไซด์ ดาร์บีที่ต้องไปเยือนเอฟเวอร์ตัน ทุกคนรู้ถึงความมันส์ สนุกและความเดือดของคู่นี้ มันไม่เคยง่ายเลยสำหรับทั้งสองทีมและยิ่งในฤดูกาลนี้เอฟเวอร์ตันนั้นต้องตกอยู่ในสถานการณ์หนีตกชั้นแบบนี้ มันยิ่งคูณความยากให้แก่ลิเวอร์พูลเข้าไปอีก พลังหนีตาย ใครไม่เคยเจอไม่รู้จริงๆ ครับ มันแรงมากๆ และถึงแม้ว่าไม่หนีตกชั้น การจะเห็นคู่แข่งร่วมเมืองประสบความสำเร็จไปอีกเรื่อยๆ มันก็เป็นสิ่งที่ท๊อฟฟีสีน้ำเงินไม่อยากเห็นอยู่แล้ว มันจึงไม่แปลกเลยถ้าเราจะได้เห็นลิเวอร์พูลสะดุดในการไปเยือนกูดิสัน พาร์ค เช่นกับคู่อริตลอดกาลอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดครับ เงื่อนไขไม่ต่างจากเอฟเวอร์ตันเลย เผลอๆ จะเข้มข้นกว่าอีก ก่อนหน้านี้การที่พวกเขาแซงหน้าลิเวอร์พูลในจำนวนของถ้วยแชมป์ลีกสูงสุดไปแล้วที่ 20 สมัยก็ถือว่าพวกเขาได้ฉีกหน้าหงส์แดงพอสมควรแล้ว แต่พอลิเวอร์พูลได้แชมป์พรีเมียร์ลีกก็ทำให้พวกเขาโดนโดนไล่จี้มาเหลือเพียงสมัยเดียว แมนยูก็คงไม่อยากให้โดนตีเสมอในจำนวนแชมป์ลีกเหมือนกัน มันจึงไม่แปลกเลยถ้าหากลิเวอร์พูลไม่สามารถบุกไปชนะแมนยูได้ ไหนจะการที่แมนยูก็ต้องลุ้นไปยูฟา แชมเปียนส์ลีกในฤดูกาลหน้าอีก มันยากถึงยากมากๆ ที่จะทำให้มีความมั่นใจในเกมแดงเดือดซึ่งส่วนตัวผมก็ไม่เคยมั่นใจในเกมแดงเดือดเลยซักครั้งแต้มที่คาดว่าจะได้ตอนจบฤดูกาล: 90 คะแนนเหตุผลที่วิเคราะห์แบบนี้: เริ่มที่อาร์เซนอลก่อนนะครับ ผมมองว่าถ้าวัดกันในเรื่องของการแย่งแชมป์แล้ว ถึงแม้ว่าในฤดูกาลที่แล้วพวกเขาจะเป็นทีมเดียวที่สู้กับแมนซิตี้ได้จนถึงท้ายฤดูกาลแต่โดยภาพรวมแล้วพวกเขายังเป็นรองอีก 2 ทีม เพราะทั้งลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ ซิตีนั้นมีประสบการณ์ที่โชกโชนมามาตลอดนับตั้งแต่ฤดูกาล 2018/2019 เป็นต้นมาและในฤดูกาลที่แมนซิตี้เอาชนะลิเวอร์พูลได้ เรือใบก็ชนะหงส์แดงเพียงแต้มเดียวทุกฤดูกาล แสดงให้เห็นถึงความเขี้ยวลากดินของทั้งสองทีม ผมจึงมองว่าท้ายที่สุดแล้วในฤดูกาลนี้อาร์เซนอลก็อาจจะยังไม่สามารคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ในฤดูกาลนี้ด้วยเหตุผลหลักๆ ก็คือ "ประสบการณ์" ส่วนแมนเชสเตอร์ ซิตีนั้นก็ต้องยอมรับว่าในฤดูกาลนี้พวกเขามีฟอร์มที่ค่อนข้างแปลกหูแปลกตาไปพอสมควรบวกกับอาการบาดเจ็บของเควิน เดอ บรอยน์ที่ส่งผลต่อเกมรุกพอสมควร และเพื่อนๆ คนอื่นก็ดูเหมือนจะทดแทนการหายไปของเดอ บรอยน์ไม่ได้และจนถึงตอนนี้ความฟิตของเขาก็ยังไม่ 100% ในเกมล่าสุดก็ได้นั่งพักเป็นตัวสำรอง นอกจากนี้ในหลายๆ เกมพวกเขาก็เกือบทำแต้มหล่นไปเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นเกมไปเยือนลูตัน ทาวน์หรือเกมล่าสุดที่เฉือนชนะเบรนท์ฟอร์ด แถมฮาแลนด์ก็ดูปืนฝืดกว่าฤดูกาลที่แล้ว พลาดโอกาสสำคัญหลายจังหวะเหมือนกันสุดท้ายลิเวอร์พูลที่ผมมองว่าจะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ถึงแม้ว่าผมจะเป็นแฟนลิเวอร์พูลแต่ผมพยายามมองแบบเป็นกลางที่สุดแล้วนะครับ ผมมองว่าการที่เยอร์เกน คล็อปป์จะวางมือการคุมทีมหลังจากจบฤดูกาลมันจะเป็นแรงผลักดันให้นักเตะทุกคนสู้และเล่นเต็มที่ในทุกๆ เกมที่เหลือ เสมือนว่าทุกเกมนั้นเป็นเกมนัดชิงและถึงแม้ว่าจะมีอาการบาดเจ็บรบกวนทีมตลอดเวลา นักเตะที่ขึ้นมาเล่นแทนก็สามารถทดแทนได้ดีใช้ได้ถึงแม้จะไม่ได้ดีเลิศก็ตาม แต่มันก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดี สอบผ่าน และด้วยการยังนำเป็นจ่าฝูงก็ย่อมได้เปรียบกว่าคู่แข่งอยู่แล้ว แต่การเป็นผู้นำยังไงก็ยากกว่าการเป็นผู้ตามเสมอ ผมเชื่ออย่างนั้นซึ่งอะไรก็เกิดขึ้นได้ครับ ดังนั้นลิเวอร์พูลต้องโฟกัส มีสมาธิและเล่นในท็อปฟอร์มในทุกๆ เกมที่เหลือถ้าหากอยากจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นของขวัญส่งท้ายให้กับเยอร์เกน คล็อปป์มาถึงการทำนายของซูเปอร์คอมพิวเตอร์กันดีกว่าครับ โดยผมนำข้อมูลจาก Opta Analyst ที่เขามักจะอัพเดทอยู่ตลอดทุกสัปดาห์หลังจากแมตช์เดย์ ในเรื่องของการทำนายการลุ้นแชมป์การตกชั้นซึ่งผลการทำนายล่าสุดคือในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังจากเกมที่ลิเวอร์พูลบุกชนะเบรนท์ฟอร์ด 1-4, อาร์เซนอลบุกถล่มเบิร์นลีย์ 0-5, แมนซิตี้เสมอกับเชลซี 1-1 และก่อนเกมที่แมนซิตี้ชนะเบรนท์ฟอร์ด โดยเป็นการเทียบกันของ 2 สัปดาห์ (12 กุมภาพันธ์กับ 19 กุมภาพันธ์) ซึ่งผลการทำนายเป็นดังนี้ครับถึงแม้ว่าแมนซิตี้จะยังเป็นทีมที่มีโอกาสคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสูงที่สุดเหมือนเดิม แต่จะเห็นได้ว่าการที่เสมอกับเชลซีทำให้โอกาสลดลงเยอะพอสมควร เพราะจากโอกาสการเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกลดลงจาก 67.7% มาอยู่ที่ 46.5% ส่วนลิเวอร์พูลนั้นเพิ่มขึ้นมาเป็น 38.4% จาก 24% ไล่จี้แมนซิตี้เหลือเพียง 8.1% ส่วนอาร์เซนอลก็เพิ่มจาก 8.2% มาเป็น 15% หลังจากจบแมตช์เดย์ที่ 25 ที่บุกชนะเบิร์นลีย์สิ่งนี้บอกอะไรแก่เรา? จะเห็นได้ว่าต่อให้คุณไม่แพ้ คุณจะแค่สะดุดเสมอก็เถอะ เปอร์เซนต์ที่มีก็สามารถร่วงลงได้เยอะพอสมควรและถ้าหากคุณอยากจะเป็นแชมป์ในบั้นปลาย หลังจากนี้คุณห้ามพลาดเลยแม้แต่เกมเดียว เพราะในตอนนี้ เพียงเกมเดียวก็สามารถพลิกสถานการณ์ได้เลยปล.นี่เป็นเพียงการวิเคราะห์ ความคิดเห็นส่วนตัวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะที่พิมพ์บทความนี้อยู่นะครับ หลังจากนี้อาจจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้บทความที่เกี่ยวข้องฮาแลนด์ไม่คม, เชลซีรับเหนียว!!! 5 ประเด็นหลังเกมแมนซิตี พบ เชลซีเอลเลียตต์เปลี่ยนเกม, เทรนท์ไม่ฟิต!!! 5 ประเด็นหลังเกมลิเวอร์พูล พบ เบิร์นลีย์4 อันดับ 6 นักเตะทำแฮตทริกได้เยอะที่สุดในพรีเมียร์ลีกพ่อหมี VVD พลาดคู่, ปืนดุดัน!!! 5 ประเด็นหลังเกมปืนใหญ่ยิงหงส์ไส้แตกขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก Opta AnalystTransfermarktOfficial X ของพรีเมียร์ลีก (@premierleague) และลิเวอร์พูล (@LFC)ภาพปก 1, ภาพปก 2, ภาพปก 3, ภาพประกอบ 1, ภาพประกอบ 2, ภาพประกอบ 3 และภาพประกอบ 4 เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !