ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2025/26 รอบแบ่งกลุ่ม นัดแรก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านรับการมาเยือนของ นาโปลี แชมป์กัลโช่ เซเรียอา ฤดูกาลก่อน เกมนี้ถูกจับตามองอย่างมาก เพราะเป็นการเจอกันของสองทีมที่มีเกมรุกจัดจ้าน อย่างไรก็ตาม การถูกไล่ออกจากสนามของ โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่ กัปตันทีม นาโปลี ตั้งแต่ครึ่งแรก กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เจ้าถิ่นครองความได้เปรียบตลอดทั้งเกม และสุดท้ายจบด้วยชัยชนะของทัพ "เรือใบสีฟ้า" 2–0 เหตุการณ์สำคัญในเกม ครึ่งแรก: เกมเริ่มต้นด้วยการแลกหมัดกันอย่างสูสี ซิตี้พยายามต่อบอลและหาช่องเข้าทำจากแดนกลาง ขณะที่นาโปลีใช้การเล่นเกมสวนกลับที่อาศัยการจ่ายบอลของ เควินเดอบรอยน์ และการพักบอลของ รัสมุส ฮอยลุนด์ อย่างไรก็ตาม นาทีที่ 21 กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อ ดิ ลอเรนโซ่ ถูกใบแดงไล่ออกจากสนาม หลังจากทำฟาวล์ เออร์ลิง ฮาแลนด์ ที่กำลังหลุดเดี่ยวเข้าไปทำประตู ทำให้นาโปลีเหลือผู้เล่นเพียง 10 คนตั้งแต่ช่วงต้น ครึ่งหลัง: หลังจากครองเกมบุกอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดประตูแรกก็มาถึง นาทีที่ 56 จากจังหวะที่ ฟิล โฟเด้น ครอสเข้ามา และ ฮาแลนด์ กระโดดขึ้นโหม่งส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่าย กลายเป็นประตูที่ 50 ของเขาในเวทีแชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งทำได้เพียง 49 นัด เร็วกว่าสถิติเดิมของ ลิโอเนล เมสซี และ คริสเตียโน โรนัลโด้ หลายเกม จากนั้น นาทีที่ 65 ซิตี้หนีห่าง 2–0 เมื่อ เจเรมี่ โดคู โชว์สปีดกระชากหลุดแนวรับนาโปลี ก่อนซัดด้วยซ้ายเต็มแรงผ่านมือ วานย่า มิลินโควิช-ซาวิช เข้าไปอย่างสวยงาม ช่วงเวลาที่เหลือ ซิตี้ยังคงครองเกมและสร้างโอกาสได้หลายครั้ง แต่ไม่สามารถเพิ่มสกอร์ได้ ขณะที่นาโปลีแทบไม่มีจังหวะตอบโต้ เนื่องจากเสียเปรียบตัวผู้เล่น สถิติหลังเกม การครองบอล: แมนฯ ซิตี้ 74% – นาโปลี 26% ยิงทั้งหมด: ซิตี้ 23 ครั้ง (เข้ากรอบ 8) – นาโปลี 1 ครั้ง (เข้ากรอบ 1) ฟาวล์: ซิตี้ 3 – นาโปลี 4 ใบแดง: นาโปลี 1 (ดิ ลอเรนโซ่) วิเคราะห์เชิงลึก ใบแดงคือจุดเปลี่ยน: การเสียผู้เล่นตั้งแต่ครึ่งแรกบีบให้นาโปลีถอยลงไปตั้งรับลึกตลอดทั้งเกม แม้จะมีโอซิมเฮนเป็นตัวเป้า แต่แทบไม่มีโอกาสได้บอลจบสกอร์ Haaland กับสถิติใหม่: ประตูที่ทำได้ไม่เพียงสำคัญต่อผลการแข่งขัน แต่ยังตอกย้ำว่า ฮาแลนด์ คือ "เครื่องจักรสังหาร" ของเวทียุโรป เขาคือผู้เล่นที่ยิงครบ 50 ประตูได้เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ UCL พลังเกมรุกหลากหลาย: แม้ฮาแลนด์จะเป็นคนทำลายแนวรับ แต่การมีผู้เล่นอย่าง โฟเด้น และ โดคู ช่วยเสริม ทำให้เกมรุกของซิตี้ไม่ถูกคาดเดาง่าย และสามารถเจาะแนวรับที่อัดแน่นได้สำเร็จ นาโปลีต้องแก้เกมรับ: ฟอร์มของนาโปลีในเกมนี้สะท้อนว่าพวกเขายังขาดความนิ่งและประสบการณ์ในบอลยุโรประดับสูง การเสียกัปตันไปเร็วทำให้ทีมเสียสมดุลอย่างหนัก บทสรุปและสิ่งที่ตามมา ชัยชนะเกมนี้ทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เก็บ 3 คะแนนแรกในรอบแบ่งกลุ่มได้ตามเป้า พร้อมแสดงศักยภาพว่าเป็นหนึ่งในตัวเต็งที่จะคว้าแชมป์อีกครั้ง ขณะที่ นาโปลี ต้องรีบกลับมาทบทวนแผนการเล่น เพราะหากยังเล่นแบบพลาดง่าย ๆ ในเกมใหญ่ อาจส่งผลต่อโอกาสเข้ารอบของพวกเขา สำหรับแฟนบอล เกมนี้ไม่เพียงแต่เป็นการยืนยันความโหดของฮาแลนด์ แต่ยังเป็นการเตือนทีมอื่น ๆ ว่าซิตี้ยังคงเป็นทีมที่ไม่มีใครอยากเจอในแชมเปี้ยนส์ลีก รูปหน้าปก : รูปที่1 รูปภาพที่1/2/3/4 : จากเฟสบุ๊ค TrueID Sports ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !